Share this
FOMO คืออะไร? ความหมาย สาเหตุ และผลกระทบต่อการลงทุนคริปโต
ในโลกของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดคริปโต หรือสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ เรามักจะได้ยินคำว่า “FOMO” อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนที่กำลังเริ่มศึกษาและเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ คำว่า FOMO หรือ Fear of Missing Out เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจของนักลงทุนหลายคน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของ FOMO อย่างลึกซึ้ง สาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้ และที่สำคัญคือแนวทางในการจัดการกับมันอย่างมีประสิทธิภาพ
FOMO คืออะไร
FOMO ย่อมาจาก Fear of Missing Out หมายถึง ความกลัวที่จะพลาดโอกาส เป็นภาวะทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีความรู้สึกวิตกกังวลว่าคนอื่น ๆ กำลังได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความสุข หรือประสบความสำเร็จจากบางสิ่งบางอย่างที่ตนเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น ในบริบทของการลงทุน FOMO คือความกลัวว่าจะพลาดโอกาสทำกำไร เมื่อเห็นราคาของสินทรัพย์บางอย่างพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวลือหรือกระแสความนิยมจากคนรอบข้าง ความรู้สึกนี้จะกระตุ้นให้นักลงทุนรีบตัดสินใจซื้อสินทรัพย์นั้น ๆ โดยไม่ได้พิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน
ตัวอย่าง FOMO ในการลงทุน
FOMO เกิดขึ้นได้ในการลงทุนทุกสินทรัพย์ โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง หรือซื้อขายได้ง่าย ทำให้นักลงทุนตัดสินใจที่จะซื้อหรือขายได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
-
FOMO ในตลาดคริปโต
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนสูงและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายครั้งที่เราจะเห็นเหรียญบางเหรียญราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น หากมีข่าวว่าเหรียญ A กำลังถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียและราคาพุ่งขึ้นไป 50% ในหนึ่งวัน นักลงทุนที่เห็นเหตุการณ์นี้และไม่ได้ถือครองเหรียญ A อยู่ อาจจะเกิดความรู้สึก FOMO และรีบเข้าซื้อทันทีด้วยความกลัวว่าจะพลาดโอกาสทำกำไรก้อนโต โดยที่ไม่ได้ศึกษาปัจจัยพื้นฐานของเหรียญนั้นเลย
-
FOMO ในตลาดหุ้น
ปรากฏการณ์ FOMO ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตลาดคริปโตเท่านั้น ในตลาดหุ้นก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีข่าวว่าหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งกำลังจะมีการประกาศผลประกอบการที่ดีเยี่ยมและมีกระแสข่าวเชิงบวกออกมามากมาย นักลงทุนจำนวนมากอาจจะรีบเข้าซื้อหุ้นตัวนั้นโดยหวังว่าราคาจะพุ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทำให้เกิดการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติและราคาอาจพุ่งสูงขึ้นกว่าความเป็นจริงจากกระแส FOMO นี้
ผลกระทบของ FOMO ในการลงทุน
FOMO ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนในหลายมิติ โดยเฉพาะการตัดสินใจที่ขาดความยั้งคิด ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงในการขาดทุนที่สูงขึ้น
- ตัดสินใจอย่างขาดสติ: เมื่อตกอยู่ภายใต้ความรู้สึก FOMO นักลงทุนมักจะรีบตัดสินใจซื้อหรือขายสินทรัพย์โดยไม่ทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่เพียงพอ โดยมักจะเชื่อตามข่าวลือหรือกระแสความนิยมจากคนรอบข้างเป็นหลัก ทำให้การตัดสินใจนั้นอิงอยู่กับอารมณ์มากกว่าเหตุผล
- ซื้อที่ราคาสูงสุด: FOMO มักจะทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ในช่วงที่ราคาพุ่งสูงไปแล้ว หรือที่เรียกกันว่า “เข้าดอย” เนื่องจากราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความกลัวที่จะพลาด เมื่อนักลงทุนจำนวนมากเข้าซื้อพร้อมกัน ราคาจึงอาจพุ่งสูงเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง และเมื่อกระแสความนิยมลดลง ราคาจะปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนที่ซื้อตอนราคาสูงต้องขาดทุน
- การขาดทุนอย่างรุนแรง: การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบและเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาสูงจะนำไปสู่ความเสี่ยงในการขาดทุนที่สูงมาก หากราคาปรับตัวลง นักลงทุนอาจต้องขายสินทรัพย์ออกไปในราคาที่ต่ำกว่าทุนเพื่อลดการขาดทุน ทำให้สูญเสียเงินลงทุนไปอย่างน่าเสียดาย
- ความเครียดและวิตกกังวล: การลงทุนที่อยู่บนพื้นฐานของอารมณ์ FOMO ทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวลอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจะรู้สึกกดดันที่ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดตลอดเวลา และรู้สึกผิดหวังเมื่อพลาดโอกาสที่คิดว่าควรจะคว้าไว้ได้แล้ว
วิธีจัดการ FOMO ในการลงทุน
การจัดการกับ FOMO เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติและลดความเสี่ยงจากการขาดทุน
1. วางแผนก่อนลงทุน (Investment Plan)
ก่อนที่จะเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ควรมีการวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมายการลงทุน ระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การมีแผนจะช่วยให้นักลงทุนยึดมั่นในวินัยและไม่หวั่นไหวไปกับกระแสที่เกิดขึ้นชั่วคราว
2. ตั้งเป้าหมายและ Stop Loss
ก่อนที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ ควรตั้งเป้าหมายทำกำไร (Take Profit) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ชัดเจน เมื่อราคาถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ควรทำกำไรตามแผน และหากราคาปรับตัวลงถึงจุดที่กำหนดไว้ก็ควรขายออกเพื่อจำกัดการขาดทุน การทำตามแผนที่วางไว้จะช่วยป้องกันไม่ให้เราตัดสินใจตามอารมณ์ FOMO
3. ลงทุนแบบแบ่งไม้ (DCA)
การลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar-Cost Averaging เป็นการทยอยลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่า ๆ กันในระยะเวลาที่สม่ำเสมอ วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าซื้อในจังหวะที่ไม่เหมาะสม และยังช่วยให้ได้ราคาเฉลี่ยที่เหมาะสมในระยะยาว การลงทุนแบบ DCA ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าต้องเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสมที่สุด และช่วยลดความกดดันจาก FOMO ได้เป็นอย่างดี
4. พิจารณาข้อมูลและวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้ข้อมูลและเหตุผลในการตัดสินใจลงทุนเสมอ อย่าเพิ่งรีบเชื่อข่าวลือหรือกระแสความนิยม ควรศึกษาปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์นั้น ๆ และวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
5. รู้จักรอและอดทน
การลงทุนที่ดีต้องใช้เวลาและความอดทน ตลาดมีความผันผวนอยู่เสมอ และโอกาสในการลงทุนไม่ได้มีแค่เพียงครั้งเดียว การรู้จักรอคอยจังหวะที่เหมาะสมและไม่รีบเร่งจะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจด้วยอารมณ์
FOMO ในชีวิตประจำวัน
นอกเหนือจากการลงทุน FOMO ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในยุคโซเชียลมีเดีย เรามักจะเห็นเพื่อน ๆ ไปเที่ยวในสถานที่สวยงาม ซื้อของใหม่ หรือใช้ชีวิตที่ดูดี ทำให้เกิดความรู้สึกเปรียบเทียบและกลัวว่าจะพลาดสิ่งดี ๆ ในชีวิต ปรากฏการณ์นี้มีรากฐานมาจากความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและไม่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งเป็นกลไกทางจิตวิทยาเดียวกับที่เกิดขึ้นในตลาดการลงทุน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับคำว่า FOMO
-
FOMO คืออะไรในภาษาไทย
FOMO หรือ Fear of Missing Out ในภาษาไทยหมายถึง ความกลัวที่จะพลาดโอกาส
-
FOMO ต่างกับ Greed อย่างไร
FOMO คือความกลัวที่จะพลาดโอกาสทำกำไร ในขณะที่ Greed หรือความโลภคือความต้องการที่จะได้กำไรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งสองอย่างนี้มักเกิดขึ้นควบคู่กัน เมื่อนักลงทุนรู้สึก FOMO และเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาสูง ความโลภจะเข้าครอบงำให้ถือสินทรัพย์นั้นต่อโดยหวังว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ยอมขายทำกำไรตามแผน
-
ทำไม FOMO ถึงเกิดกับนักลงทุนมือใหม่มากที่สุด
นักลงทุนมือใหม่มักจะขาดประสบการณ์และวินัยในการลงทุน ทำให้ตัดสินใจตามอารมณ์และกระแสได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังขาดความรู้และข้อมูลที่เพียงพอในการวิเคราะห์ ทำให้ต้องพึ่งพาข้อมูลจากแหล่งข่าวหรือคนอื่น ๆ เป็นหลัก จึงมีแนวโน้มที่จะเกิด FOMO ได้ง่ายกว่านักลงทุนที่มีประสบการณ์
-
จะลดความเสี่ยงจาก FOMO ได้อย่างไร
วิธีลดความเสี่ยงจาก FOMO คือการสร้างวินัยในการลงทุน ตั้งแผนการลงทุนที่ชัดเจน ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน และไม่ตัดสินใจตามอารมณ์หรือกระแสของตลาด
Conclusion
FOMO เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่มีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจของนักลงทุน การทำความเข้าใจความหมายและผลกระทบของมันเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างวินัยในการลงทุน การจัดการกับความกลัวที่จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้หมายถึงการหลีกเลี่ยงการลงทุน แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะตัดสินใจอย่างมีสติและอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลมากกว่าอารมณ์ เพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นไปอย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง
Share this
- ตุลาคม 2025 (18)
- กันยายน 2025 (18)
- สิงหาคม 2025 (22)
- กรกฎาคม 2025 (37)
- มิถุนายน 2025 (33)
- พฤษภาคม 2025 (27)
- เมษายน 2025 (41)
- มีนาคม 2025 (22)
- กุมภาพันธ์ 2025 (33)
- มกราคม 2025 (9)
- ธันวาคม 2024 (10)
- พฤศจิกายน 2024 (8)
- ตุลาคม 2024 (9)
- กันยายน 2024 (9)
- สิงหาคม 2024 (15)
- กรกฎาคม 2024 (2)
- มิถุนายน 2024 (46)
Subscribe by email

FOMO คืออะไร? ความหมาย สาเหตุ และผลกระทบต่อการลงทุนคริปโต

MapleStory NFT คืออะไร? เปิดโลกเกมออนไลน์สู่การลงทุนดิจิทัล

ATH คืออะไร? อธิบาย All Time High ที่นักลงทุนคริปโตควรรู้

Inflation คืออะไร? ทำความเข้าใจเงินเฟ้อและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

Indicator คืออะไร? แนะนำเครื่องมือวิเคราะห์กราฟที่นักลงทุนต้องรู้

Slippage คืออะไร? เข้าใจสาเหตุและวิธีหลีกเลี่ยงในตลาดคริปโตฯ

ญี่ปุ่นพิจารณาอนุญาตให้ธนาคารเปิดบริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

พบกับ Story (IP) บล็อกเชนที่เชื่อมโลกของทรัพย์สินทางปัญญาเข้ากับเศรษฐกิจดิจิทัลสำหรับครีเอเตอร์

พบกับ Pump.fun (PUMP) จุดศูนย์กลางของกระแสมีมครั้งใหญ่บน Solana

