Bitazza Thailand Blog

การลงทุนมีอะไรบ้าง? รวมประเภทการลงทุนยอดนิยมที่มือใหม่ควรรู้

Business Investment Analysis

 

สำหรับนักลงทุนมือใหม่แล้ว โลกของการลงทุนนั้นอาจดูน่าตื่นตาตื่นใจและน่าสับสนในเวลาเดียวกัน "การลงทุนมีอะไรบ้าง?" เป็นคำถามแรก ๆ ที่เราทุกคนเคยสงสัย บทความนี้จะพาไปสำรวจการลงทุนประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม ตั้งแต่สินทรัพย์แบบดั้งเดิมไปจนถึงโลกที่น่าจับตามองของคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อให้คุณได้ค้นพบแนวทางที่เหมาะสมกับเป้าหมายและสไตล์ของตัวเองมากที่สุด

 


การลงทุนคืออะไร?

การลงทุน คือ การนำเงินหรือสินทรัพย์ที่เรามีอยู่ในปัจจุบันไปต่อยอดเพื่อคาดหวังผลตอบแทนในอนาคต ซึ่งผลตอบแทนนั้นควรจะเอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้ เพื่อรักษาและเพิ่มพูนมูลค่าของเงินที่เราหามาได้อย่างเหนื่อยยาก พูดง่าย ๆ คือ "การใช้เงินทำงาน" แทนที่เราจะทำงานเพื่อหาเงินเพียงอย่างเดียว การลงทุนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความมั่งคั่งและบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน, การศึกษาบุตร, หรือการเกษียณอย่างมีความสุข

 


Bank employees sorting and counting money inside bank vault

 

ประเภทของการลงทุน

เราสามารถแบ่งประเภทการลงทุนออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน และการลงทุนในสินทรัพย์จริง

1. การลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน (Financial Assets)

เป็นการลงทุนในตราสารที่ไม่มีตัวตนจับต้องได้ แต่มีมูลค่าตามที่ตกลงกันในสัญญา

  • เงินฝากประจำ / พันธบัตรรัฐบาล: ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เงินฝากประจำคือการฝากเงินกับธนาคารโดยมีกำหนดระยะเวลาและได้รับดอกเบี้ยตามที่ตกลง ส่วนพันธบัตรรัฐบาล คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเพื่อระดมทุน โดยรัฐบาลจะเป็นผู้ค้ำประกันเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้ถือ เหมาะกับผู้เริ่มต้นลงทุน หรือไม่ต้องการเสี่ยง หรือต้องการพักเงินที่ปลอดภัย
  • หุ้น (Stocks): คือการเข้าซื้อ "ส่วนหนึ่ง" ของความเป็นเจ้าของในบริษัทต่าง ๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ เมื่อบริษัทเติบโตและมีกำไร มูลค่าหุ้นที่เราถืออยู่ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ เรายังมีโอกาสได้รับ "เงินปันผล" อีกด้วย เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง และมีเวลาศึกษาข้อมูลบริษัทและติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ
  • กองทุนรวม (Mutual Funds): สำหรับคนที่ไม่สะดวกเลือกหุ้นรายตัว กองทุนรวมคือคำตอบ เพราะเป็นการรวบรวมเงินจากนักลงทุนหลาย ๆ คน ไปให้ "ผู้จัดการกองทุน" ที่มีความเชี่ยวชาญนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามนโยบายที่กำหนดไว้ เช่น กองทุนรวมหุ้น, กองทุนรวมตราสารหนี้ ทำให้เกิดการกระจายความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น, ผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด, และต้องการกระจายความเสี่ยง
  • คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency): สินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกเชน มีความโดดเด่นในเรื่องของความกระจายศูนย์ (Decentralization) ไม่ถูกควบคุมโดยตัวกลางใด ๆ สกุลเงินที่รู้จักกันดี เช่น Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) การลงทุนในคริปโตฯ สามารถทำได้ทั้งการซื้อขายเก็งกำไรระยะสั้นและการถือเพื่อลงทุนในคุณค่าของเทคโนโลยีในระยะยาว เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงมาก มีความเข้าใจในเทคโนโลยี และพร้อมที่จะศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ

2. การลงทุนในสินทรัพย์จริง (Real Assets)

เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ มีตัวตนอยู่จริง ได้แก่

  • ทองคำ (Gold): สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่มูลค่ามักจะสวนทางกับตลาดหุ้น ในยามที่เศรษฐกิจผันผวน นักลงทุนมักจะหันมาถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เหมาะกับนักลงทุนทุกระดับเพื่อการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
  • อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate): การลงทุนในที่ดิน, บ้าน, คอนโดมิเนียม สามารถสร้างผลตอบแทนได้จาก 2 ทางหลัก คือ รายได้จากค่าเช่า (Passive Income) และกำไรจากการขายเมื่อมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต (Capital Gain) เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินลงทุนก้อนใหญ่และมองหาการลงทุนในระยะยาว
  • ของสะสมหรืองานศิลป์ (Collectibles/Art): เป็นการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหล เช่น นาฬิกาหรู, รถคลาสสิก, ไวน์, หรือภาพวาดจากศิลปินชื่อดัง ซึ่งมูลค่าจะเพิ่มขึ้นตามความหายากและความต้องการของตลาด ซึ่งผู้ที่จะลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ต้องมีความรู้ความเข้าใจในของสิ่งนั้น ๆ เป็นอย่างดีและมองว่าเป็นการลงทุนทางเลือก

การเลือกสินทรัพย์ลงทุนที่เหมาะสม เปรียบเสมือนการเลือกเครื่องมือให้ถูกกับงาน ก่อนตัดสินใจลงทุน เราควรทำความเข้าใจลักษณะ ข้อดี และข้อจำกัดของสินทรัพย์แต่ละอย่างให้ถ่องแท้เสียก่อน

 


Person looking over finance graphs

 

ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนแต่ละแบบ

1. เงินฝากประจำ / พันธบัตรรัฐบาล (ความเสี่ยงต่ำที่สุด)

สินทรัพย์กลุ่มนี้เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักลงทุนมือใหม่

ข้อดี:

  • ความปลอดภัยสูง: เงินต้นของคุณแทบไม่มีความเสี่ยงที่จะหายไปไหน เนื่องจากมีธนาคารหรือรัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกัน
  • สร้างวินัยในการออม: การฝากประจำมีเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาที่ชัดเจน ช่วยสร้างวินัยทางการเงินได้เป็นอย่างดี
  • ผลตอบแทนแน่นอน: คุณจะทราบอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับล่วงหน้า ทำให้คาดการณ์ผลตอบแทนได้ง่าย
  • สภาพคล่อง (สำหรับเงินฝาก): แม้จะมีกำหนดเวลา แต่หากเกิดเหตุฉุกเฉินก็ยังสามารถถอนออกมาก่อนได้ (แต่อาจไม่ได้รับดอกเบี้ยตามที่ตกลงไว้)

ข้อเสีย:

  • ผลตอบแทนต่ำ: เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ชัดเจนกับความเสี่ยงที่ต่ำ ซึ่งในหลายครั้งผลตอบแทนที่ได้อาจจะแพ้อัตราเงินเฟ้อ ทำให้มูลค่าเงินที่แท้จริงของคุณลดลง
  • เสียโอกาสในการลงทุน: การนำเงินมาพักไว้ในสินทรัพย์กลุ่มนี้ อาจทำให้คุณพลาดโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าจากสินทรัพย์อื่น ๆ
  • มีภาระผูกพันด้านเวลา (สำหรับฝากประจำ): หากถอนเงินก่อนครบกำหนด อาจไม่ได้รับดอกเบี้ยหรือได้รับในอัตราที่ต่ำกว่ามาก
  • ภาษี: ดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินฝากประจำส่วนใหญ่จะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย 15%

2. หุ้น (Stocks)

การลงทุนในหุ้นคือการเข้าเป็น "ส่วนหนึ่ง" ของเจ้าของกิจการ มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับบริษัท

ข้อดี:

  • โอกาสสร้างผลตอบแทนสูง: เป็นสินทรัพย์ที่ให้โอกาสสร้างผลตอบแทนได้สูงที่สุดในระยะยาว ทั้งจากกำไรของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain) และเงินปันผล (Dividend)
  • สภาพคล่องสูง: สามารถซื้อขายเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่ายและรวดเร็วในวันทำการ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ
  • ความโปร่งใส: บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการและข้อมูลสำคัญต่าง ๆ ต่อสาธารณะ ทำให้นักลงทุนสามารถติดตามและวิเคราะห์ได้

ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงและความผันผวนสูง: ราคาหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงขึ้นลงได้อย่างรวดเร็วตามสภาวะเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม หรือข่าวสารของบริษัทนั้น ๆ ซึ่งอาจทำให้ขาดทุนเงินต้นได้
  • ต้องใช้ความรู้และเวลา: การลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยการศึกษาข้อมูล วิเคราะห์งบการเงิน และติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ
  • ความเสี่ยงด้านการบริหาร: หากผู้บริหารของบริษัทตัดสินใจผิดพลาด ก็อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาหุ้นได้

3. กองทุนรวม (Mutual Funds)

เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ แต่ไม่มีเวลา หรือต้องการกระจายความเสี่ยง

ข้อดี:

  • มีผู้เชี่ยวชาญดูแล: มีผู้จัดการกองทุนที่มีความรู้และประสบการณ์คอยวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนแทนเรา
  • กระจายความเสี่ยงอัตโนมัติ: เงินลงทุนของเราจะถูกกระจายไปในสินทรัพย์หลาย ๆ ตัว เช่น หุ้น 30-50 บริษัท ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง
  • ใช้เงินลงทุนน้อย: สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินจำนวนไม่มาก บางกองทุนเริ่มต้นเพียง 1 บาท
  • มีนโยบายหลากหลาย: มีกองทุนรวมให้เลือกมากมายตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ตั้งแต่เสี่ยงต่ำ (กองทุนตลาดเงิน) ไปจนถึงเสี่ยงสูง (กองทุนหุ้นต่างประเทศ, กองทุนทองคำ)

ข้อเสีย:

  • มีค่าธรรมเนียม: การมีผู้เชี่ยวชาญมาดูแลย่อมมีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะถูกหักออกจากมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการ ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย
  • ไม่สามารถควบคุมการลงทุนได้เอง: เราไม่สามารถเลือกซื้อหรือขายหุ้นรายตัวในกองทุนได้ด้วยตัวเอง ต้องเป็นไปตามการตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน
  • ผลตอบแทนอาจไม่โดดเด่น: เนื่องจากการกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นจำนวนมาก แม้จะมีหุ้นบางตัวที่ราคาขึ้นไปสูง แต่ก็จะถูกถัวเฉลี่ยกับหุ้นตัวอื่น ๆ ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมอาจไม่สูงเท่ากับการเลือกหุ้นรายตัวได้ถูกต้อง

 

 

4. คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)

สินทรัพย์ดิจิทัลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่สุดเช่นกัน

ข้อดี:

  • โอกาสสร้างผลตอบแทนสูงมาก: เป็นสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้หลายร้อยหรือหลายพันเปอร์เซ็นต์ในระยะเวลาอันสั้น
  • ระบบกระจายศูนย์ (Decentralized): ไม่ถูกควบคุมโดยตัวกลางอย่างธนาคารหรือรัฐบาล ทำให้มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน
  • ไม่มีพรมแดน: สามารถทำธุรกรรมซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน และโอนหากันได้ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว

ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงและความผันผวนสูงที่สุด: ราคาอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงได้ภายในวันเดียว มีโอกาสสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้
  • ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับที่ชัดเจน: การประเมินมูลค่าส่วนใหญ่มาจากความเชื่อมั่นและอุปสงค์-อุปทานในตลาด ซึ่งต่างจากหุ้นที่มีผลประกอบการของบริษัทรองรับ
  • ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: กฎหมายและข้อบังคับในหลายประเทศยังไม่ชัดเจนและอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
  • ความเสี่ยงทางเทคโนโลยี: มีความเสี่ยงจากการถูกแฮก การหลอกลวง (Scam) หรือหากทำ Private Key (กุญแจส่วนตัว) หาย อาจไม่สามารถกู้คืนสินทรัพย์ได้เลย

5. ทองคำ (Gold)

สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ที่ได้รับความเชื่อมั่นมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์

ข้อดี:

  • ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ: โดยธรรมชาติแล้ว เมื่อค่าเงินลดลง ราคาทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้น
  • เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย: ในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือความไม่แน่นอนทางการเมือง นักลงทุนมักจะย้ายเงินมาพักไว้ในทองคำ ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงขึ้น
  • เป็นที่ยอมรับทั่วโลก: ทองคำมีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทั่วโลก

ข้อเสีย:

  • ไม่สร้างกระแสเงินสด: การถือทองคำจะไม่มีเงินปันผลหรือดอกเบี้ยเหมือนหุ้นหรือพันธบัตร ผลตอบแทนจะมาจากส่วนต่างราคาเพียงอย่างเดียว
  • มีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา: หากซื้อเป็นทองคำแท่ง จะมีภาระและความเสี่ยงในการเก็บรักษาให้ปลอดภัย
  • ราคาผันผวนตามอุปสงค์และค่าเงินดอลลาร์: ราคาทองคำมีความสัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก

6. อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate)

การลงทุนในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม

ข้อดี:

  • สร้างรายได้ประจำ (Passive Income): สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างสม่ำเสมอในรูปแบบของค่าเช่า
  • มูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว: โดยทั่วไปแล้ว ราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นตามกาลเวลา
  • เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้: สามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้

ข้อเสีย:

  • ใช้เงินลงทุนสูง: เป็นการลงทุนที่ต้องใช้เงินทุนก้อนใหญ่ในการเริ่มต้น
  • สภาพคล่องต่ำมาก: การซื้อขายเปลี่ยนมือทำได้ช้า ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วเหมือนหุ้น
  • มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา: มีค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าซ่อมแซม และภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
  • ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทาง: การเลือกทำเล การประเมินราคา และการบริหารจัดการผู้เช่า ต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์

7. ของสะสมหรืองานศิลป์ (Collectibles/Art)

การลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความหลงใหลและความชื่นชอบส่วนตัว

ข้อดี:

  • ผลตอบแทนสูงเกินคาด: หากของชิ้นนั้นเป็นที่ต้องการของตลาดและหาได้ยาก มูลค่าสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างมหาศาล
  • ให้คุณค่าทางใจ: นอกจากการลงทุนแล้ว ยังเป็นการสร้างความสุขและความภาคภูมิใจให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของ
  • เป็นสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยง: ราคาของสินทรัพย์กลุ่มนี้มักไม่ค่อยสัมพันธ์กับตลาดหุ้นหรือเศรษฐกิจโดยรวม

ข้อเสีย:

  • สภาพคล่องต่ำที่สุด: เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม การหาผู้ซื้อที่ยินดีจ่ายในราคาที่เราต้องการอาจต้องใช้เวลานานมาก
  • ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางอย่างสูง: มีความเสี่ยงสูงที่จะเจอของปลอมหรือประเมินมูลค่าผิดพลาด หากไม่มีความเชี่ยวชาญจริง ๆ
  • ไม่สร้างกระแสเงินสด: เหมือนกับทองคำ การลงทุนประเภทนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ระหว่างที่ถือครอง
  • ต้นทุนการทำธุรกรรมสูง: อาจมีค่าใช้จ่ายในการประเมินราคา ค่าประกัน และค่าคอมมิชชันในการซื้อขายผ่านสถาบันประมูล

 


ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนเลือกลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ 

  1. เป้าหมายการลงทุน (Investment Goal): ลงทุนเพื่ออะไร? เช่น เพื่อเกษียณ, ซื้อบ้าน, ท่องเที่ยว เป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยกำหนดระยะเวลาและประเภทสินทรัพย์ที่เหมาะสม
  2. ระยะเวลาในการลงทุน (Time Horizon): สามารถลงทุนทิ้งไว้ได้นานแค่ไหน? การลงทุนระยะยาว (5-10 ปีขึ้นไป) สามารถรับความเสี่ยงได้สูงกว่าการลงทุนระยะสั้น
  3. ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk Tolerance): รับความผันผวนของเงินลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน? หากขาดทุน 20% คุณจะนอนไม่หลับหรือไม่?
  4. ความรู้ความเข้าใจ (Knowledge): อย่าลงทุนในสิ่งที่ไม่เข้าใจ ควรใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลในสินทรัพย์ที่จะลงทุนให้ดีเสียก่อน

 


ESG environment social governance investment business concept

 

แนวโน้มการลงทุนในอนาคต 

ในปี 2025 และต่อไป แนวโน้มการลงทุนจะมุ่งเน้นไปที่

  • สินทรัพย์ยั่งยืน (Sustainable Investing - ESG): การลงทุนในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social), และธรรมาภิบาล (Governance) กำลังได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  • เทคโนโลยีและนวัตกรรม: การลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, AI, และเทคโนโลยีบล็อกเชนยังคงน่าสนใจ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในอนาคต
  • สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets): นอกเหนือจากคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบอื่น ๆ เช่น Real World Asset (RWA) Tokenization หรือการแปลงสินทรัพย์จริงให้อยู่ในรูปแบบโทเคนดิจิทัล จะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงอย่างอสังหาริมทรัพย์หรืองานศิลปะได้ง่ายขึ้น
  • การกระจายความเสี่ยงทั่วโลก (Global Diversification): ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาค ทำให้นักลงทุนมองหาโอกาสการลงทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง

References:

  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (www.set.or.th)
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (www.sec.or.th)
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th)

 


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลงทุน (FAQ)

  • การลงทุนมีอะไรบ้างสำหรับมือใหม่

สำหรับมือใหม่ แนะนำให้เริ่มต้นจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้, กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่กระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายตัว หรืออาจจะเริ่มจาก การออมหุ้น (DCA) ในหุ้นพื้นฐานดี ซึ่งเป็นการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันทุกเดือนเพื่อสร้างวินัยและลดความเสี่ยงจากความผันผวน

  • ลงทุนอะไรดีในปี 2025

ในปี 2025 สินทรัพย์ที่น่าสนใจยังคงเป็นการลงทุนที่เน้นการเติบโตในระยะยาว เช่น หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและสุขภาพ, กองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ (เช่น เวียดนาม, อินเดีย) และการแบ่งส่วนเล็ก ๆ ของพอร์ต (ไม่เกิน 5-10%) มาลงทุนใน คริปโตเคอร์เรนซี เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น

  • การลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำที่สุดคืออะไร

พันธบัตรรัฐบาล และ เงินฝากประจำ ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด เนื่องจากมีรัฐบาลหรือสถาบันการเงินค้ำประกันเงินต้น แต่ก็ต้องแลกมากับผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ

  • คริปโตนับเป็นการลงทุนไหม? 

คริปโตเคอร์เรนซีนับเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนประเภทหนึ่ง (Alternative Investment) แต่เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมากเนื่องจากความผันผวนของราคา ผู้ลงทุนต้องมีความรู้ความเข้าใจและยอมรับความเสี่ยงได้สูง ไม่ควรนำเงินทั้งหมดมาลงทุนในคริปโตฯ แต่ควรมองเป็นการกระจายความเสี่ยงส่วนหนึ่งของพอร์ตการลงทุน

 


Conclusion

การลงทุนไม่ใช่เรื่องของ "คนรวย" แต่เป็นเรื่องของ "ทุกคน" ที่ต้องการสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง ไม่มีคำตอบตายตัวว่าการลงทุนแบบไหนดีที่สุด เพราะแต่ละคนมีเป้าหมาย, ระยะเวลา, และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้แตกต่างกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นศึกษา, ทำความเข้าใจ, และเลือกสินทรัพย์ที่ "ใช่" สำหรับเรา จงเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะด้วยเงินจำนวนน้อยแค่ไหนก็ตาม เพราะพลังของผลตอบแทนทบต้นจะทำงานได้ดีที่สุดเมื่อเราให้ "เวลา" กับมัน

 

 


คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด

 


อ้างอิง

Subscribe by email

การลงทุนมีอะไรบ้าง? รวมประเภทการลงทุนยอดนิยมที่มือใหม่ควรรู้
การลงทุนมีอะไรบ้าง

การลงทุนมีอะไรบ้าง? รวมประเภทการลงทุนยอดนิยมที่มือใหม่ควรรู้

29 ก.ย. 2025, 13:26:13 2 min read
Gold Coin คืออะไร? เหรียญคริปโตที่มีทองคำหนุนหลังจริงหรือ?
Gold Coin คือ

Gold Coin คืออะไร? เหรียญคริปโตที่มีทองคำหนุนหลังจริงหรือ?

28 ก.ย. 2025, 22:42:10 2 min read
Fibonacci คืออะไร? วิธีใช้กับการเทรดอย่างง่าย พร้อมตัวอย่างจริง
fibonacci คือ

Fibonacci คืออะไร? วิธีใช้กับการเทรดอย่างง่าย พร้อมตัวอย่างจริง

28 ก.ย. 2025, 18:49:00 1 min read
พบกับ Aster (ASTER) โทเคนใหม่จากกระดานเทรด Perpetual เปิดตัวแรงในโลกคริปโต

พบกับ Aster (ASTER) โทเคนใหม่จากกระดานเทรด Perpetual เปิดตัวแรงในโลกคริปโต

25 ก.ย. 2025, 14:55:19 1 min read
เปิดตัว Stablecoin เงินหยวนจีนและเงินวอนเกาหลี

เปิดตัว Stablecoin เงินหยวนจีนและเงินวอนเกาหลี

24 ก.ย. 2025, 16:14:15 1 min read
รู้จัก ‘ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์’ มหาเศรษฐีนักลงทุน Bitcoin ผู้ทุ่มสุดตัว
ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์

รู้จัก ‘ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์’ มหาเศรษฐีนักลงทุน Bitcoin ผู้ทุ่มสุดตัว

24 ก.ย. 2025, 13:45:17 1 min read
Play to Earn คืออะไร? เกมเล่นแล้วได้เงินจริง มีอะไรน่าจับตาในปีนี้
Play to Earn (P2E)

Play to Earn คืออะไร? เกมเล่นแล้วได้เงินจริง มีอะไรน่าจับตาในปีนี้

23 ก.ย. 2025, 11:39:58 3 min read
MACD คืออะไร? สอนใช้เครื่องมือตัวนี้วิเคราะห์กราฟเทรดอย่างมือโปร
MACD คือ

MACD คืออะไร? สอนใช้เครื่องมือตัวนี้วิเคราะห์กราฟเทรดอย่างมือโปร

22 ก.ย. 2025, 16:16:54 2 min read
Cloud Mining คืออะไร? ทำงานอย่างไร และคุ้มค่าหรือไม่ในปี 2025
cloud mining คืออะไร

Cloud Mining คืออะไร? ทำงานอย่างไร และคุ้มค่าหรือไม่ในปี 2025

18 ก.ย. 2025, 22:16:58 2 min read
เวียดนามเริ่มโครงการนำร่องคริปโต 5 ปี ออกกฎควบคุมการซื้อขาย

เวียดนามเริ่มโครงการนำร่องคริปโต 5 ปี ออกกฎควบคุมการซื้อขาย

17 ก.ย. 2025, 16:44:39 2 min read