จากทองคำสู่เหรียญดิจิทัลบนโลกออนไลน์ การลงทุนในวันนี้ไม่ได้ยึดติดอยู่กับรูปแบบเดิมอีกต่อไป หนึ่งในนวัตกรรมที่กำลังถูกจับตามองในหมู่นักลงทุนคือ “Gold Coin” เป็นการผสมผสานระหว่างความมั่นคงของทองคำและศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล บทความนี้จะพาไปเจาะลึก Gold Coin ตั้งแต่หลักการ ตัวอย่างเหรียญ Gold ที่มีอยู่จริง ความเสี่ยงที่ต้องระวัง และแนวโน้มในอนาคตแบบครบถ้วน มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย
Gold Coin คือ คริปโตเคอร์เรนซีที่หนุนหลังด้วยทองคำ โดยแต่ละโทเค็นจะถูกกำหนดให้มีมูลค่าเทียบเท่ากับน้ำหนักของทองคำที่ถูกเก็บไว้ในคลังที่เชื่อถือได้เพื่อใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ต่างจากคริปโตอื่น ๆ ที่ขึ้นอยู่กับการเก็งกำไร หรือเปรียบได้ง่าย ๆ ว่าเป็น “ทองคำในรูปแบบดิจิทัล” นั่นเอง
Gold Coin คือ เหรียญที่อยู่ภายใต้แนวคิด “Asset-backed Token” หรือโทเค็นที่มีมูลค่าผูกติดกับสินทรัพย์จริงคล้ายกับ Stablecoin โดยหลักการของเหรียญ Gold คือ แต่ละเหรียญที่ออกมาจะมีทองคำจริงสำรองอยู่ในปริมาณที่สอดคล้องกับมูลค่าของเหรียญนั้น เช่น Gold Coin 1 เหรียญ เทียบเท่ากับทองคำ 1 กรัม ทำให้ผู้ถือเหรียญมีสิทธิ์ในทองคำ 1 กรัมที่เก็บอยู่ในตู้นิรภัยของหน่วยงานที่ได้รับมาตราฐานสากล เช่น London Buillion Market Association (LBMA) ด้วยระบบการออกโทเค็นแบบ 1:1 ช่วยให้มูลค่าเหรียญมีความมั่นคงและลดความผันผวนของราคาที่มักเกิดกับคริปโตทั่วไป
Gold Coin เป็นเหรียญที่มีทองคำจริงหนุนหลัง ทำให้มีสถานะเป็น “Store of Value” แตกต่างจาก Bitcoin อย่างชัดเจนที่ไม่มีสินทรัพย์จริงรองรับ มูลค่าของเหรียญ Gold จะถูกอิงจากราคาทองคำ จึงมีความเสถียรสูงและผันผวนต่ำกว่า ในขณะที่มูลค่าของ Bitcoin ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้ถือเหรียญและความต้องการในตลาด ส่งผลให้ราคาผันผวนสูง จึงสรุปได้ว่า Gold Coin ถูกพัฒนามาเพื่อความมั่นคงและเสถียรภาพ ส่วน Bitcoin มุ่งเน้นไปที่ศักยภาพการเติบโตและโอกาสในการสร้างกำไร
การลงทุนใน Gold Coin และทองคำ มีความแตกต่างในด้านการถือครองและการใช้งาน โดยทองคำเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็บสะสมระยะยาวจากคุณสมบัติที่มีความมั่นคงสูงและถือเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้ ตรงกันข้าม Gold Coin มีการอ้างอิงมูลค่ากับทองคำจริงแต่ถูกสร้างให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลและดำเนินการบนบล็อกเชน ทำให้เกิดการซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมโอนย้ายได้สะดวก รวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถแบ่งย่อยทุนได้ ทำให้เทรดเดอร์ที่มีเงินทุนจำกัดสามารถเข้าถึงการลงทุนทองคำได้กว่าง่ายกว่าการซื้อทองคำทั้งหน่วย
PAXG คือ โทเค็นทองคำดิจิทัลประเภท ERC-20 ที่ถูกพัฒนาและควบคุมโดยบริษัท Paxos ผู้สร้างตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตสัญชาติสิงคโปร์ในชื่อ “itBit Paxos” มีอัตรา 1:1 กับทองคำแท่ง ซึ่งได้มาตราฐาน London Good Delivery และถูกเก็บไว้ในห้องนิรภัยลอนดอน นอกจากนี้ Paxos ยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ New York State Department of Financial Services (NYDFS) ที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยให้กับนักลงทุน
XAUT ทำงานบนอัตรา 1:1 ของทองคำจริง โดยแต่ละโทเค็นมีทองคำสำรองเต็มจำนวนที่เก็บอยู่ในตู้นิรภัยของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีการตรวจสอบอยู่สม่ำเสมอเพื่อความโปร่งใสและความเชื่อมั่นของผู้ถือโทเค็น คุณสมบัติเด่นของ XAUT คือ สามารถนำโทเค็นแลกเป็นทองคำแท่งได้ ซื้อขายได้ตลอดเวลา และแบ่งเป็นหน่วยย่อยได้ถึง 0.000001 ทรอยออนซ์ ทำให้การทำธุรกรรมมีความยืดหยุ่นและแม่นยำ
Digix เป็นผู้บุกเบิกตลาดเหรียญ Gold โดยแต่ละโทเค็นของ DGX จะถูกค้ำประกันด้วยทองคำ 1 กรัมของทองคำจริง และถูกเก็บไว้ในตู้นิรภัยของสิงคโปร์ โทเค็น DGX ถูกสร้างขึ้นผ่านโปรโตคอล Proof of Asset (PoA) เพื่อรองรับความถูกต้องและปริมาณทองคำสำรอง
โทเค็นทองคำบนบล็อกเชน Ethereum ที่สามารถแลกคืนได้เป็นทองคำบริสุทธิ์ 99.99% ขนาด 1 กรัม ที่ถูกเก็บอยู่ในตู้นิรภัยที่ผ่านการตรวจสอบละได้รับการรับรองมาตราฐาน LBMA (London Buillion Market Association) การถือโทเค็น AWG ช่วยให้นักลงทุนสะสมทองคำได้สะดวก ซื้อขายง่ายและสามารถลงทุนในปริมาณเล็ก ๆ ได้ อย่างไรก็ตามยังมีการรองรับในตลาดยังที่จำกัดและมีขั้นต่ำสูงเมื่อแลกคืนเป็นทองคำแท่ง
KAU เป็นโทเค็นที่ออกโดย Kinesis Money โดยแต่ละ KAU อ้างอิงมูลค่ากับทองคำจริง 1 กรัมต่อ 1 KAU บนบล็อกเชน Kinesis ที่สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาประมาณ 3 วิ และสามารถแบ่งย่อยได้สูงสุดถึง 0.001 กรัมต่อโทเค็น ทั้งนี้โทเค็นสามารถแลกเป็นทองคำจริงได้ตั้งแต่ 100 กรัมขึ้นไป โดยทำได้เฉพาะผ่าน Kinesis เท่านั้น
แม้คริปโตที่มีทองคำหนุนหลังจะให้ความมั่นคงสูง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่ควรต้องพิจารณา ดังนี้
ปัจจุบันเหรียญ Gold มี Market Cap รวมอยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งอนาคตของ Gold Coin ก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงวงการการลงทุนในทองคำได้อย่างมาก ดังนี้
ในอนาคตการนำโทเค็นทองคำมาใช้จะมีมากขึ้นพร้อมทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน การลงทุนในทองคำแบบดั้งเดิมจะต้องอาศัยเงินลงทุนสูงและข้อจำกัดในการจัดเก็บ ขณะที่ Gold Coin มีความยืดหยุ่นมากกว่า ต้นทุนต่ำกว่า และสามารถแบ่งถือครองเป็นสัดส่วนเล็ก ๆ ได้ ทำให้การลงทุนเข้าถึงง่ายขึ้น
Gold Coin สามารถเปลี่ยนแปลงการค้าทั่วโลกและธุรกรรมข้ามพรมแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การโอนเงินข้ามประเทศเป็นได้อย่างรวดเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น นักลงทุนสามารถใช้ Gold Coin เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยไม่ต้องเจอกับปัญหาความล่าช้าหรือค่าธรรมเนียมสูง
เหรียญ Gold จะมีบทบาทมากขึ้นในโลก DeFi ผ่านการนำมาใช้กับแพลตฟอร์ม DeFi ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถ กู้ ยืม และซื้อขายได้สะดวกขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้ทองคำเป็นหลักประกันเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมได้ การผสานนี้จะทำให้ Gold Coin มีการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเชื่อมเข้าสู่โลกการเงินดิจิทัลได้อย่างลงตัว
Gold Coin คือคริปโตเคอร์เรนซีที่มีทองคำจริงค้ำประกัน และอ้างอิงมูลค่าตามราคาของทอง จึงมีความเสถียรของราคามากกว่า Bitcoin ที่ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลังและความผันผวนสูง
Gold Coin มีทองคำหนุนหลังจริง แต่ความน่าเชื่อถือขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ออกเหรียญที่มีชื่อเสียงในการเก็บทองคำและจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เชื่อถือได้เท่านั้น
Gold Coin คือนวัตกรรมทางการเงินที่น่าสนใจ โดยผสานความมั่นคงของทองคำจริงเข้ากับเทคโนโลยี Blockchain ส่งผลให้โลกการเงินกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่การลงทุนไม่ได้จำกัดในรูปแบบเดิมอีกต่อไป Gold Coin จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการสะสมมูลค่าของทองคำอย่างมั่นคงในรูปแบบดิจิทัล ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนลงทุนเสมอ
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง