Share this
Ethereum คืออะไร เหรียญ ETH ยังน่าลงทุนหรือไม่

ไม่ว่ากระแสการลงทุนปัจจุบันจะเป็นอย่างไร Ethereum คือ อีกหนึ่งชื่ออันดับต้น ๆ ของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องได้ยินและรู้จักเป็นวงกว้าง บทความนี้ จะพามาทำความรู้จักว่า Ethereum คืออะไร มีเทคโนโลยีอะไรบ้าง นำไปใช้แบบไหน ข้อดีและข้อจำกัดของ Ethereum ต้องพิจารณาเรื่องอะไรเหรียญ ETH มีแนวโน้มราคาเป็นอย่างไรบ้าง แล้ววิธีการซื้อเหรียญต้องทำอย่างไร
ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับ Ethereum
- Ethereum กำลังพิจารณาข้อเสนอ EIP-9698 เพื่อเพิ่มขีดจำกัดของ gas limit จาก 30 ล้าน เป็น 3 พันล้านภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการประมวลผลธุรกรรม และรองรับการขยายตัวของเครือข่ายได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายใน Ethereum Foundation และการเปลี่ยนแปลงทางเทคนิคอื่น ๆ ที่สำคัญ
- Blockchain News รายงานว่า Ethereum แสดงสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มราคาขาขึ้น โดยมีปริมาณการซื้อขายและกิจกรรมบนเครือข่ายเพิ่มขึ้น เช่น จำนวน Address ที่ใช้งานรายวันเพิ่มขึ้น 12% การฝากเหรียญเพื่อ Staking เพิ่มขึ้น 8,000 ETH ภายใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว
- ในเดือนเมษายน 2025 Ethereum ครองส่วนแบ่ง 60% ของมูลค่าทรัพย์สินจริง (Real-World Assets - RWA) ที่ถูกโทเคน ซึ่งแสดงถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของ Ethereum ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้กับสินทรัพย์ในโลกจริง อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความสามารถในการขยายตัวของเครือข่ายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในอนาคต

Ethereum คืออะไร
Ethereum คือ แพลตฟอร์มบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์หรือ Decentralized โดยพัฒนาและสร้างเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีของเครือข่ายออกมาชื่อว่าเหรียญ Ether (ETH) เทคโนโลยีบล็อกเชนช่วยให้เครือข่าย Ethereum สร้างความปลอดภัยในการทำธุรกรรมดิจิทัล
หากเทียบกับ Bitcoin แล้ว ทั้งสองเหรียญนี้ต่างมีทั้งจุดเหมือนและจุดต่างอันเป็นทั้งข้อดีและข้อจำกัดของเครือข่ายตน ทั้งนี้ Ethereum ใช้กลไกตรวจสอบธุรกรรมแบบ Proof-of-Stake อีกทั้งยังถือเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่เน้นหลักพัฒนาเริ่มต้นมาจากบล็อกเชนอีกด้วย

ความแตกต่างระหว่าง Ethereum กับ Bitcoin
จริง ๆ แล้ว ทั้ง Ethereum และ Bitcoin ต่างมีจุดเหมือนร่วมกันหลายอย่าง แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีจุดต่างให้พิจารณาและน่าสนใจไม่น้อยทั้งในกลุ่มนักลงทุนและนักพัฒนา
หากว่ากันถึงการวาง Position ของเครือข่ายและเหรียญ ฝั่งผู้ก่อตั้ง Ethereum มองว่าเครือข่ายของตนมุ่งเน้นสู่การเป็น “เครือข่ายบล็อกเชนที่ติดตั้งโปรแกรมในระดับโลก” กล่าวคือ พวกเขาต่างมองว่า Ethereum จะกลายเป็นเครือข่ายที่นักพัฒนาสามารถเข้าถึง Ethereum เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชันจาก Resource ที่มีได้ ในขณะที่ Bitcoin มุ่งสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการใช้เป็นสื่อกลางชำระเงินที่นอกเหนือไปจากการใช้สื่อกลางจากสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ จำนวนเหรียญบิตคอยน์ก็มีปริมาณหมุนเวียนในเครือข่ายจำกัด ซึ่งปริมาณหมุนเวียนของเหรียญอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ ในขณะที่อีเธอเรียมจะถูกสร้างขึ้นมาได้ไม่จำกัด
ที่สำคัญ ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมของทั้งสองเครือข่ายถือเป็นจุดต่างสำคัญ กล่าวคือ ค่าธรรมเนียมหรือค่าแก๊สของเครือข่ายอีเธอเรียมจะเป็นความรับผิดชอบของผู้เข้าร่วมทำธุรกรรมบนเครือข่าย และจะเครือข่ายเผาไป ต่างจากเครือข่ายบิตคอยน์ที่นักขุดจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมนั้นแทน

Ethereum 2.0 คืออะไร
Ethereum 2.0 คือ เครือข่ายอีเธอเรียมแบบอัปเกรดขึ้นมาอีกขั้น ถือเป็นต้นแบบการเปลี่ยนผ่านจากกลไกการตรวจสอบธุรกรรมจาก Proof-of-Stake มาเป็น Proof-of-Work จุดมุ่งหมายของ Ethereum 2.0 คือต้องการยกระดับเครือข่ายให้ดีขึ้น ทั้งในแง่ของการปรับตัวของเครือข่าย การเข้าถึงเครือข่าย รวมทั้งความราบรื่นในการทำธุรกรรม
ทั้งนี้ Ethereum 2.0 จะต้องดำเนินการอัปเกรดอีกหลายครั้ง เพื่อให้เวอร์ชันของเครือข่ายนี้ที่สมบูรณ์ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพทำงานของเครือข่ายให้ทำธุรกรรมได้มากกว่า 100,000 ธุรกรรมต่อวินาที
เทคโนโลยีเบื้องหลัง Ethereum
จริง ๆ แล้ว เครือข่าย Ethereum ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาในเครือข่ายหลายอย่าง ดังนี้
-
Smart Contracts คืออะไร
Smart Contracts คือ โปรแกรมที่ติดตั้งและดำเนินการบนบล็อกเชน Ethereum ถือเป็นชุดข้อมูลและโค้ดที่อยู่ใน Address เฉพาะของเครือข่าย มีส่วนสำคัญในการใช้ทำข้อมูลธุรกรรม การทำงานของ Smart Contracts จะทำงานด้วยโปรแกรมที่ได้รับการป้อนข้อมูลมาแล้ว ไม่ต้องมีคนหรือผู้ใช้งานอื่นมาควบคุมการทำงาน นอกจากนี้ Smart Contracts ยังช่วยกำหนดกฎเกณฑ์และบังคับปรับใช้ผ่านโค้ดอัตโนมัติ ไม่สามารถลบข้อมูลหรือแก้ไขได้
-
dApps (Decentralized Applications)
dApps มีเป้าหมายสู่การมุ่งเน้นการสร้างบริการทางการเงินที่ใช้เหรียญคริปโคเคอร์เรนซี ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้เป็นสื่อกลางในการให้ยืม ยืม เก็งกำไร และชำระใช้จ่ายต่าง ๆ ได้ โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนตัว
-
Ethereum Virtual Machine (EVM)
Ethereum Virtual Machine หรือ EVM ถือเป็นโปรแกรมที่เอื้อให้เกิดโลกเสมือนของการเงินแบบกระจายศูนย์ โดยจะใช้การจัดการผ่านโค้ดผ่านโหนดต่าง ๆ ภายในเครือข่าย Ethereum โหนดจะเรียกใช้งาน EVM จากนั้น EVM จะดำเนินการกับ Smart Contracts หน่วยการทำงานจะใช้ว่า “แก๊ส” เพื่อวัดประสิทธิภาพในการคำนวณสำหรับการดำเนินการต่าง ๆ มีส่วนช่วยในการจัดสรรทรัพยากรและรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

การใช้งาน Ethereum ในชีวิตจริง
เมื่อว่ากันถึงการประยุกต์ใช้ Ethereum แล้ว เหรียญนี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อย่างกว้าวขวาง ดังนี้
- Ethereum ในเกม
Ethereum ถูกนำไปปรับใช้กับเกมโลกเสมือน ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ Decentraland เกมบล็อกเชนว่าด้วยการซื้อขายที่ดินในโลกเสมือนนั้นใช้งานเครือข่ายบล็อกเชน Ethereum เพื่อรักษาความปลอดภัยของไอเทมต่าง ๆ ภายในเดม นอกจากนี้ ตัวอวตาร เครื่องแต่งกาย ตึกอาคาร และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ในเกมก็ยังถูกทำออกมาในรูปของโทเคน ซึ่งใช้เป็นสื่อกลางแสดงความเป็นเจ้าของ
- Ethereum กับ NFTs
NFTs ใช้โทเคนแทนดิจิทัลไอเทม ซึ่งโทเคนดังกล่าวใช้ Ethereum ในการสร้างขึ้นมา โดยโทเคน 1 โทเคน จะแทนดิจิทัลไอเทมที่มาพร้อม Private Key ทำให้เจ้าของ NFTs จะมีสิทธิถือครองงาน NFTs แต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้ งาน NFTs จะนำไปขายหรือเทรดก็ได้ ซึ่งจะทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายบล็อกเชน เมื่อเครือข่ายตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมแล้ว กรรมสิทธิเจ้าของงานก็จะถ่ายโอนไปยังอีกฝ่ายอย่างถูกต้อง
หากว่ากันถึงงาน NFTs แล้วนั้น ต้องยอมรับว่า ถูกนำไปปรับใช้ในหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา Trading Card ไปจนถึงวิดีโอ
-
The Development of DAOs
Decentralized Autonomous Organization หรือ DAOs คือ วิธีการตัดสินใจร่วมกันของทั้งเครือข่าย เป้าหมายของการสร้าง DAOs นั้น ก็เพื่อตอบสนองหลายเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา Web 3 ทำเกม หรือการลงทุน โดย DAOs สามารถใช้งาน Smart Contracts และแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อรวบรวมจำนวนโหวตจากเหล่าสมาชิก ลงทุนกิจการต่าง ๆ ตามเสียงโหวตข้างมาก และสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ โดยไม่ต้องใช้การตัดสินจากบุคคลที่สาม
วิธีซื้อ Ethereum ในประเทศไทยผ่าน Bitazza
หากใครสนใจลงทุนเหรียญ ETH นอกจากศึกษาความเป็นไปของตลาด ทิศทางและแนวโน้มราคาของสินทรัพย์แล้ว การเลือกแพลตฟอร์ม Exchage ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดย Bitazza เป็นอีกทางเลือกของแพลตฟอร์มการเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย โดยสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนได้ง่าย ๆ ดังนี้
- สมัครสมาชิกกับ Bitazza ลงทะเบียนเปิดบัญชีสำหรับใช้งานในเว็บไซต์ Bitazza
- เข้าสู่ระบบด้วยอีเมลและรหัสผ่านที่ใช้ลงทะเบียน พร้อมตรวจสอบการเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตน 2FA
- เข้าใช้งานเมนู “ตลาด” เพื่อสำรวจความเป็นไปของตลาดและราคาสินทรัพย์
- เลือกคู่สินทรัพย์เหรียญที่ต้องการซื้อ โดยปัจจุบันระบบรองรับการจับคู่เหรียญ ETH/THB
- พิจารณาความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ของคู่เหรียญที่เลือก โดยจะแสดงผลออกมาเป็นกราฟหลากหลายรูปแบบ
- เมื่อพิจารณาจนตัดสินใจได้แล้ว ให้เลือกปุ่ม “ซื้อ” เพื่อกรอกรายละเอียดข้อมูลอื่น ๆ ต่อไป
- ระบุราคาสินทรัพย์ที่ต้องการซื้อ พร้อมใส่จำนวนเหรียญที่ต้องการซื้อ เมื่อตรวจสอบรายละเอียดเรียบร้อยแล้วนั้น ให้ยืนยันรายละเอียด
- ระบบจะดำเนินการทำธุรกรรม โดยอัปเดตยอดเงินอัตโนมัติ ถือเป็นการทำธุรกรรมเสร็จสิ้น
ข้อดีและข้อเสียของ Ethereum
แม้ Ethereum จะได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งเหรียญคริปโตที่ได้รับความสนใจจากนักเทรดและนักลงทุนไม่น้อย แต่ก่อนพิจารณาซื้อเหรียญนั้น ควรศึกษาถึงข้อดีและข้อจำกัดของเหรียญนี้ให้ดี ดังนี้
ข้อดีของ Ethereum
- เครือข่าย Ethereum ดำเนินการภายใต้แนวคิด Decentralized หรือกระจายศูนย์ กล่าวคือ เครือข่ายจะไม่ขึ้นอยู่กับการผูกขาดอำนาจที่ส่วนกลางหรือใครคนใดคนหนึ่ง ส่งผลให้ผู้ใช้งานบนเครือข่ายเกิดความเชื่อใจกัน รวมทั้งระบบเกิดความปลอดภัยภายในเครือข่าย ที่สำคัญ จะมั่นใจได้ว่าทุกการทำธุรกรรมจะได้รับการเข้ารหัสและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เอง
- เครือข่ายยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนการดำเนินการได้ โดยนักพัฒนาสามารถสร้าง dApps และโทเคนต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับกรณี Use Case ได้ เพราะเครือข่าย Ethereum มีนวัตกรรมอย่าง Solidity Programming Language ช่วยซัพพอร์ตการใช้งาน Smart Contracts ข้อดีข้อนี้ยังนำไปสู่โอกาสการสร้างโปรเจกต์ใหม่ ๆ อีกหลากหลายอย่าง ซึ่งรวมไปถึงการสร้างแพลตฟอร์ม DeFi, NFTs และมาร์เก็ตเพลสอีกมากมาย
- Ethereum ยังคงเติบโตและขยายเครือข่ายของระบบนิเวศอยู่ อย่างที่รู้กันดีว่า เครือข่าย Ethereum ได้ชื่อว่าเป็น Open-Source ที่เปิดให้นักพัฒนาเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ จนนำไปสู่การพัฒนาโปรเจกต์ โปรโตคอล และอีกหลายอย่าง ทั้งนี้ การปรับใช้โทเคนหรือ dApps ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งดึงดูดให้นักลงทุนและผู้ใช้งานเข้ามาร่วมกับเครือข่ายมากขึ้น นำไปสู่การขยายขอบเขตของเครือข่ายที่ใหญ่กว่าเดิม
มีมาตรฐานและการทำงานร่วมกันที่ดี เครือข่าย Ethereum ได้รับการพัฒนาบนมาตรฐานของ ERC-20 และ ERC-721 ซึ่งช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพด้านการทำงานร่วมกันของสินทรัพย์บนเครือข่ายบล็อกเชน และได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง
- กระตุ้นผู้ใช้งานในเครือข่ายให้มีส่วนร่วมในการพัฒนา อย่างที่รู้กันว่าเครือข่าย Ethereum ดำเนินการด้วยเทคโนโลยีอย่าง Smart Contracts กระตุ้นให้ผู้ใช้งานส่วนในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย ตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม พัฒนา dApps รวมทัั้งสร้างความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศ
- เปลี่ยนผ่านสู่ Ethereum 2.0 หากการเปลี่ยนผ่านจากการทำงานแบบ PoS สู่ PoW จะช่วยยกระดับด้านการขยายสมรถถนะและขนาดของเครือข่ายและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อเสียของ Ethereum
- Ethereum เผชิญข้อจำกัดด้านการขยายขนาดของเครือข่าย โดยเฉพาะในช่วงที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ส่งผลให้การตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมช้าลง และค่าธรรมเนียมสูง ปัจจุบัน Ethereum รองรับได้เพียงประมาณ 30 ธุรกรรมต่อวินาที (TPS) ซึ่งยังห่างไกลเมื่อเทียบกับระบบชำระเงินแบบดั้งเดิมอย่าง Visa ที่รองรับได้หลายพัน TPS
- ใช้พลังประมวลผลและพลังงานจำนวนมาก เพราะ Ethereum ยังคงใช้กลไก Proof-of-Work (PoW) เช่นเดียวกับ Bitcoin ซึ่งต้องอาศัยการขุด (mining) ผ่านการแก้สมการที่ซับซ้อน ประเด็นนี้ก่อให้เกิดความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม และเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดคาร์บอนฟุตพริ้นต์จากการขุดคริปโต
- เผชิญความท้าทายด้านกฎระเบียบ เมื่อ Ethereum และคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น ก็ยิ่งถูกจับตามองจากหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก กรอบกฎหมายที่ยังไม่ชัดเจนส่งผลให้โครงการต่าง ๆ บน Ethereum ต้องปรับตัวและเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
- Ethereum เผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากแพลตฟอร์มอื่นอย่าง Binance Smart Chain, Solana และ Polkadot ซึ่งต่างพัฒนาเครือข่ายให้รองรับธุรกรรมได้มากกว่าและค่าธรรมเนียมถูกลง จุดนี้กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าสำหรับทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อ Ethereum ประสบปัญหาเครือข่ายหนาแน่นในช่วงที่มีการใช้งานสูง
- การพัฒนาแอปพลิเคชันบน Ethereum ถือว่าซับซ้อน โดยเฉพาะนักพัฒนาหน้าใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับโครงสร้างระบบและภาษาการเขียนโปรแกรมอย่าง Solidity อีกทั้งการตรวจสอบจุดบกพร่องใน Smart Contract ถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่มักต้องใช้ทรัพยากรและเวลาจำนวนมาก
- ยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย แม้ Ethereum ถือเป็นเครือข่ายที่มีความปลอดภัยสูง แต่ช่องโหว่ใน Smart Contract ก็นำไปสู่การสูญเสียเงินทุนจำนวนมากได้ ย้อนดูในอดีตพบว่าเคยเกิดเหตุการณ์แฮกและโจมตีบนแพลตฟอร์ม DeFi ที่พัฒนาบน Ethereum อยู่หลายครั้ง ซึ่งทำให้ประเด็นเรื่องความปลอดภัยยังคงเป็นจุดที่ต้องเฝ้าระวังและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มและอนาคตของ Ethereum
ตามที่กล่าวไปบ้างข้างต้น ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโตของ Ethereum มีทั้งการพัฒนาเครือข่ายอย่างต่อเนื่องอย่างการอัปเกรด Dencun ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงความสามารถในการปรับขนาดและลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม เป็นต้น
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างสนใจเหรียญดังกล่าวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับการนำ Ethereum ไปใช้ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ก็เป็นแรงผลักดันสำคัญที่อาจส่งผลให้ราคา ETH เพิ่มขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ หากมองถึงแนวโน้มราคาเหรียญ Ethereum ในช่วง 5 ต่อจากนี้ ก็ได้มีการวิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
- 2025 ราคา Ethereum มีโอกาสแตะจุดต่ำสุดที่ 1,532.17 ดอลลาร์สหรัฐฯ และอาจพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 1,958.62 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาเฉลี่ยในการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 2,385.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปีนี้ยังคงได้รับแรงหนุนจากการพัฒนาเครือข่ายและความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
- 2026 หากอิงข้อมูลราคาย้อนหลัง Ethereum มีแนวโน้มราคาต่ำสุดในปีนี้ โดยจะอยู่ที่ราว ๆ 6,953 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ราคาสูงสุดอาจแตะถึง 8,646 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 7,158 ดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นปีที่ ETH เริ่มกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- 2027 ผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตคาดว่า Ethereum อาจมีราคาต่ำสุดที่ 9,745 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีแนวโน้มขึ้นไปถึง 12,166 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีราคาค่าเฉลี่ยประมาณ 10,103 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากแนวโน้มนี้เป็นจริง ปีนี้อาจกลายเป็นช่วงที่นักลงทุนเริ่มกลับมาเข้าตลาดอย่างจริงจัง
- 2028 อาจมีราคาต่ำสุดอยู่ที่ 14,318 ดอลลาร์สหรัฐฯ และขยับขึ้นไปสูงสุดที่ 16,977 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งปีที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพมากขึ้นของสินทรัพย์ดิจิทัลนี้
- 2029 การซื้อขาย Ethereum จะอยู่ในช่วงระหว่าง 21,649 - 25,096 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีราคาค่าเฉลี่ยที่ 22,390 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นระยะยาวและการนำไปใช้งานจริงในภาคส่วนต่าง ๆ ของระบบการเงินแบบ Decentralized
-
2030 เมื่อเข้าสู่ทศวรรษใหม่ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า Ethereum จะมีราคาค่าเฉลี่ยราว 35,154 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยอาจลงไปต่ำสุดที่ 34,259 ดอลลาร์สหรัฐฯ และพุ่งสูงถึง 38,769 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ ETH ยังถูกมองว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักของ Web 3 และเทคโนโลยีทางการเงินในอนาคต
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรตระหนักถึงความผันผวนของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีและศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน แม้ว่าแนวโน้มระยะยาวของ Ethereum จะดูเป็นบวก แต่ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายหรือเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ ก็อาจส่งผลต่อราคาได้เช่นกัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Ethereum
-
1 เหรียญ ETH เท่ากับกี่บาท
ตามที่กล่าวไปข้างต้น ราคาเหรียญ ETH หรือสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ล้วนมีความผันผวนเสมอ ก่อนตัดสินใจลงทุน สามารถเข้ามาอัปเดตราคาเหรียญ EHT/THB กันก่อนได้
-
ETH เคยสูงสุดกี่บาท
Ethereum เคยทำสถิติราคาสูงสุดตลอดกาล (All-Time High) ไว้ที่ 4,721.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยราคาดังกล่าวสะท้อนถึงมูลค่าสูงที่สุดที่เคยมีการซื้อขายเหรียญ Ethereum ตั้งแต่มีการเปิดตัวในตลาดคริปโตจนถึงปัจจุบัน
-
Ethereum มีทั้งหมดกี่เหรียญ
จากข้อมูลล่าสุด Ethereum มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 3,762.59 ดอลลาร์สหรัฐฯ และยังคงครองอันดับที่ 2 ในระบบนิเวศคริปโตทั้งหมดในปัจจุบัน อีกทั้งมีมูลค่าหมุนเวียนในตลาดรวมกว่า 451,994,509,854.32 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมีจำนวนเหรียญหมุนเวียนในระบบอยู่ที่ 120,128,511 ETH
Conclusion
Ethereum ยังคงเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศคริปโต ด้วยจุดเด่นด้านการรองรับ Smart Contract การพัฒนา dApps ที่ตอบโจทย์เรื่อง Decentralized และการมีระบบเศรษฐกิจของตนเองอย่างสมบูรณ์ แม้จะเผชิญความท้าทายด้านความสามารถในการขยายตัว ค่าธรรมเนียม และการแข่งขันจากเครือข่ายอื่น ๆ แต่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ Ethereum เป็นรากฐานสำคัญของ Web3 ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนควรติดตามความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีและกฎระเบียบอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง
Share this
- Bitazza Blog (104)
- Crypto Weekly (46)
- DAO (15)
- Beginner (14)
- mission (11)
- ความปลอดภัย (11)
- Tether (USDt) (8)
- บล็อกเชน (8)
- bitcoin (7)
- missions (7)
- Learning Hub (6)
- การค้าขาย (6)
- หัวข้อเด่น (6)
- ตลาด (5)
- วิจัย (5)
- Campaigns (3)
- Security (3)
- เศรษฐศาสตร์ (3)
- Bitazza Insights (2)
- Social Features (2)
- Stablecoin (2)
- Token talk (2)
- Trading (2)
- TradingView (2)
- เกี่ยวกับการสอน (2)
- Crypto รายสัปดาห์ (1)
- Disclosure (1)
- ENJ (1)
- Educational (1)
- Featured (1)
- KYC (1)
- NFTs (1)
- SEC (1)
- TRUMP (1)
- บิทาซซ่าบล็อกส์ (1)
Subscribe by email

AAVE คืออะไร? แพลตฟอร์มกู้ยืมในโลก DeFi ที่นักลงทุนต้องรู้

ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลปลอดภาษีอย่างปลอดภัยบน Bitazza Thailand

ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากแคมเปญ “Rate Us, Earn Rewards!”

จับตา SEC สหรัฐฯ อนุมัติ ETF ของ Altcoin ในเดือนกรกฎาคมนี้

ชวนเพื่อนมาใช้ Bitazza Thailand เปิดวิธีส่งคริปโตถึงกัน ง่าย ไม่ต้องใช้ที่อยู่วอลเล็ต

รวมวิธีหาข้อมูลลงทุนคริปโตด้วยตัวเอง (DYOR) ด้วย Bitazza Thailand บน TradingView

Kaspa Coin คืออะไร? ความโดดเด่นของเหรียญเร็วที่สุดในโลก

Grass Coin คืออะไร? เหรียญใหม่มาแรงที่สายคริปโตห้ามพลาด

Pixels Coin คืออะไร? เหรียญคริปโตจากเกม Pixels น่าลงทุนไหมในปี 2025
