โลกของคริปโตเคอร์เรนซีได้กลายเป็นหนึ่งในหัวข้อด้านการลงทุนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในทศวรรษนี้ ด้วยโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงและความผันผวนที่สูงเช่นกัน คำถามที่ว่า "คริปโต เล่นยังไง" จึงเป็นจุดเริ่มต้นของใครหลายคนที่ต้องการก้าวเข้ามาในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล บทความนี้คือคู่มือที่จะช่วยปูพื้นฐานและอธิบายขั้นตอนการเริ่มต้นลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและเข้าใจในสิ่งที่กำลังจะลงทุน
คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า "คริปโต" คือสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ประเภทหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัส (Cryptography) เพื่อความปลอดภัย และทำงานอยู่บนเทคโนโลยีที่เรียกว่า "บล็อกเชน" (Blockchain)
หัวใจสำคัญของคริปโตคือการเป็นระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ซึ่งหมายความว่าไม่มีตัวกลาง เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงิน มาควบคุมการทำธุรกรรม ทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกและตรวจสอบโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทำให้มีความโปร่งใสและเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ยาก สกุลเงินคริปโตที่รู้จักกันดีที่สุดคือ Bitcoin (BTC) และยังมีเหรียญอื่น ๆ อีกหลายพันสกุลที่เรียกรวมกันว่า Altcoins เช่น Ethereum (ETH), Solana (SOL), และอีกมากมาย
คำว่า "เล่นคริปโต" โดยส่วนใหญ่หมายถึงการ "ซื้อขาย" หรือ "เทรด" คริปโตเคอร์เรนซีผ่านแพลตฟอร์มตัวกลางที่เรียกว่า Exchange ซึ่งเป็นเหมือนตลาดหรือกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงาน ก.ล.ต. ในประเทศไทย
สำหรับแพลตฟอร์มอย่าง Bitazza ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการในไทยที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต. ขั้นตอนพื้นฐานจะคล้ายคลึงกัน คือ ผู้ใช้ต้องสมัครเปิดบัญชี, ยืนยันตัวตน, ฝากเงินบาทเข้าไปในระบบ, จากนั้นจึงนำเงินบาทนั้นไปแลกเปลี่ยนหรือซื้อเหรียญคริปโตที่ต้องการ เมื่อซื้อเหรียญมาแล้ว ก็สามารถถือครองไว้รอราคาปรับตัวขึ้น หรือจะทำการซื้อขายเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาก็ได้ แพลตฟอร์ม Bitazza เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ และสะดวกรวดเร็ว สามารถซื้อขายได้ทั้งทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
การเริ่มต้นเข้าสู่โลกคริปโตมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน สามารถสรุปได้ดังนี้
ขั้นตอนแรกคือการเลือกผู้ให้บริการ Exchange ที่น่าเชื่อถือและได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ในประเทศไทย จากนั้นทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันหรือเข้าไปที่เว็บไซต์เพื่อทำการสมัครสมาชิก โดยกรอกข้อมูลส่วนตัวเบื้องต้น เช่น อีเมลและตั้งรหัสผ่าน
KYC ย่อมาจาก "Know Your Customer" เป็นกระบวนการที่ผู้ให้บริการต้องทำการตรวจสอบและยืนยันตัวตนของลูกค้าตามกฎหมายเพื่อป้องกันการฟอกเงิน ผู้สมัครจะต้องเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน และทำการถ่ายรูปใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนตามขั้นตอนที่แพลตฟอร์มกำหนด เมื่อการยืนยันตัวตนเสร็จสมบูรณ์ บัญชีก็จะพร้อมใช้งาน
หลังจากบัญชีผ่านการอนุมัติแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการฝากเงินบาท (THB) เข้าไปยังบัญชี Exchange ของตนเอง โดยส่วนใหญ่มักทำผ่าน Mobile Banking ด้วยระบบ QR Code หรือการโอนเงินเข้าบัญชีที่กำหนด เมื่อเงินเข้าสู่ระบบแล้ว ก็จะพร้อมสำหรับการซื้อขายเหรียญคริปโต
เมื่อมีเงินบาทในบัญชีแล้ว ก็สามารถเริ่มต้นการซื้อขายได้
ผู้ใช้สามารถนำเงินบาทไปซื้อเหรียญคริปโตที่ต้องการได้โดยตรง เช่น ซื้อ Bitcoin (BTC) หรือ Ethereum (ETH) นอกจากนี้ ในตลาดคริปโตยังมีสิ่งที่เรียกว่า Stablecoin ซึ่งเป็นเหรียญที่มีมูลค่าคงที่อ้างอิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น USDT (Tether) นักเทรดจำนวนมากนิยมแลกเงินบาทเป็น USDT ก่อน เพื่อใช้ในการซื้อขายเหรียญอื่น ๆ ต่อไป เพราะเป็นคู่เทรดที่ได้รับความนิยมและมีสภาพคล่องสูง
หลังจากซื้อเหรียญแล้ว สินทรัพย์จะถูกเก็บไว้ใน Wallet ของ Exchange ซึ่งสะดวกต่อการซื้อขาย แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุดสำหรับการถือครองระยะยาว นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะโอนเหรียญไปเก็บไว้ใน "กระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัว" (Personal Wallet) ซึ่งมีทั้งแบบซอฟต์แวร์บนมือถือ/คอมพิวเตอร์ (Software Wallet) และแบบฮาร์ดแวร์ที่จับต้องได้คล้าย USB (Hardware Wallet) ซึ่งจะให้สิทธิ์ในการควบคุมสินทรัพย์อย่างเต็มที่
นอกจากการซื้อขายเก็งกำไร ยังมีวิธีการลงทุนในคริปโตอีกหลากหลายรูปแบบ
ไม่มีการลงทุนใดที่การันตีว่าจะไม่ขาดทุน แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการกระจายความเสี่ยง (ไม่ลงทุนในเหรียญเดียว), การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และลงทุนด้วยเงินเย็น คือเงินที่พร้อมจะสูญเสียได้โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิต
สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มต้นศึกษาและลงทุนในเหรียญขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เช่น Bitcoin (BTC) ซึ่งเปรียบเสมือนทองคำดิจิทัล และ Ethereum (ETH) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ใหญ่ที่สุดและมีแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (dApps) ทำงานอยู่มากมาย
แพลตฟอร์ม Exchange ในไทยส่วนใหญ่ไม่มีกำหนดยอดฝากขั้นต่ำ หรือมีในระดับที่ต่ำมาก และสามารถเริ่มต้นซื้อขายได้ด้วยเงินเพียง 10 บาท ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการลงทุนในคริปโตได้
การลงทุนในคริปโตมีภาระทางภาษี กำไรจากการขายหรือเทรดคริปโตถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 4 ซึ่งต้องนำไปคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี อย่างไรก็ตาม ควรติดตามประกาศล่าสุดจากกรมสรรพากร เนื่องจากกฎเกณฑ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
การเริ่มต้นลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีไม่ใช่เรื่องยาก แต่เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยการศึกษา ความเข้าใจ และการตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงสูงอยู่เสมอ การเริ่มต้นจากขั้นตอนพื้นฐาน ตั้งแต่การเลือก Exchange, การยืนยันตัวตน, ไปจนถึงการเรียนรู้วิธีการซื้อขายและกลยุทธ์ต่าง ๆ จะเป็นรากฐานที่สำคัญในการเดินทางในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล สิ่งสำคัญที่สุดคือการลงทุนด้วยความรู้ และลงทุนในจำนวนเงินที่ยอมรับความเสี่ยงได้เท่านั้น
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
Ref: www.sec.or.th