Bitazza Thailand Blog

Gold Coin คืออะไร? เหรียญคริปโตที่มีทองคำหนุนหลังจริงหรือ?

เขียนโดย Bitazza Team - 28 ก.ย. 2025, 15:42:10

 

จากทองคำสู่เหรียญดิจิทัลบนโลกออนไลน์ การลงทุนในวันนี้ไม่ได้ยึดติดอยู่กับรูปแบบเดิมอีกต่อไป หนึ่งในนวัตกรรมที่กำลังถูกจับตามองในหมู่นักลงทุนคือ “Gold Coin” เป็นการผสมผสานระหว่างความมั่นคงของทองคำและศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล บทความนี้จะพาไปเจาะลึก Gold Coin ตั้งแต่หลักการ ตัวอย่างเหรียญ Gold ที่มีอยู่จริง ความเสี่ยงที่ต้องระวัง และแนวโน้มในอนาคตแบบครบถ้วน มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย

 

Gold Coin คืออะไร

Gold Coin คือ คริปโตเคอร์เรนซีที่หนุนหลังด้วยทองคำ โดยแต่ละโทเค็นจะถูกกำหนดให้มีมูลค่าเทียบเท่ากับน้ำหนักของทองคำที่ถูกเก็บไว้ในคลังที่เชื่อถือได้เพื่อใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ต่างจากคริปโตอื่น ๆ ที่ขึ้นอยู่กับการเก็งกำไร หรือเปรียบได้ง่าย ๆ ว่าเป็น “ทองคำในรูปแบบดิจิทัล” นั่นเอง 

 

หลักการของเหรียญ Gold

Gold Coin คือ เหรียญที่อยู่ภายใต้แนวคิด “Asset-backed Token” หรือโทเค็นที่มีมูลค่าผูกติดกับสินทรัพย์จริงคล้ายกับ Stablecoin โดยหลักการของเหรียญ Gold คือ แต่ละเหรียญที่ออกมาจะมีทองคำจริงสำรองอยู่ในปริมาณที่สอดคล้องกับมูลค่าของเหรียญนั้น เช่น Gold Coin 1 เหรียญ เทียบเท่ากับทองคำ 1 กรัม ทำให้ผู้ถือเหรียญมีสิทธิ์ในทองคำ 1 กรัมที่เก็บอยู่ในตู้นิรภัยของหน่วยงานที่ได้รับมาตราฐานสากล เช่น London Buillion Market Association (LBMA) ด้วยระบบการออกโทเค็นแบบ 1:1 ช่วยให้มูลค่าเหรียญมีความมั่นคงและลดความผันผวนของราคาที่มักเกิดกับคริปโตทั่วไป 

 

 

เปรียบเทียบ Gold coin กับ Bitcoin ต่างกันอย่างไร

Gold Coin เป็นเหรียญที่มีทองคำจริงหนุนหลัง ทำให้มีสถานะเป็น “Store of Value” แตกต่างจาก Bitcoin อย่างชัดเจนที่ไม่มีสินทรัพย์จริงรองรับ มูลค่าของเหรียญ Gold จะถูกอิงจากราคาทองคำ จึงมีความเสถียรสูงและผันผวนต่ำกว่า ในขณะที่มูลค่าของ Bitcoin ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้ถือเหรียญและความต้องการในตลาด ส่งผลให้ราคาผันผวนสูง จึงสรุปได้ว่า Gold Coin ถูกพัฒนามาเพื่อความมั่นคงและเสถียรภาพ ส่วน Bitcoin มุ่งเน้นไปที่ศักยภาพการเติบโตและโอกาสในการสร้างกำไร

 

เปรียบเทียบการลงทุน Gold coin กับทองคำ

การลงทุนใน Gold Coin และทองคำ มีความแตกต่างในด้านการถือครองและการใช้งาน โดยทองคำเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็บสะสมระยะยาวจากคุณสมบัติที่มีความมั่นคงสูงและถือเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ ตรงกันข้าม Gold Coin มีการอ้างอิงมูลค่ากับทองคำจริงแต่ถูกสร้างให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลและดำเนินการบนบล็อกเชน ทำให้เกิดการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมโอนย้ายได้สะดวก รวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถแบ่งย่อยทุนได้ ทำให้เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนจำกัดสามารถเข้าถึงการลงทุนทองคำได้กว่าง่ายกว่าการซื้อทองคำทั้งหน่วย

 

 

ตัวอย่าง Gold Coin ที่ได้รับความนิยม

1. PAX Gold (PAXG)

PAXG คือ โทเค็นทองคำดิจิทัลประเภท ERC-20 ที่ถูกพัฒนาและควบคุมโดยบริษัท Paxos ผู้สร้างตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตสัญชาติสิงคโปร์ในชื่อ “itBit Paxos” มีอัตรา 1:1 กับทองคำแท่ง ซึ่งได้มาตราฐาน London Good Delivery และถูกเก็บไว้ในห้องนิรภัยลอนดอน นอกจากนี้ Paxos ยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ New York State Department of Financial Services (NYDFS) ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยให้กับนักลงทุน

2. Tether Gold (XAUT)

XAUT ทำงานบนอัตรา 1:1 ของทองคำจริง โดยแต่ละโทเค็นมีทองคำสำรองเต็มจำนวนที่เก็บอยู่ในตู้นิรภัยของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีการตรวจสอบอยู่สม่ำเสมอเพื่อความโปร่งใสและความเชื่อมั่นของผู้ถือโทเค็น คุณสมบัติเด่นของ XAUT คือ สามารถนำโทเค็นแลกเป็นทองคำแท่งได้ ซื้อขายได้ตลอดเวลา และแบ่งเป็นหน่วยย่อยได้ถึง 0.000001 ทรอยออนซ์ ทำให้การทำธุรกรรมมีความยืดหยุ่นและแม่นยำ

3. Digix Gold (DGX)

Digix เป็นผู้บุกเบิกตลาดเหรียญ Gold โดยแต่ละโทเค็นของ DGX จะถูกค้ำประกันด้วยทองคำ 1 กรัมของทองคำจริง และถูกเก็บไว้ในตู้นิรภัยของสิงคโปร์ โทเค็น DGX ถูกสร้างขึ้นผ่านโปรโตคอล Proof of Asset (PoA) เพื่อรองรับความถูกต้องและปริมาณทองคำสำรอง 

4. Aurus Gold (AWG)

โทเค็นทองคำบนบล็อกเชน Ethereum ที่สามารถแลกคืนได้เป็นทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ขนาด 1 กรัม ที่ถูกเก็บอยู่ในตู้นิรภัยที่ผ่านการตรวจสอบละได้รับการรับรองมาตราฐาน LBMA (London Buillion Market Association) การถือโทเค็น AWG ช่วยให้นักลงทุนสะสมทองคำได้สะดวก ซื้อขายง่ายและสามารถลงทุนในปริมาณเล็ก ๆ ได้ อย่างไรก็ตามยังมีการรองรับในตลาดยังที่จำกัดและมีขั้นต่ำสูงเมื่อแลกคืนเป็นทองคำแท่ง 

5. Kinese Gold (KAU)

KAU เป็นโทเค็นที่ออกโดย Kinesis Money โดยแต่ละ KAU อ้างอิงมูลค่ากับทองคำจริง 1 กรัมต่อ 1 KAU บนบล็อกเชน Kinesis ที่สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาประมาณ 3 วิ และสามารถแบ่งย่อยได้สูงสุดถึง 0.001 กรัมต่อโทเค็น ทั้งนี้โทเค็นสามารถแลกเป็นทองคำจริงได้ตั้งแต่ 100 กรัมขึ้นไป โดยทำได้เฉพาะผ่าน Kinesis เท่านั้น 

 

ข้อดีและข้อเสียของ Gold Coin

ข้อดีของ Gold Coin

  • การแบ่งเป็นหน่วยย่อย ในความเป็นจริงทองคำแท่งไม่สามารถแบ่งออกเป็นส่วนเล็ก ๆ ได้ แต่ Gold Coin สามารถทำได้และทุกธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้บนบล็อกเชน
  • ความผันผวนต่ำ เนื่องจากมีทองคำจริงรองรับ ทำให้มูลค่าเหรียญ Gold มีความผันผวนต่ำและความมั่นคงสูงกว่าคริปโตทั่วไป
  • การเก็บรักษาที่ง่ายกว่า Gold Coin ที่อยู่ในรูปแบบทองคำดิจิทัลสามารถจัดเก็บไว้ใน Wallet และขายได้ง่ายกว่าถือทองคำแท่ง

ข้อเสียของ Gold Coin

  • สภาพคล่องจำกัด การซื้อขายเหรียญยังไม่แพร่หลายบนตลาดเท่าทองคำที่เป็นการลงทุนแบบดั้งเดิม 
  • การพึ่งพาความน่าเชื่อถือ นักลงทุนต้องมั่นใจว่าผู้ออกเหรียญมีทองคำสำรองจริง 
  • การจัดเก็บแบบรวมศูนย์ Gold Coin ยังคงต้องพึ่งพาสถาบันกลางในการจัดเก็บและดูแลทองคำสำรองอยู่ ซึ่งต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีทั่วไปที่เน้นระบบแบบกระจายศูนย์

 

ความเสี่ยงและสิ่งที่ต้องระวังก่อนลงทุนใน Gold coin

แม้คริปโตที่มีทองคำหนุนหลังจะให้ความมั่นคงสูง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่ควรต้องพิจารณา ดังนี้

  1. ความเชื่อมั่นต่อผู้ดูแล ความปลอดภัยของเหรียญ Gold ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือและมาตรการรักษาความปลอดภัยของทองคำ นักลงทุนจำเป็นต้องมั่นใจว่าทองคำถูกสำรองและจัดการอย่างเหมาะสมโดยผู้ดูแล (Custodian)
  2. ความโปร่งใส หากขาดการตรวจสอบที่ไม่สม่ำเสมอและไม่มีความโปร่งใส อาจสร้างความไม่น่าไว้วางใจให้แก่นักลงทุน ที่อาจเสี่ยงต่อการฉ้อโกงหรือการปลอมแปลง เช่น การออกโทเค็นโดยไม่มีทองคำรองรับเพียงพอ
  3. ความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ เหรียญคริปโตยังคงอยู่ในสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ความไม่ชัดเจนนี้อาจส่งผลต่อความไม่แน่นอนและการยอมรับของมูลค่า Gold Coin ในบางประเทศได้
  4. ความปลอดภัยของบล็อกเชน แม้ว่าบล็อกเชนจะมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ยังเสี่ยงต่อปัญหาทางเทคโนโลยีอย่างไม่คาดคิด เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ ช่องโหว่ทางเทคนิค หรือ ข้อบกพร่องของโค้ด

 

 

แนวโน้มอนาคตของ Gold Coin

ปัจจุบันเหรียญ Gold มี Market Cap รวมอยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอนาคตของ Gold Coin ก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงวงการการลงทุนในทองคำได้อย่างมาก ดังนี้

  1. การยอมรับที่เพิ่มขึ้น 

ในอนาคตการนำโทเค็นทองคำมาใช้จะมีมากขึ้นพร้อมทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน การลงทุนในทองคำแบบดั้งเดิมจะต้องอาศัยเงินลงทุนสูงและข้อจำกัดในการจัดเก็บ ขณะที่ Gold Coin มีความยืดหยุ่นมากกว่า ต้นทุนต่ำกว่า และสามารถแบ่งถือครองเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ ได้ ทำให้การลงทุนเข้าถึงง่ายขึ้น

  1. การทำธุรกรรมข้ามพรมแดน

Gold Coin สามารถเปลี่ยนแปลงการค้าทั่วโลกและธุรกรรมข้ามพรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การโอนเงินข้ามประเทศเป็นได้อย่างรวดเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น นักลงทุนสามารถใช้ Gold Coin เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องเจอกับปัญหาความล่าช้าหรือค่าธรรมเนียมสูง

  1. การพัฒนา DeFi

เหรียญ Gold จะมีบทบาทมากขึ้นในโลก DeFi ผ่านการนำมาใช้กับแพลตฟอร์ม DeFi ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ กู้ ยืม และซื้อขายได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้ทองคำเป็นหลักประกันเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมได้ การผสานนี้จะทำให้ Gold Coin มีการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัลได้อย่างลงตัว

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Gold coin

  • Gold Coin คืออะไร ต่างจาก Bitcoin ยังไง

Gold Coin คือคริปโตเคอร์เรนซีที่มีทองคำจริงค้ำประกัน และอ้างอิงมูลค่าตามราคาของทอง จึงมีความเสถียรของราคามากกว่า Bitcoin ที่ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลังและความผันผวนสูง

  • Gold Coin มีทองคำหนุนหลังจริงหรือ

Gold Coin มีทองคำหนุนหลังจริง แต่ความน่าเชื่อถือขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ออกเหรียญที่มีชื่อเสียงในการเก็บทองคำและจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เชื่อถือได้เท่านั้น 

 

Conclusion

Gold Coin คือนวัตกรรมทางการเงินที่น่าสนใจ โดยผสานความมั่นคงของทองคำจริงเข้ากับเทคโนโลยี Blockchain ส่งผลให้โลกการเงินกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่การลงทุนไม่ได้จำกัดในรูปแบบเดิมอีกต่อไป Gold Coin จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการสะสมมูลค่าของทองคำอย่างมั่นคงในรูปแบบดิจิทัล ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนลงทุนเสมอ

 

 

คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด

 

อ้างอิง