สัปดาห์ที่ 18-24 มีนาคม 2568

ETF ของทองคำกลับมาแซงหน้า Spot Bitcoin ETF ในแง่มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหาร โดยมีเงินไหลเข้าสูงสุดในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 รวมทั้งปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.5% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ Bitcoin (BTC) ปรับตัวลง 19%

Spot Bitcoin ETF มีเงินไหลเข้าสุทธิเป็นบวกเพียง 5 วันในเดือนกุมภาพันธ์และวันเดียวในเดือนมีนาคมของปีนี้ ส่งผลให้เงินไหลเข้าสุทธิสะสมทั้งหมดตั้งแต่ต้นปี 2568 อยู่ในจุดต่ำสุด รวมทั้งมูลค่ากองทุนปรับตัวลง 25% จากจุดสูงสุดตามราคา Bitcoin ที่ปรับตัวลง

BlackRock รายงานว่า ได้ถือครอง Bitcoin กว่า 567,000 BTC มูลค่ารวม 47,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในผู้ถือ Bitcoin อันดับต้น ๆ ของโลก และยังถือครอง Ethereum มูลค่ากว่า 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) และเหรียญทางเลือก (Altcoin) อีกจำนวนหนึ่ง

วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis เสนอร่างกฎหมาย BITCOIN Act เพื่อเปิดโอกาสให้สหรัฐอเมริกาซื้อ Bitcoin เข้าทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Reserve) ได้มากกว่า 1 ล้าน BTC ตามที่ได้เสนอไปในช่วงแรก โดยไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อโดยตรง อาจจะมาจากการยึดทรัพย์ การบริจาคและมาจากการโอนระหว่างหน่วยงานรัฐบาล

Deutsche Boerse หรือ ตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เตรียมเปิดให้บริการดูแลและชำระบัญชี (Custody and Settlement) สินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าสถาบันในปี 2568 นี้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยจะเริ่มต้นจาก Bitcoin และ Ethereum (ETH) ก่อน และขยายบริการไปยังบริการการสเตกและ Lending ต่อไป

ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Singapore Exchange) หรือ SGX เตรียมเปิดให้ซื้อขาย Bitcoin Perpetual Futures ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 นี้ โดยให้บริการสำหรับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนมืออาชีพเท่านั้น เพื่อขยายเครื่องมือการลงทุนให้มีความหลากหลาย

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) มีการยกจุดต่ำสุดขึ้น ประกอบกับดัชนี Relative Strength Index (RSI) ที่ยกตัวสูงขึ้น บ่งบอกถึงโมเมนตัมขาขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังการหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ 76,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยแนวต้านแรกอยู่ที่ 93,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถผ่านไปได้ จะเป็นการเบรคผ่านช่วงขาลงและมีโอกาสที่จะกลับตัวเป็นขาขึ้น

• แนวรับ: 2,600,000 บาท / 76,000 USD
• แนวต้าน: 3,100,000 บาท / 93,000 USD

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) แนวโน้มยังคงเป็นขาลง แม้ราคาจะเริ่มยืนพื้นได้ แต่ต้องระวังไม่ให้หลุดต่ำกว่าแนวรับ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ หากยืนได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อโดยเน้นขายทำกำไรระยะสั้นที่ 2,550 ดอลลาร์สหรัฐ เพราะโมเมนตัมขาขึ้นยังคงอ่อนแรง

• แนวรับ: 56,000 บาท / 1,700 USD
• แนวต้าน: 96,000 บาท / 2,550 USD 

TONCoin (TON)

TONCoin (TON) ทำผลตอบแทน 24.56% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาฟื้นตัวกลับอย่างรวดเร็วจากข่าวผู้ก่อตั้งได้รับอนุญาตให้ออกนอกประเทศได้ ในระยะสั้นยังต้องจับตาจุดต่ำสุดเดิมที่ 2.340 ดอลลาร์สหรัฐ ใช้เป็นจุดตัดขาดทุน เป้าหมายแนวต้านแรกอยู่ที่ 3.750 ดอลลาร์สหรัฐ เน้นซื้อตอนราคาย่อตัว

• แนวรับ: 80 บาท / 2.340 USD
• แนวต้าน: 160 บาท / 3.750 USD

SpaceID (ID)

SpaceID (ID) ทำผลตอบแทน 20.96% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แนวโน้มหลักยังเป็นขาลง เน้นเทรดเก็งกำไรระยะสั้นไปก่อนจนกว่าราคาจะกลับตัวขาขึ้นหากสามารถผ่านแนวต้านที่ 0.3160 ดอลลาร์สหรัฐไปได้ แต่หากไม่ผ่าน ระวังแนวรับที่จุดต่ำสุดที่ 0.1750 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าต่ำกว่าระดับนี้ให้ตัดขาดทุนไปก่อน

• แนวรับ: 6 บาท / 0.1750 USD
• แนวต้าน: 10 บาท / 0.3160 USD

จับกระแสการลงทุน

การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาออกมาที่ 2.8% ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% ทำให้ราคา Bitcoin (BTC) สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ จับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) วันพุธที่ 19 มีนาคม 2569 นี้ ตลาดคาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่อัตรา 4.5% 

อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ด้วยว่าจะคงนโยบายการเงินอย่างไร โดยตลาดตอนนี้มองว่า จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ช่วงเดือนกันยายน หากเร่งช่วงเวลาลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นจะส่งผลบวกต่อ Bitcoin 

สัปดาห์นี้จับตาการจัดอิเวนต์ประจำปีของ Nvidia ตลอดทั้งสัปดาห์ หากมีการออกสินค้าหรือบริการที่กระตุ้นความเชื่อมั่นต่อราคาหุ้น จะช่วยดันตลาด Nasdaq ปรับตัวขึ้นและส่งผลบวกต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีด้วย

จากสถิติ หากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงมาระดับ 10% จะถึงจุดฟื้นตัวกลับมาได้อีกครั้ง อาจมีส่วนผลักดันราคา Bitcoin อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังความเสี่ยงในด้านนโยบายการเพิ่มภาษีนำเข้าของ Donald Trump ที่อาจกดดันตลาดได้ตลอดเวลา รวมถึงการทำจุดสูงสุดใหม่ของทองคำอาจดึงเงินลงทุนจาก Bitcoin ไปบางส่วน 

กลยุทธ์การลงทุน เน้นลงทุนระยะยาวเป็นหลักใน Bitcoin และ Ethereum (ETH) รวมถึงเหรียญทางเลือก (Altcoin) ที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) ขนาดใหญ่ สามารถทยอยสะสมหลายไม้โดยไม่ต้องรีบเข้าซื้อทั้งหมด เลี่ยงการเก็งกำไรระยะสั้นจนกว่าตลาดจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

แหล่งอ้างอิง

• https://www.coindesk.com/markets/2025/03/15/gold-etfs-inflow-takes-over-bitcoin-etfs-amid-historic-rally 
• https://www.google.com/url?q=https://www.theblock.co/post/346491/us-bitcoin-etfs-erase-year-to-date-gains-as-cumulative-inflows-drop-to-lowest-value-since-january-2&sa=D&source=docs&ust=1742217920958578&usg=AOvVaw2g4KT-tVL9nqQFFhOoCBdP 
• https://cointelegraph.com/news/blackrock-holds-47-billion-bitcoin 
• https://cointelegraph.com/news/senator-cynthia-lummis-new-bitcoin-act-one-million-btc 
• http://cryptodnes.bg/en/deutsche-boerse-to-roll-out-crypto-custody-for-institutions-in-2025/ 
• https://cointelegraph.com/news/singapore-exchange-bitcoin-futures-second-half-2025 

คำเตือน

• คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
• ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน