Stop Loss เป็นหนึ่งในวิธีป้องกันความเสี่ยงที่นักลงทุนควรใช้ เพื่อหยุดความเสียหายหรือการขาดทุนให้อยู่ในระดับที่ได้วางแผนไว้ ช่วยให้ไม่สูญเสียเงินมากเกินไปหากตลาดมีความผันผวนหรือไม่เป็นไปตามที่คาด ดังนั้น Stop Loss จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์ควรเรียนรู้ และนำไปใช้ในการลงทุน
Stop Loss คือจุดตัดการลงุทน เป็นกลุยทธ์การลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการขาดทุนที่มากเกินกว่าเป้าหมาย โดยกำหนดจุดที่จะหยุดลงทุนไว้ เมื่อสินทรัพย์นั้นปรับตัวลง เพื่อไม่ให้กำไรต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือไม่ให้ขาดทุนมากไปกว่าที่ตั้งใจนั่นเอง เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้ได้ทั้งมือเก่าและมือใหม่ และใช้ได้ทุกสินทรัพย์ ดังนั้นหากต้องการลงทุนควรศึกษาเกี่ยวกับ Stop Loss เพื่อให้การลงทุนมีความปลอดภัย
วิธีการใช้ Stop Loss มีหลายแบบ ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกให้เหมาะสมกับการลงทุนของตนเองหรือสินทรัพย์ได้ โดยแบ่งออกเป็นประเภทได้ดังนี้
Stop Limit Order การตั้ง Stop Loss ที่กำหนดเงื่อนไขราคาล่วงหน้าได้ เมื่อราคาสินทรัพย์ถึงเงื่อนไขที่ตั้งไว้ ซึ่ง Limit Order สามารถตั้งได้ทั้งซื้อและขาย โดย Stop Limit Buy คือการซื้อเมื่อราคาสินทรัพย์มาถึงจุดที่ตั้งไว้หรือต่ำกว่า ส่วน Stop Limit Sell คือการขายเมื่อราคาสินทรัพย์ขยับไปจนถึงเงื่อนไขราคาที่ตั้งไว้หรือสูงกว่า
การใช้ Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยขายสินทรัพย์ที่ลงทุนออกไปเมื่อราคาถึงจุดที่กำหนด โดยจุดที่ตั้งไว้อาจเป็นจุดที่ขาดทุนหรือกำไรก็ได้ แต่ขายออกไปเพื่อไม่ให้กำไรลดลงหรือไม่ให้ขาดทุนมากยิ่งขึ้น โดยกลยุทธ์การตั้ง Stop Loss สามารถทำได้หลายวิธี เช่น
การตั้ง Stop Loss ตามเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นักลงทุนกำหนดระดับการขาดทุนที่ยอมรับได้ เช่น 5% หรือ 10% ของเงินลงทุน ดังนั้นหากซื้อสินทรัพย์ที่ราคา 100 บาท หากต้องการตั้ง Stop Loss 10% ก็จะตั้งที่ 90 บาทเป็นต้น โดย Stop Loss จะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าราคาสินทรัพย์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จุด Stop Loss ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง
Stop Loss เป็นกลยุทธ์ที่ง่ายและใช้ได้จริงทั้งกับนักลงทุนมือใหม่และมือเก๋า ซึ่งการใช้ Stop Loss ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
การเปรียบเทียบ Stop Loss กับ Risk Management อื่น ๆ (การจัดการความเสี่ยงอื่น ๆ) จะช่วยให้เห็นถึงความแตกต่างและข้อดีข้อเสียของแต่ละกลยุทธ์ในการจัดการความเสี่ยงในการลงทุนหรือการซื้อขายในตลาดการเงิน
ทั้งสองเครื่องมือนี้มีวัตถุประสงค์ในการจัดการความเสี่ยงและผลกำไร แต่มีลักษณะและการใช้งานที่แตกต่างกัน โดย Stop Loss มีวัตถุประสงค์เพื่อจำกัดการขาดทุน ช่วยให้ตัดสินใจได้ดี ส่วน Take Profit หรือการเก็บกำไร มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ไม่พลาดกำไรที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่ต้องการ
Stop Loss คือการตั้งจุดที่คุณยอมรับการขาดทุนสูงสุดในแต่ละการซื้อขายเพื่อจำกัดการขาดทุนเมื่อราคาตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับตำแหน่งที่เปิดไว้ ป้องกันการขาดทุนที่ไม่สามารถควบคุมได้จากการเคลื่อนไหวของตลาด ส่วน Dollar Cost Averaging (DCA) คือกลยุทธ์การลงทุนที่คุณลงทุนในจำนวนเงินเท่าเดิมในช่วงเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ เช่น ทุกเดือนหรือทุกไตรมาส โดยไม่สนใจราคาตลาด ณ ขณะนั้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุนในช่วงเวลาหนึ่ง การซื้อในราคาต่างๆ ช่วยให้ค่าเฉลี่ยราคาซื้อของคุณลดลงในระยะยาว การเลือกใช้ Stop Loss หรือ DCA ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และสไตล์การลงทุน หากต้องการจำกัดการขาดทุนในระยะสั้น Stop Loss อาจเหมาะสมกว่า แต่หากต้องการลงทุนระยะยาวและลดความเสี่ยงจากการซื้อในช่วงที่ราคาสูง DCA จะเหมาะสมกว่า
Stop Loss คือเครื่องมือที่ใช้ในการจำกัดการขาดทุนจากการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยจะตั้งระดับราคาที่คุณยอมรับการขาดทุนได้ หากราคาตลาดเคลื่อนไหวถึงจุดที่กำหนดไว้ ระบบจะทำการปิดการซื้อขายอัตโนมัติ ส่วน Cut Loss หมายถึงการตัดสินใจหยุดการขาดทุนและขายสินทรัพย์หรือปิดตำแหน่งโดยไม่หวังจะฟื้นตัวจากการขาดทุนในสถานการณ์ที่เห็นว่าการขาดทุนนั้นอาจจะไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นกลับมาในระยะสั้นหรือระยะยาว เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนที่เพิ่มขึ้น เมื่อการขาดทุนไม่สามารถฟื้นตัวได้ในเวลาที่คุณคาดการณ์ หรือตลาดมีสัญญาณที่ชัดเจนว่าความสูญเสียจะมากขึ้น
Stop Loss เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการความเสี่ยงในการเทรดหรือการลงทุนในตลาดการเงิน โดยเฉพาะในการจำกัดการขาดทุนให้ไม่เกินขอบเขตที่กำหนด ซึ่งช่วยให้คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีระเบียบและมีวินัยในการลงทุน แต่การใช้ Stop Loss ก็ต้องพิจารณาถึงระดับการตั้ง Stop Loss ที่เหมาะสมและไม่ตั้งใกล้เกินไป เพราะความผันผวนในตลาดอาจทำให้การตั้ง Stop Loss ถูกกระตุ้นโดยที่ยังไม่ได้มีการฟื้นตัวของตลาดกลับมา อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยงนักลงทุนควรต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง