SUI เป็นบล็อกเชน Layer 1 ซึ่งถูกเปิดใช้งานในวันที่ 3 พฤษภาคม 2023 โดยเป็นบล็อกเชน ที่ออกแบบให้มีจุดเด่นที่ความรวดเร็วสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ และสามารถขยายขนาดได้ดี เป็นมิตรต่อผู้มใช้งาน และเอื้อให้เกิดการพัฒนา dApp บนเครือข่าย SUI เป็นบล็อกเชนซึ่งถูกพัฒนาโดย Mysten Labs ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอดีตวิศวกรจาก Meta (Facebook) ที่เคยทำงานกับโครงการ Diem และ Move language ด้วยกลไก Parallel Execution ทำให้ Sui รองรับธุรกรรมได้ถึง 125,000 ธุรกรรมต่อวินาที
SUI Coin (SUI) เป็นสกุลเงินดิจิทัลหลักของเครือข่าย SUI Blockchain เป็นโทเคนดั้งเดิมของบล็อกเชน ซึ่งมีบทบาทในการใช้งานหลายรูปแบบ เช่น ใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม ทุกธุรกรรมบน Sui ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมด้วย SUI coin หรือนำไป Stake เพื่อสนับสนุนความปลอดภัยของเครือข่ายรับผลตอบแทนเป็นเหรียญ SUI นอกจากนั้นยังใช้สำหรับเข้าถึง dApps ต่าง ๆ ในระบบนิเวศของ Sui
Sui มีการใช้เทคโนโลยีหลายอย่างเพื่อความรวดเร็ว เทคโนโลยีที่สำคัญของ Siu บล็อกเชน ได้แก่ การใช้ Object-centric model แทนที่จะใช้โครงสร้างแบบบัญชี สินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกจัดเก็บในรูปแบบของ objects นอกจากนั้นยังใช้การประมวลผลธุรกรรมแบบคู่ขนานแทนการประมวลผลธุรกรรมแบบลำดับทีละรายการ ทำให้รองรับปริมาณธุรกรรมที่สูงขึ้นได้ และยังมีการใช้ภาษา Move สำหรับ Smart contract ด้วย
Move คือภาษาโปรแกรม ซึ่งมีต้นกำเนิดจากโครงการ Libra ของ Facebook และต่อมาถูกนำไปใช้ในบล็อกเชนต่าง ๆ โดย Move ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะ ทำให้การพัฒนาแอปมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง เมื่อเทียบกับภาษาอื่น ๆ
ลดโอกาสการเกิดช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการสูญเสียสินทรัพย์
Proof-of-Stake (PoS) เป็นกลไกฉันทามติ (Consensus Mechanism) ที่ใช้ในการยืนยันธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายบล็อกเชน คือการวางสินทรัพย์ค้ำประกันเพื่อรับสิทธิ์ในการตรวจสอบธุรกรรม หรือระบบที่ผู้ขุดจะต้องวางสินทรัพย์หรือเงินเดิมพัน (Stake) เพื่อเพิ่มโอกาสในการถูกเลือกเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม โดยแตกต่างจาก Proof-of-Work (PoW) ตรงที่ ไม่ต้องใช้พลังงานมหาศาลในการขุดเหมือน Bitcoin แต่ใช้ การวางหลักประกัน (Staking) ของเหรียญดิจิทัลแทน บล็อกเชนที่ใช้ PoS เช่น Ethereum (หลังการอัปเกรดเป็น Ethereum 2.0), Cardano, Polkadot และ Sui
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้บล็อกเชนได้รับการยอมรับในวงกว้างคือ ค่าธรรมเนียมต่ำ (Low Fees) และความสามารถในการรองรับปริมาณธุรกรรมสูง (Scalability) โดยเฉพาะในเครือข่ายที่ใช้ Proof-of-Stake (PoS) และแนวทางการปรับขยายที่มีประสิทธิภาพ
ค่าธรรมเนียม (Gas Fee) คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการทำธุรกรรมหรือใช้ Smart Contract บนบล็อกเชน ซึ่งในระบบแบบดั้งเดิมอย่าง Bitcoin และ Ethereum (ก่อนอัปเกรดเป็น PoS) มักมีค่าธรรมเนียมสูง เนื่องจากปริมาณธุรกรรมที่สูงกว่าความสามารถในการประมวลผลของเครือข่าย
1. Proof-of-Stake (PoS) ลดต้นทุนในการประมวลผล
ระบบ PoS ไม่ต้องใช้พลังงานสูงเหมือน Proof-of-Work (PoW) และ Validators หรือผู้ตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชนไม่ต้องขุด (Mining) ใช้เพียงการ Stake ทำให้ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าสูง นอกจากนั้นยังมีค่าธรรมเนียมต่ำเพราะไม่มีต้นทุนพลังงานมหาศาลเหมือน Bitcoin หรือ Ethereum แบบเก่า
2. การประมวลผลธุรกรรมแบบขนาน (Parallel Execution)
บล็อกเชน Sui และ Aptos ใช้การประมวลผลธุรกรรมแบบขนาน (Parallel Processing) ต่างจาก Ethereum ที่ประมวลผลธุรกรรมทีละรายการ (Sequential Processing) จึงช่วยลดเวลารอ ทำให้ค่าธรรมเนียมต่ำลง
3. Sharding – การแบ่งเครือข่ายเป็นส่วนย่อย
Sharding คือการแบ่งเครือข่ายออกเป็นหลายๆ ส่วนทำให้ประมวลผลธุรกรรมได้หลายชุดพร้อมกัน ช่วยลดความแออัดของเครือข่ายและลดค่าธรรมเนียม
4. Layer 2 Solutions (โซลูชันเสริม)
Layer 2 เช่น Arbitrum, Optimism และ zk-Rollups ช่วยลดค่าธรรมเนียมได้มาก ใช้วิธีรวมธุรกรรมหลายรายการเข้าด้วยกัน ก่อนส่งไปยัง Layer 1 (Ethereum) ทำให้ต้นทุนของแต่ละธุรกรรมลดลง
ความเร็วสูง ด้วยการทำงานแบบขนาน ทำให้ประมวลผลธุรกรรมได้หลายรายการพร้อมกัน
ค่าธรรมเนียมต่ำ เนื่องจากใช้ Proof-of-Stake (POS) จึงทำให้มีค่าธรรมเนียมต่ำมาก
ความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้ภาษา Move ในการพัฒนา
รองรับ NFT และ GameFi ได้เป็นอย่างดี เป็นบล็อกเชนที่เหมาะกับ Web3 และอุตสาหกรรมเกม
SUI Coin เป็นโทเคนหลักของ Sui Blockchain ซึ่งถูกออกแบบมาให้รองรับธุรกรรมความเร็วสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ และเหมาะกับการใช้งานใน Web3, DeFi, NFT และ GameFi SUI ไม่ได้เป็นเพียงแค่เหรียญเพื่อการลงทุน แต่มีบทบาทสำคัญในเครือข่าย Sui Blockchain ในหลายด้าน ได้แก่
เมื่อจะเริ่มซื้อเหรียญ SUI ต้องหาแพลตฟอร์มที่รองรับเสียก่อน แพลตฟอร์ม Bitazza เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งที่รองรับการซื้อขาย SUI Coin และได้รับการรับรองจากกลต. ดังนั้นนักลงทุนจึงสามารถซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม Bitazza ได้โดยไม่ต้องกังวล วิธีการซื้อขายง่าย ๆ ดังนี้
การซื้อขาย SUI Coin บน Bitazza สามารถทำได้ง่ายและสะดวกมาก ทำธุรกรรมได้ทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
Sui Blockchain เป็นหนึ่งในบล็อกเชนรุ่นใหม่ที่ถูกออกแบบมาให้รองรับ Web3, NFT, GameFi และ DeFi ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความเร็วสูง ค่าธรรมเนียมต่ำ และสถาปัตยกรรมที่ล้ำสมัย อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับบล็อกเชนยอดนิยมอื่น ๆ เช่น Ethereum, Solana, Aptos และ BNB Chain จะเห็นได้ว่าแต่ละเครือข่ายมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป
Ethereum เป็นบล็อกเชนที่มีระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุด มีนักพัฒนาและ DApps มากมาย เช่น Uniswap, OpenSea และ Aave แต่มีข้อจำกัดเรื่อง ค่าธรรมเนียมสูงและความเร็วต่ำ เนื่องจากยังคงใช้การประมวลผลธุรกรรมแบบเรียงลำดับ (Sequential Processing) ทำให้รองรับได้เพียงประมาณ 30 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS)
Sui มีโครงสร้างที่แตกต่างออกไป โดยใช้ Parallel Execution ซึ่งช่วยให้สามารถประมวลผลหลายธุรกรรมพร้อมกัน และรองรับได้มากกว่า 300,000 TPS ทำให้เร็วกว่า Ethereum อย่างมาก นอกจากนี้ Sui ยังใช้ภาษา Move ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่า Solidity ที่ Ethereum ใช้ในการพัฒนา Smart Contracts
อย่างไรก็ตาม Ethereum มีข้อได้เปรียบในแง่ของ ความน่าเชื่อถือและฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ ขณะที่ Sui ยังต้องใช้เวลาในการขยายระบบนิเวศของตัวเอง
Solana เป็นบล็อกเชนที่ขึ้นชื่อเรื่อง ความเร็วสูงและค่าธรรมเนียมต่ำ โดยสามารถรองรับได้ประมาณ 65,000 TPS ซึ่งเป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม Solana ใช้กลไกฉันทามติ Proof-of-History (PoH) + Proof-of-Stake (PoS) ซึ่งแม้ว่าจะช่วยให้เครือข่ายเร็วขึ้น แต่ก็ทำให้เกิดปัญหาเครือข่ายล่มบ่อยครั้งในอดีต
Sui มีข้อได้เปรียบในแง่ของความเสถียร เนื่องจากออกแบบให้สามารถปรับขยายเครือข่ายได้ดีขึ้นโดยใช้ Object-Centric Model และ Parallel Execution ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับธุรกรรมได้มากกว่า Solana โดยไม่มีปัญหาเครือข่ายล่ม
อย่างไรก็ตาม Solana มีระบบนิเวศที่ใหญ่กว่า Sui ณ ตอนนี้ โดยมีโครงการ NFT และ DeFi มากมาย ทำให้ Sui ต้องใช้เวลาเพื่อดึงดูดนักพัฒนาและผู้ใช้งานเข้ามา
Aptos เป็นอีกหนึ่งบล็อกเชนที่ใช้ภาษา Move เหมือน Sui และออกแบบมาให้สามารถรองรับธุรกรรมได้จำนวนมาก โดยใช้ Parallel Execution เหมือนกัน Aptos สามารถรองรับได้ประมาณ 160,000 TPS ซึ่งเร็วกว่าบล็อกเชนส่วนใหญ่ ยกเว้น Sui
Sui มีจุดเด่นเหนือกว่า Aptos ตรงที่ใช้ Object-Centric Model ซึ่งช่วยให้การทำธุรกรรมเร็วขึ้น และรองรับการพัฒนา DApps ได้ยืดหยุ่นกว่า นอกจากนี้ Sui ยังให้ความสำคัญกับ NFT และ GameFi มากกว่า Aptos ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแอปพลิเคชัน DeFi เป็นหลัก
ทั้งสองเครือข่ายยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีระบบนิเวศที่กำลังเติบโต ดังนั้นจึงต้องรอดูว่าเครือข่ายใดจะสามารถดึงดูดนักพัฒนาและผู้ใช้งานได้มากกว่ากัน
BNB Chain (หรือ Binance Smart Chain) เป็นบล็อกเชนที่พัฒนาโดย Binance และได้รับความนิยมสูง เนื่องจาก ค่าธรรมเนียมต่ำ (~$0.10) และมีระบบนิเวศที่กว้างขวาง มีโครงการ DeFi, NFT และ GameFi มากมาย อย่างไรก็ตาม BNB Chain ยังคงใช้กลไกฉันทามติ Proof-of-Stake Authority (PoSA) ซึ่งมีความเป็นศูนย์กลางสูงเมื่อเทียบกับ Sui ที่ออกแบบมาให้มีความกระจายศูนย์มากกว่า
Sui มีข้อได้เปรียบในแง่ของ ความเร็วและความปลอดภัยของ Smart Contract เนื่องจากใช้ภาษา Move ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีขึ้น ขณะที่ BNB Chain ยังใช้ Solidity เช่นเดียวกับ Ethereum ซึ่งมีประวัติการถูกแฮ็กหลายครั้ง
อย่างไรก็ตาม BNB Chain มีฐานผู้ใช้และนักพัฒนาใหญ่กว่า Sui ในปัจจุบัน ทำให้มี DApps ให้ใช้งานมากกว่า
Sui เป็นบล็อกเชนที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ทำให้ จำนวน DApps, DeFi Protocols, NFT Marketplace และโครงการ GameFi ยังน้อยเมื่อเทียบกับเครือข่ายเก่าอย่าง Ethereum, Solana และ BNB Chain
แนวโน้มและอนาคตของ SUI Coin
ถึงแม้ว่า Sui จะมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่ก็ยังไม่มีการรับรองว่าเครือข่ายจะสามารถดึงดูด ผู้ใช้งานและนักพัฒนาในระยะยาวได้หรือไม่
แม้ว่าบล็อกเชน Sui จะออกแบบมาให้รองรับ Parallel Execution และ Object-Centric Model ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วและความปลอดภัย แต่ก็ยังเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ ต้องผ่านการทดสอบการใช้งานจริงในระยะยาว
เหมือนกับเหรียญคริปโตอื่น ๆ SUI เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ราคาสามารถขึ้นลงได้อย่างรวดเร็วตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ตลาดคริปโตโดยรวม การอัปเดตเครือข่าย และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ปัจจุบัน SUI มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 2.80 ดอลล่าร์ อยู่ในลำดับที่ 19 ของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี่ด้วยมูลค่าตลาดรวม (Marketcap) อยู่ที่ประมาณ 8 พันล้าน (อ้างอิงข้อมูลจาก Coingecko ณ วันที่ 1 มีนาคม 2568) ถึงแม้ว่า SUI จะเป็นเหรียญที่น่าจับตามอง และมีอนาคตไกล แต่นักลงทุนก็ต้องระมัดระวังในการลงทุน และศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง