Bitazza Thailand Blog

เปิดโลก DAO: นวัตกรรมองค์กรยุคใหม่ที่กำลังเปลี่ยนโลก

what is dao

 

เคยคิดหรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หากองค์กรไม่มีผู้บริหาร ไม่มีคณะกรรมการ ไม่มี CEO ที่มีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจ และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการบริหารได้อย่างโปรงใส ยุติธรรม นี่คือแนวคิดขององค์กรรูปแบบใหม่แบบกระจายศูนย์ หรือ ที่เรียกว่า “DAO” (Decentralised Autonomous Organization) ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราสร้างองค์กร และทำธุรกิจ ในบทความนี้จะพาคุณรู้จัก DAO แบบละเอียด ทั้งหลักการทำงาน ข้อดี ข้อเสีย ตัวอย่าง DAO ที่ประสบความสำเร็จ และอนาคตของ DAO ที่จะทำให้เข้าใจถึงแนวคิดใหม่ที่เข้ามาปฏิวัติรูปแบบการบริหารองค์กรแบบดั้งเดิม

 


DAO คืออะไร แตกต่างจากองค์กรทั่วไปอย่างไร

DAO (Decentralised Autonomous Organization) แปลว่า องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ มีความหมาย คือ องค์กรรูปแบบใหม่ที่มีการบริหารจัดการผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) บนเครือข่ายบล็อกเชน ไม่มีหน่วยงานกลางควบคุม ไม่ต้องพึ่งพาคณะกรรมการ หรือ CEO ในการตัดสินใจ ซึ่งองค์กรเหล่านี้มักจะมี DAO Crypto หรือเหรียญของตัวเองที่สมาชิกจะต้องใช้สำหรับการลงคะแนนเสียงและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

หลังจากนั้นทุกคะแนนจะถูกบันทึกบนบล็อกเชนเพื่อให้เกิดความโปร่งใส มากไปกว่านั้น สมาชิกขององค์กรมีเป้าหมายร่วมกันในการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์สูงสุดขององค์กร

หากเปรียบเทียบ DAO กับองค์กรแบบดั้งเดิม จะมีความแตกต่าง ดังนี้

  1. โครงสร้างองค์กร: องค์กรของ DAO มีโครงสร้างที่เรียบง่าย ลดการแบ่งชั้นของฝ่ายบริหาร ในขณะที่องค์กรแบบดั้งเดิมมีโครงสร้างหลายระดับ ประกอบไปด้วยแผนกต่าง ๆ และลำดับชั้นของผู้บริหาร ที่อาจส่งผลให้เกิดการแบ่งแยกและอุปสรรคต่อการทำงานร่วมกัน 
  2. การบริหารและการตัดสินใจ: สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์เสนอและโหวตเรื่องต่าง ๆ ผ่านระบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องพึ่งผู้บริหารหรือคณะกรรมการมีอำนาจตัดสินใจหลักแบบระบบขององค์กรดั้งเดิม
  3. การดำเนินงาน: อย่างที่เราคุ้นเคยกันดีว่าองค์กรแบบดั้งเดิมมีการใช้ระบบเอกสารและพนักงานในการดำเนินงาน แต่เทคโนโลยี DAO จะเป็นการใช้ Smart Contracts ให้ทำงานอัตโนมัติ ซึ่งสามารถลดต้นทุนตัวกลางในการดำเนินงานได้
  4. ความโปร่งใสและความปลอดภัย: เนื่องจาก DAO ถูกบริหารบนบล็อกเชน ทำให้ข้อมูลทุกอย่างมีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก สามารถตรวจสอบได้อย่างเปิดเผย ซึ่งแตกต่างจากองค์กรแบบดั้งเดิมที่อาจมีปัญหาทุจริตหรือข้อมูลรั่วไหลได้ง่ายกว่า

 


DAO blockchain

 

หลักการทำงานของ DAO

การทำงานของ DAO อาศัยหลักการผ่านสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ที่ถูกจัดเก็บบนบล็อกเชน ซึ่ง Smart Contracts จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่กำหนดวิธีการดำเนินงานของ DAO เมื่อกฎเกณฑ์เหล่านี้ถูกบันทึกลงบนบล็อกเชนอย่างเป็นทางการแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการ จัดหาเงินทุน และการกำหนดสิทธิ์ในการกำกับดูแลขององค์กรนั้น ๆ โดยทั่วไป DAO จะใช้วิธีออกโทเคนเพื่อระดมทุน โดยโปรโตคอลจะขายโทเคนเพื่อรวบรวมเงินเข้าสู่กองทุนของ DAO (DAO Treasury) และผู้ถือโทเคนจะได้รับสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง หลังจากขั้นตอนการระดมทุนเสร็จสิ้น DAO ก็พร้อมสำหรับการเปิดใช้งาน ซึ่ง DAO จะสามารถดำเนินการตาม Smart Contracts ได้ก็ต่อเมื่อได้รับฉันทามติจากสมาชิกเท่านั้น และจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎได้ หากไม่ได้รับการอนุมัติจากสมาชิก 

 


ประเภทของ DAO

DAO สามารถแบ่งออก 4 ประเภทด้วยกัน นั่นก็คือ

1. Protocol DAO

ถูกออกแบบมาเพื่อดูแลการทำงานต่าง ๆ ภายในโปรโตคอลแบบกระจายอำนาจ มักจะพบในการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) เช่น การกู้ การยืม การจัดการสินทรัพย์ และการซื้อขาย

  • ตัวอย่างของ Protocol DAO ได้แก่ MakerDAO, Uniswap และ Yearn Finance

2. Investment DAO

องค์กรที่รวบรวมเงินทุนจากหลากหลายแหล่งเพื่อสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Startups, Web3, และการลงทุนที่อยู่นอกบล็อกเชน ในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะเป็นการเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีการลงทุนแบบดั้งเดิมที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนกลุ่มใหม่ ๆ ได้

  • ตัวอย่างของ Social DAO ได้แก่ MetaCartel Ventures, Moloch DAO และ theLAO

3. Social DAO

แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้คนที่มีความสนใจคล้ายคลึงกัน เช่น ศิลปิน นักสร้างสรรค์ นักพัฒนา ได้มารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แสวงหาความรู้ ซึ่งสามารถช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พร้อมกับการมีส่วนร่วมในโครงการแบบเปิด ที่ทำงานร่วมกัน และได้รางวัลตอบแทน

  • ตัวอย่างของ Social DAO ได้แก่ Friends with Benefits, Developer DAO และ BAYC

4. Collector DAO 

แพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นการซื้อและคัดสรรของสมต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นคอลเล็กชันงานศิลปะ NFTs แบบ Blue Chip NFT ผู้ถือโทเคนทุกคนจะมีส่วนร่วมในการระดมทุนหรือบริจาคเงินให้กับกองทุนของ DAO หลังจากนั้นจะลงคะแนนเสียงเพื่อรว่มกันตัดสินใจว่าจะซื้อผลงานศิลปะชิ้นบ้าง

  • ตัวอย่างของ Collector DAO ได้แก่ Unicorn DAO, Flamingo DAO และ ConsitutionDAO


Decentralised Autonomous Organization

 

ข้อดีของ DAO

  • การกระจายอำนาจ: DAO มีการจัดการที่ปราศจากอำนาจของมนุษย์ โดยสมาชิกทุกคนมีความสามารถในการตัดสินใจเท่ากัน แทนที่จะพึ่งพาการกระทำของบุคคลเดียวแบบองค์กรดั้งเดิม และสมาชิกทุกคนมีส่วมร่วมที่จะทำให้ DAO ประสบความสำเร็จ ซึ่งส่งผลให้ชุมชนสามารถเติบโตได้อย่างดี
  • การมีส่วนร่วม: ผู้ที่ถือโทเคนใน DAO ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้แต่ละคนมีเสียงของตัวเองและมีส่วนร่วมในชุมชน ยิ่งมีสมาชิกเข้าร่วมมากเท่าไหร่ DAO ยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่านั้น DAO ส่งเสริมให้ผู้ถือโทเคนลงคะแนน เผาโทเค็น หรือใช้โทเคนในวิธีที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อองค์กร
  • ความโปร่งใสสูง: จากที่กล่าวไปเบื้องต้นว่า DAO มีการลงคะแนนและเก็บข้อมูลของการกระทำทั้งหมดผ่านบล็อกเชน ทำให้สามารถดูได้อย่างเปิดเผย ความโปร่งใส่นี้จะช่วยสร้างความไว้วางใจใน DAO และตอกย้ำความเชื่อมั่นว่า DAO จะดำเนินการในผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของผู้สมาชิกทุกคน
  • การเป็นชุมชม: แนวคิดของ DAO เป็นการสนับสนุนคนจากทั่วโลกให้มารวมตัวเพื่อวิสัยทัศน์เดียวกัน ซึ่งสามารถสร้างความรู้สึกที่เปรียบเสมือนชุมชนให้กับสมาชิกได้ เช่น การรวบรวมผู้เชี่ยวชาญที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ทำให้เกิดความเชื่อมโยงและกระตุ้นให้สมาชิกมีส่วนร่วม อีกทั้งเพิ่มโอกาสความสำเร็จให้กับ DAO

ข้อเสียและความท้าทายของ DAO

  • ความรวดเร็ว: หากจะต้องมีการตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง องค์กรแบบดั้งเดิมมีผู้ที่ถืออำนาจในการตัดสินใจ อย่าง CEO สามารถที่จะลงคะแนนเสียงได้รวดเร็ว ในขณะที่ DAO มีโครงสร้างแบบเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลงคะแนนเสียง ซึ่งทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการลงคะแนนนานกว่ามาก
  • การให้ความรู้: ถึงแม้ว่า DAO ให้สมาชิกทุกคนมีส่วมร่วมเท่าเทียมกันในการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามสมาชิกบางคนอาจไม่มีพื้นฐานหรือความรู้เหมาะสมในเรื่องนั้นเท่าที่ควร ทำให้ในทุก ๆ กิจกรรมที่จะเกิดขึ้น DAO จะต้องให้ความรู้แก่สมาชิก ซึ่ง DAO อาจประสบปัญหาจากการตัดสินใจ เนื่องจากสมาชิกขาดความเชี่ยวชาญได้
  • ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน: การบริหารแบบประชาธิปไตย มักจะล่าช้ากว่าการตัดสินใจแบบบนลงล่าง (Top-Down Approach) ซึ่งอาจทำให้ DAO เสียเวลาส่วนมากไปกับการให้ความรู้กับผู้ลงคะแนน การอธิบาย การถกเถียง และการบริหาร มากกว่าการลงมือทำจริง

  • ระบบความปลอดภัย: เนื่องจากเทคโนโลยี DAO ทำงานบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทำให้มีความเสี่ยงจากการถูกแฮกข้อมูลและอาชญากรรมไซเบอร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อระบบการลงคะแนนเสียงที่จะถูกโจมตี และทำลายความเชื่อใจของสมาชิกในท้ายที่สุด

 


MakerDAO, Uniswap DAO, ApeCoin DAO

 

ตัวอย่าง DAO ที่ประสบความสำเร็จ

1. MakerDAO – ระบบ Stablecoin DAI

MakerDAO คือ โปรโตคอลคริปโตเคอร์เรนซีที่ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum ในปี 2015 มีหน้าที่หลักคือบริหารจัดการ Stablecoin DAI ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ผูกมูลค่าไว้กับดอลลาร์สหรัฐ และมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับการกู้ยืม และการออมแบบกระจายศูนย์ ช่วยให้ผู้ใช้งานกู้ยืมสกุลเงินดิจทัลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางใด ๆ

2. Uniswap DAO – ระบบบริหารแพลตฟอร์ม DeFi

Uniswap แพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ บนเครือข่าย Ethereum ที่อนุญาตให้ผู้ถือโทเคน UNI สามารถเสนอ ลงคะแนนการตัดสินใจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงของแพลตฟอร์ม Uniswap มีการพัฒนาที่แข็งแกร่ง โดยถือครองสินทรัพย์มูลค่ากว่า 5.4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ Uniswap เป็น DAO ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

3. ApeCoin DAO – การบริหารเหรียญ APE และโปรเจค NFT

ApeCoin DAO คือ องค์กรแบบกระจายศูนย์ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการโทเค็น APE ก่อตั้งเมื่อปี 2022 ซึ่งเชื่อมโยงกับคอลเลกชั่น NFT ที่มีชื่อเสียงอย่าง Bored Ape Yacht Club (BAYC) ผู้ถือเหรียญ APE จะมีส่วนในการตัดสินใจร่วมกันเกี่ยวกับการจัดสรรกองทุน กฎระเบียบโครงการ และอื่น ๆ ที่เป็นการกำหนดทิศทางของระบบนิเวศ 

 


วิธีเข้าร่วมและมีส่วนร่วมใน DAO

ในการที่จะเข้าร่วม DAO นั้น เบื้องต้นผู้ใช้งานควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ DAO ที่สนใจเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายและค่านิยมของตัวเองจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ หลังจากเลือก DAO ได้แล้ว ขั้นตอนถัดไปจะเป็นการซื้อและถือครองโทเคนขององค์กรนั้น ๆ ซึ่งสามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีต่าง ๆ 

หลังจากที่มีการซื้อโทเคน และเป็นผู้ถือครองเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถทื่จะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่าง ๆ ได้ เช่น การลงคะแนนเสียงเพื่อเสนอการเปลี่ยนแปลง การสนับสนุนโปรเจกต์ใหม่ การบริหารจัดการทรัพย์สินของ DAO การสนับสนุนกิจกรรมภายในชุมชน นอกจากนี้ ผู้ถือโทเคนสามารถที่จะมีส่วนร่วมในการสนทนาและอภิปรายเรื่องต่าง ๆ ร่วมกันเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นเพื่อผลักดัน DAO ไปข้างหน้า

 

 


DAO กับอนาคตของการบริหารองค์กร

DAO กำลังก้าวเข้าสู่บทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารองค์กรสู่ยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการบริการให้มีความโปร่งใส กระจายอำนาจ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีทิศทางในอนาคตที่สำคัญ เช่น

  • การผสมผสานกับองค์กรแบบดั้งเดิม: เป็นการนำ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลการโหวตและแนวโน้มตลาด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจและให้คำแนะนำที่แม่นยำมากขึ้น
  • การรองรับทางกฎหมาย: เมื่อ DAO ได้รับความนิยมมากขึ้น รัฐบาลอาจมีการออกกฎหมายเพื่อรองรับเทคโนโลยี DAO ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นคง และช่วยให้เกิดการยอมรับในระดับสากล
  • การขยายตัวไปยังอุตสาหกรรมอื่น: แม้ปัจจุบัน DAO ยังคงอยู่ในวงการบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซี แต่ในอนาคต DAO อาจถูกนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย เช่น การเงิน สื่อและความบันเทิง การบริหารจัดการทรัพยากร การปกครอง


Conclusion

DAO คือ นวัตกรรมที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการบริหารองค์กรแบบดั้งเดิม พร้อมนำเสนอวิสัยทัศน์ที่มนุษย์สามารถร่วมมือกันในโลกของการตัดสินใจแบบกระจายอำนาจ มีกฏที่โปร่งใส และทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม ผ่านการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนและ Smart Contracts ในอนาคตเราอาจได้เห็นการผสมผสาน DAO เข้ากับองค์กรแบบดั้งเดิมมากขึ้น รวมถึงการขยายตัวไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ DAO จึงไม่ใช่เพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นก้าวสำคัญของวิวัฒนาการองค์กรในโลกดิจิทัลที่ควรจับตามองอย่างแน่นอน

 

 


คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด

 


อ้างอิง