Bitazza Thailand Blog

Algorithm คืออะไร? อธิบายเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างในชีวิตจริง

what is Algorithm

 

“Algorithm” คือ คำที่เราได้ยินกันบ่อยในโลกยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี การลงทุน คริปโตเคอร์เรนซี หรือแม้แต่การใช้งานแอปพลิเคชันในชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “Algorithm คืออะไร” แบบเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างจากชีวิตจริง และการใช้อัลกอริทึมในระบบ Blockchain และ Cryptocurrency ที่เทรดเดอร์หลายคนไม่ควรพลาด!

 


Algorithm คืออะไร?

Algorithm (อัลกอริทึม) คือ ชุดคำสั่งหรือขั้นตอนที่ถูกจัดเรียงอย่างมีลำดับเพื่อใช้แก้ปัญหาหรือดำเนินงานบางอย่างให้สำเร็จ โดยมีจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดที่ชัดเจน อัลกอริทึมสามารถพบได้ทั้งในชีวิตประจำวันและในระบบดิจิทัล เช่น วิธีต้มบะหมี่ การค้นหาคำในพจนานุกรม หรือระบบแนะนำวิดีโอบน YouTube ซึ่งทั้งหมดต่างอาศัยอัลกอริทึมในการตัดสินใจและดำเนินการอย่างแม่นยำ จุดเด่นของอัลกอริทึมคือการทำงานซ้ำได้ ให้ผลลัพธ์ที่คงที่ และสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย ตั้งแต่การประมวลผลข้อมูล การเข้ารหัส การลงทุน ไปจนถึงระบบบล็อกเชนและปัญญาประดิษฐ์ในยุคปัจจุบัน

 


Colorful Computer Programming Workspace Setup

 

ทำไม “Algorithm” จึงสำคัญในอุตสาหกรรมคริปโต

  1. เพิ่มความปลอดภัยของธุรกรรม
    อัลกอริทึมทำหน้าที่เข้ารหัสข้อมูลสำคัญในระบบบล็อกเชน เช่น ข้อมูลการโอนเหรียญหรือการเซ็นสัญญาอัจฉริยะ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปลอมแปลงหรือโจมตีจากผู้ไม่หวังดี ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Cryptographic Algorithm เช่น SHA-256 หรือ Ed25519 ที่ช่วยให้ข้อมูลทุกธุรกรรมถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยและตรวจสอบย้อนหลังได้เสมอ

  2. ยืนยันธุรกรรมแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Verification)
    อัลกอริทึมทำหน้าที่คัดเลือกผู้มีสิทธิ์ในการยืนยันธุรกรรม โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง เช่น ระบบ Proof of Work (PoW) ที่ใช้พลังคอมพิวเตอร์แก้สมการคณิตศาสตร์ หรือ Proof of Stake (PoS) ที่ใช้เหรียญคริปโตแทนหลักประกัน วิธีเหล่านี้ช่วยให้ระบบมีความโปร่งใส ไม่ถูกควบคุมโดยใครคนใดคนหนึ่ง และมีความน่าเชื่อถือสูง

  3. ขับเคลื่อนกระบวนการสร้างเหรียญ (Mining / Staking)
    ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซี อัลกอริทึมเป็นกลไกหลักในการสร้างเหรียญใหม่เข้าสู่ระบบ เช่น Bitcoin ที่ใช้การขุดเหรียญผ่าน PoW ซึ่งต้องใช้กำลังประมวลผลสูง และ Ethereum 2.0 ที่เปลี่ยนมาใช้ PoS ซึ่งให้ผู้ถือครองเหรียญวางเดิมพันเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยและรับรางวัลตอบแทน กลไกเหล่านี้ควบคุมโดยอัลกอริทึมทั้งหมด ทำให้กระบวนการผลิตเหรียญเป็นธรรมและสมดุล

  4. ควบคุมระบบเศรษฐกิจของเหรียญ
    อัลกอริทึมยังทำหน้าที่ควบคุมอุปทาน การหมุนเวียนของเหรียญในระบบ และบางกรณียังช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาด้วย เช่น เหรียญ LUNA (Terra) ที่เคยใช้อัลกอริทึมในการตรึงมูลค่า Stablecoin UST ให้อยู่ที่ 1 ดอลลาร์ ผ่านกระบวนการ Mint & Burn แม้โมเดลนี้จะล้มเหลวในภายหลัง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงบทบาทเชิงลึกของอัลกอริทึมในการบริหารกลไกเศรษฐกิจภายในบล็อกเชนและคริปโตเคอร์เรนซี

 


type of Algorithm

 

ประเภทของ Algorithm ที่ใช้ใน Blockchain และ Crypto

Consensus Algorithm คือ กลไกที่เครือข่ายบล็อกเชนใช้เพื่อให้ทุกโหนด (Node) หรือผู้ใช้งานในเครือข่ายเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับความถูกต้องของธุรกรรม แม้จะไม่มีตัวกลางอย่างธนาคาร ระบบนี้มีความสำคัญต่อการรักษาความปลอดภัย ความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของระบบคริปโต ซึ่งมีหลายรูปแบบที่แต่ละเหรียญเลือกใช้ตามวัตถุประสงค์ของเครือข่าย

  • Proof of Work (PoW)
    กลไกที่ให้ "นักขุด" แข่งกันแก้สมการคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ผู้ที่แก้ได้ก่อนจะมีสิทธิ์เพิ่มบล็อกใหม่และรับรางวัลเป็นเหรียญ เช่น Bitcoin และ Litecoin โดยต้องใช้พลังงานไฟฟ้าและฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งแม้จะปลอดภัย แต่ก็มีข้อเสียเรื่องต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

  • Proof of Stake (PoS)
    ยืนยันธุรกรรมตามจำนวนเหรียญที่ผู้ใช้วางไว้เป็นหลักประกัน (Stake) ผู้ที่ถือเหรียญมากจะมีโอกาสยืนยันธุรกรรมมากขึ้น เช่น Ethereum 2.0 ซึ่งใช้พลังงานน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับ PoW และกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของบล็อกเชนยุคปัจจุบัน

  • Delegated Proof of Stake (DPoS)
    ระบบที่เปิดให้ผู้ถือเหรียญโหวตเลือก "ผู้แทน" หรือ Validator มาทำหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม เช่น EOS และ Terra (LUNA) โดยระบบนี้ทำงานได้รวดเร็ว ใช้พลังงานน้อย และเหมาะกับแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีข้อกังวลเรื่องความรวมศูนย์ของอำนาจการตัดสินใจ

  • Proof of Authority (PoA)
    ใช้ตัวตนของผู้ตรวจสอบที่ได้รับการรับรองแทนที่จะใช้พลังขุดหรือเหรียญ ระบบนี้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของผู้ตรวจสอบ เช่น VeChain เหมาะกับองค์กรหรือระบบที่ต้องการการควบคุมแบบมีผู้ดูแล

  • Proof of History (PoH)
    อัลกอริทึมเฉพาะของ Solana ที่สร้างลำดับเหตุการณ์ของธุรกรรมแบบต่อเนื่อง (Timestamp) ช่วยให้ตรวจสอบความถูกต้องได้โดยไม่ต้องประมวลผลทุกธุรกรรมพร้อมกัน จึงทำให้เครือข่ายเร็วและรองรับธุรกรรมได้จำนวนมากในเวลาสั้น

  • Proof of Burn (PoB)
    ระบบที่ผู้ใช้ต้อง “เผา” หรือทำลายเหรียญบางส่วน (โอนไปยังที่อยู่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้) เพื่อแลกสิทธิ์ในการขุดหรือรับรางวัล เหมือนการลงทุนล่วงหน้า เหรียญที่เคยใช้ระบบนี้คือ Slimcoin จุดเด่นคือช่วยควบคุมปริมาณเหรียญในระบบ

  • Proof of Capacity (PoC)
    ใช้พื้นที่ว่างในฮาร์ดไดรฟ์ (แทนการใช้พลังประมวลผล) ในการจัดเก็บชุดข้อมูลล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาขุดระบบจะเลือกผู้ที่มีข้อมูลตรงที่สุด เช่น Burstcoin วิธีนี้ประหยัดพลังงานมากกว่า PoW และเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป

 

Cryptographic Algorithm คือ กลุ่มของอัลกอริทึมที่มีหน้าที่ในการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูล เพื่อความปลอดภัยของธุรกรรมในระบบบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยยืนยันว่า ข้อมูลที่บันทึกไว้ไม่ถูกแก้ไข ปลอมแปลง หรือขโมยระหว่างทาง โดยใช้หลักการของคณิตศาสตร์และการแฮช (Hashing) เข้ามาช่วยประมวลผล ซึ่งในวงการคริปโตฯ มีการใช้อัลกอริทึมเข้ารหัสหลายรูปแบบที่สำคัญ ดังนี้

  • SHA-256 (Secure Hash Algorithm 256-bit)
    เป็นอัลกอริทึมการแฮชที่พัฒนาโดย NSA (หน่วยความมั่นคงของสหรัฐฯ) และถูกนำมาใช้ใน Bitcoin เพื่อเข้ารหัสธุรกรรมทุกรายการให้กลายเป็นชุดตัวเลขที่ไม่ซ้ำกัน ความโดดเด่นของ SHA-256 คือความปลอดภัยสูงและแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะย้อนกลับจากค่าแฮชเพื่อหาค่าต้นฉบับ จึงถูกใช้เป็นแกนหลักของการขุดเหรียญในระบบ Proof of Work

  • Ethash
    เป็นอัลกอริทึมที่ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับ Ethereum (ก่อนเปลี่ยนเป็น PoS) มีจุดเด่นคือ “resistance to ASIC” หรือป้องกันการผูกขาดการขุดด้วยเครื่อง ASIC ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปที่มี GPU สามารถเข้าร่วมเครือข่ายได้ ลดความรวมศูนย์ และเพิ่มความกระจายตัวของเครือข่ายได้มากยิ่งขึ้น

  • Scrypt
    อัลกอริทึมนี้ถูกใช้งานในเหรียญ Litecoin, Dogecoin และเหรียญอื่น ๆ โดยถูกออกแบบให้ใช้หน่วยความจำสูงกว่าการคำนวณแบบ SHA-256 จึงช่วยลดโอกาสที่เครื่อง ASIC จะสามารถขุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถขุดเหรียญผ่านคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลได้ง่ายขึ้น เป็นมิตรกับชุมชนมากกว่าในยุคเริ่มต้น

  • Ed25519
    อัลกอริทึมนี้เน้นการใช้สำหรับ การเซ็นลายเซ็นดิจิทัล (Digital Signature) โดยมีจุดเด่นคือ รวดเร็ว ปลอดภัย และมีขนาดข้อมูลเล็กกะทัดรัด ทำให้ประหยัดทรัพยากรในการส่งข้อมูล เป็นที่นิยมใช้งานในระบบที่ต้องการความปลอดภัยขั้นสูง เช่นการสร้างลายเซ็นของธุรกรรมใน Solana หรือ Polkadot

  • Keccak (SHA-3)
    Keccak เป็นพื้นฐานของอัลกอริทึม SHA-3 ซึ่งถูกพัฒนาโดย NIST ให้เป็นมาตรฐานใหม่ที่ทนทานต่อการโจมตีแบบ Collision (การแฮชที่ได้ค่าซ้ำกัน) ปัจจุบันถูกนำมาใช้ใน Ethereum และระบบที่ต้องการประสิทธิภาพในการตรวจสอบข้อมูลและเข้ารหัสที่สูงขึ้น

 


 

ตัวอย่างการใช้งานจริงของ Algorithm ในเหรียญยอดนิยม

Bitcoin (BTC)

  • Algorithm ที่ใช้: SHA-256 + Proof of Work (PoW)
  • รายละเอียด:
    Bitcoin ถือเป็นเหรียญแรกของโลกคริปโตฯ ที่ใช้อัลกอริทึม SHA-256 ในการเข้ารหัสข้อมูลบนเครือข่าย และใช้กลไก Proof of Work เพื่อให้ผู้ขุดแข่งขันกันแก้สมการคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันธุรกรรม โดยผู้ชนะจะได้เพิ่มบล็อกใหม่ลงในเชน และรับรางวัลเป็น BTC ส่งผลให้ระบบมีความปลอดภัยและยากต่อการโจมตี แต่ข้อเสียคือใช้พลังงานไฟฟ้าสูงมาก

Ethereum (ETH)

  • Algorithm ที่ใช้: เดิมใช้ Ethash + PoW → ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น PoS (Proof of Stake)
  • รายละเอียด:
    Ethereum เคยใช้ระบบ PoW เช่นเดียวกับ Bitcoin แต่เลือกใช้อัลกอริทึม Ethash เพื่อป้องกันการผูกขาดโดยเครื่อง ASIC ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ระบบ Proof of Stake อย่างเต็มรูปแบบใน Ethereum 2.0 (หลัง The Merge ปี 2022) ช่วยลดพลังงานกว่า 99% และเปิดโอกาสให้ผู้ถือ ETH วางเหรียญเพื่อมีส่วนร่วมในเครือข่ายและรับรางวัล

Solana (SOL)

  • Algorithm ที่ใช้: Proof of History (PoH) + Proof of Stake (PoS)
  • รายละเอียด:
    Solana นำเสนอแนวคิดใหม่ด้วยการใช้ Proof of History ซึ่งเป็นอัลกอริทึมสร้าง Timestamp ล่วงหน้า เพื่อช่วยลดภาระในการตรวจสอบธุรกรรมร่วมกันทั้งเครือข่าย จากนั้นใช้ PoS เพื่อให้ Validator ยืนยันบล็อก ผลคือเครือข่ายสามารถประมวลผลได้ถึง 65,000 ธุรกรรมต่อวินาที เหมาะกับ DeFi และแอปพลิเคชันความเร็วสูง

LUNA (Terra 2.0)

  • Algorithm ที่ใช้: Delegated Proof of Stake (DPoS)
  • รายละเอียด:
    เดิมที Terra ใช้อัลกอริทึม Mint & Burn เพื่อควบคุมมูลค่า Stablecoin อย่าง UST แต่เกิดความล้มเหลวอย่างหนักในปี 2022 ทำให้ระบบต้องเปลี่ยนมาใช้ Terra 2.0 และเปลี่ยนกลไกเป็น DPoS โดยเปิดให้ผู้ถือ LUNA โหวตเลือก Validator ในการยืนยันธุรกรรมบนบล็อกเชน พร้อมรองรับแอป Web3 และระบบ DApps

Litecoin (LTC)

  • Algorithm ที่ใช้: Scrypt + Proof of Work (PoW)
  • รายละเอียด:
    Litecoin ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เงิน” เมื่อเทียบกับ Bitcoin ที่เป็น “ทองคำ” เพราะถูกพัฒนาขึ้นให้ทำธุรกรรมได้เร็วกว่า และใช้ Scrypt แทน SHA-256 ทำให้สามารถขุดได้ด้วย GPU ทั่วไปในช่วงแรก ๆ โดยลดโอกาสการผูกขาดจากเครื่อง ASIC ปัจจุบัน Litecoin ยังถูกใช้เป็นเหรียญในการชำระเงินที่รวดเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ

 


Robot hand touches glowing data display

 

ความแตกต่างระหว่าง PoW กับ PoS ที่นักลงทุนควรรู้

การเลือกใช้ Consensus Algorithm มีผลโดยตรงต่อความสามารถในการทำงานของเครือข่ายบล็อกเชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย ความเร็วในการประมวลผล หรือค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม ซึ่งสองกลไกที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Proof of Work (PoW) และ Proof of Stake (PoS) โดยทั้งสองระบบมีแนวทางการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

PoW หรือระบบ “การขุด” ใช้พลังงานคอมพิวเตอร์ในการแก้สมการที่ซับซ้อนเพื่อยืนยันธุรกรรม ผู้ที่สามารถแก้สมการได้ก่อนจะมีสิทธิ์สร้างบล็อกใหม่และได้รับรางวัลเป็นเหรียญ ตัวอย่างเช่น Bitcoin และ Litecoin ที่ใช้ PoW ทำให้ระบบมีความปลอดภัยสูงมาก แต่ข้อเสียคือมีต้นทุนการดำเนินงานสูง และใช้พลังงานมหาศาล ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเข้าถึงยากสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

ในขณะที่ PoS ใช้แนวคิดการวางเหรียญ (Staking) เป็นหลักประกันเพื่อมีสิทธิ์ยืนยันธุรกรรม ผู้ที่ถือเหรียญมากและวางเหรียญไว้นานจะมีโอกาสสูงขึ้นในการเป็นผู้ตรวจสอบบล็อก ตัวอย่างเช่น Ethereum 2.0, Cardano และ Solana ข้อดีของระบบนี้คือใช้พลังงานต่ำ ประหยัดค่าใช้จ่าย และทำงานได้รวดเร็วกว่า PoW มาก นอกจากนี้ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เหมาะกับการพัฒนาแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มที่ต้องรองรับธุรกรรมจำนวนมาก

ถ้าให้สรุปแล้วเห็นภาพชัดขึ้นก็คือ PoW โดดเด่นเรื่องความปลอดภัยอย่างชัดเจน เหมาะกับเหรียญที่ต้องการความเชื่อมั่นระดับสูง ขณะที่ PoS เน้นความเร็ว ความยั่งยืน และต้นทุนที่ต่ำกว่า เหมาะกับการใช้งานเชิงพาณิชย์และการขยายตัวในระยะยาว นักลงทุนควรเข้าใจกลไกของแต่ละแบบ เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจเลือกลงทุนในเหรียญที่สอดคล้องกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

 


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Algorithm คือ

  1. Consensus Algorithm คืออะไร?

คือกลไกที่ใช้ในการยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชนโดยไม่ต้องมีตัวกลาง เช่น PoW, PoS, DPoS เพื่อให้ทุกโหนดยอมรับข้อมูลเดียวกัน

  1. PoW กับ PoS แบบไหนดีกว่า?

ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของเครือข่ายคือ 

  • หากเน้นความปลอดภัยแบบสูงสุด → PoW ดีกว่า
  • หากเน้นความเร็ว ประหยัดพลังงาน → PoS ตอบโจทย์มากกว่า
  1. Algorithm ส่งผลต่อความปลอดภัยของเหรียญอย่างไร?

อัลกอริทึมที่ดี เช่น SHA-256, Ed25519 ช่วยป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลและการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี ทำให้เหรียญมีความมั่นคงในระยะยาว

  1. ทำไม Blockchain ต้องใช้อัลกอริทึม?

เพราะเป็นวิธีที่ทำให้ระบบกระจายศูนย์สามารถเชื่อถือได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนกลาง เช่น ธนาคาร หรือรัฐ และยังป้องกันการดัดแปลงข้อมูลในบล็อก

  1. อัลกอริทึมมีผลต่อค่าธรรมเนียมไหม?

มีผลโดยตรง เช่น PoW ใช้พลังประมวลผลมาก ค่าธรรมเนียมจึงสูง ขณะที่ PoS หรือ DPoS ค่าธรรมเนียมต่ำลงเพราะระบบทำงานเร็วและใช้ทรัพยากรน้อยกว่า

 


Conclusion

Algorithm ไม่ใช่เพียงแค่แนวคิดทางคณิตศาสตร์หรือคอมพิวเตอร์ แต่คือ “กลไกขับเคลื่อน” สำคัญในโลกคริปโตและบล็อกเชน ตั้งแต่การยืนยันธุรกรรม การรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงการสร้างเศรษฐกิจใหม่ในรูปแบบดิจิทัล การเข้าใจว่าการทำงานของ PoW, PoS และ Consensus Algorithm แต่ละแบบทำงานอย่างไร จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ ประเมินความเสี่ยงได้ดีขึ้น และมองเห็นโอกาสในตลาดคริปโตมากขึ้นอย่างมีเหตุผลและมีพื้นฐาน

 

 


คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด

 


อ้างอิง

Subscribe by email

Algorithm คืออะไร? อธิบายเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างในชีวิตจริง
Algorithm คือ

Algorithm คืออะไร? อธิบายเข้าใจง่าย พร้อมตัวอย่างในชีวิตจริง

16 ธ.ค. 2025, 17:34:56 2 min read
Bank of America แนะลูกค้าลงทุนในคริปโต 1-4% ของพอร์ต

Bank of America แนะลูกค้าลงทุนในคริปโต 1-4% ของพอร์ต

11 ธ.ค. 2025, 18:00:50 2 min read
Airdrop คืออะไร? วิธีรับเหรียญฟรีจากโปรเจกต์คริปโต อัปเดต 2025
Airdrop crypto คืออะไร

Airdrop คืออะไร? วิธีรับเหรียญฟรีจากโปรเจกต์คริปโต อัปเดต 2025

11 ธ.ค. 2025, 9:35:22 2 min read
Share Your Reasons for Choosing Bitazza Thailand แชร์เหตุผลที่คุณเลือกเรา รับเลย Bitazza jersey สุดคูล!

Share Your Reasons for Choosing Bitazza Thailand แชร์เหตุผลที่คุณเลือกเรา รับเลย Bitazza jersey สุดคูล!

8 ธ.ค. 2025, 15:23:36 1 min read
ETF ของ BTC และ ETH มีเงินไหลเข้าสุทธิเป็นบวกครั้งแรกตั้งแต่ปลายตุลาคม

ETF ของ BTC และ ETH มีเงินไหลเข้าสุทธิเป็นบวกครั้งแรกตั้งแต่ปลายตุลาคม

3 ธ.ค. 2025, 16:30:06 2 min read
เทรดครั้งแรก รับ Bitcoin มูลค่า 100 บาท*

เทรดครั้งแรก รับ Bitcoin มูลค่า 100 บาท*

2 ธ.ค. 2025, 14:38:47 1 min read
เทรด BTC/THB และ ETH/THB ลดค่าธรรมเนียม 50%

เทรด BTC/THB และ ETH/THB ลดค่าธรรมเนียม 50%

1 ธ.ค. 2025, 9:45:37 1 min read
สหรัฐฯ เตรียมเสนอให้ประชาชนสามารถจ่ายภาษีด้วย Bitcoin ได้

สหรัฐฯ เตรียมเสนอให้ประชาชนสามารถจ่ายภาษีด้วย Bitcoin ได้

26 พ.ย. 2025, 17:41:15 2 min read
รู้จัก RR: วิธีเช็คความเสี่ยงและกำไรก่อนลงทุน
Risk Reward Ratio (RR) คือ

รู้จัก RR: วิธีเช็คความเสี่ยงและกำไรก่อนลงทุน

25 พ.ย. 2025, 10:36:27 1 min read
EPS คืออะไร? ตัวชี้วัดกำไรต่อหุ้นที่นักลงทุนต้องรู้ (พร้อมตัวอย่างคำนวณ)
EPS คือ

EPS คืออะไร? ตัวชี้วัดกำไรต่อหุ้นที่นักลงทุนต้องรู้ (พร้อมตัวอย่างคำนวณ)

25 พ.ย. 2025, 9:29:42 2 min read