Share this
Market Cap คืออะไร? สำคัญอย่างไร ทำไมชาวคริปโตฯ ต้องใส่ใจ

ก่อนจะเริ่มเทรด เริ่มลงทุนเชื่อว่าใครหลายคนก็ต้องศึกษาตลาดกันก่อนว่าเป็นอย่างไร และช่องทางในการวิเคราะห์ข้อมูลที่เริ่มต้นได้ง่าย ๆ ก็คือ ‘Market Cap’ วันนี้ก็เลยพามาทำความเข้าใจว่าสิ่งนี้คืออะไรและสำคัญยังไงกับนักลงทุน ถ้าพร้อมแล้วก็มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
Market Cap คืออะไร
‘Market Cap’ หรือ ‘Market Capitalization’ คือ มูลค่าสินทรัพย์ในตลาด ถ้าในตลาดคริปโตฯ ก็หมายถึงมูลค่าเหรียญคริปโตฯ สกุลนั้น ๆ ว่ามีเท่าไหร่ มีจำนวนเยอะแค่ไหน เพราะจะเป็นแนวคิดในการวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ว่ามูลค่าตลาดในเหรียญสกุลนั้น ๆ มีสูงแค่ไหน มีความสำคัญต่อนักลงทุนมากหรือน้อย สามารถนำไปวิเคราะห์ คำนวณ และวางแผนการลงทุนเพิ่มเติมได้ว่า มูลค่าที่ตลาดมองกับเหรียญสกุลนั้น ๆ เป็นอย่างไร เพื่อเอามาใช้ประกอบการลงทุนได้เช่นกัน

วิธีคำนวณ Market Cap
การคำนวณ Market Cap สามารถคำนวณได้ด้วยสูตรดังนี้
MC = CP*CS (Market cap = Current price x Circulating supply)
โดยมูลค่าตลาดของเหรียญสกุลนั้น ๆ จะเท่ากับ ราคาของเหรียญปัจจุบันคูณด้วยจำนวนของเหรียญหมุนเวียนทั้งหมดของสกุลนั้น ๆ จะได้มูลค่ารวมทั้งตลาดของเหรียญ
ประเภทของ Market Cap
ปกติแล้วสามารถแบ่งขนาด Market Cap ของเหรียญคริปโตฯ ได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. Large-cap Cryptocurrency มูลค่าตลาดสูง
มักจะเป็นเหรียญที่มูลค่าทางตลาดขนาดหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งขนาดตลาดที่มีมูลค่าสูงก็มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย มีความน่าเชื่อถือ มีความเสี่ยงต่ำ ยกตัวอย่างเช่น BTC, ETH, BNB ฯลฯ
2. Mid-cap Cryptocurrency มูลค่าตลาดปานกลาง
มูลค่าการตลาดขนาดกลางของเหรียญคริปโตฯ ส่วนใหญ่จะถูกจัดให้มีมูลค่าตั้งแต่หลักพันล้านถึงหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เหรียญที่อยู่ในกลุ่มนี้อาจจะมีศักยภาพในอนาคต เพราะมูลค่ายังไม่มาก ยังมีช่องว่างให้เติบโตได้ แต่หากมองอีกมุมก็จะมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน มีสกุลเหรียญต่าง ๆ อย่าง LINK, TRUMP, S ฯลฯ
3. Small-cap Cryptocurrency มูลค่าตลาดต่ำ
เหรียญที่มูลค่าของตลาดต่ำมีมูลค่าตั้งแต่ พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงมา แน่นอนว่าความเสี่ยงสูงขึ้น มีการเก็งกำไรและความผันผวนสูง ทำให้การเทรดในเหรียญที่มีมูลค่าตลาดต่ำ จำเป็นต้องพิจารณาให้ดีก่อนการลงทุน เหรียญที่ว่ามีตัวอย่างดังนี้ MKR, STX, WLD ฯลฯ
Market Cap มีผลต่อการลงทุนอย่างไร
การวิเคราะห์ Market Cap ก่อนลงทุนมักจะเป็นจุดแรก ๆ ที่นักเทรดจะพิจารณามูลค่าตลาดของเหรียญสกุลนั้น ๆ ก่อนลงทุนเสมอ เพราะถ้ามูลค่าสูงก็สร้างความมั่นใจในการลงทุนได้เป็นอย่างดี สามารถเป็นจุดเริ่มต้นในการวิเคราะห์ หาจุดอ้างอิง และวางกลยุทธ์การเทรดได้ เพราะจะเห็นภาพรวมทั้งตลาดว่ามีอุปสงค์และอุปทานมากน้อยหรือต่างกันแค่ไหน มีจำนวนผู้ที่ต้องการซื้อมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงสภาพคล่องของเหรียญสกุลนั้น ๆ เป็นอย่างไรก็จะช่วยวางแผนการเทรดได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตามการดูขนาด Market Cap เป็นเพียงแค่การดูภาพรวมของเหรียญสกุลนั้น ๆ ว่ามีราคาเท่าไหร่ มีจำนวนการเทรดมากน้อยแค่ไหน เหมือนเป็นพื้นที่แสดงภาพรวมของเหรียญนั้น ๆ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการวิเคราะห์การลงทุนนั่นเอง

วิธีใช้ Market Cap ในการตัดสินใจลงทุน
อย่างทีได้กล่าวไปว่านักเทรดคริปโตฯ มักจะใช้ Market Cap ในการเลือกเหรียญลงทุนแน่นอนว่าเริ่มจากการดูมูลค่าตลาด ดู Volume หรือจำนวนการซื้อขายรวมแล้ว ยังมีอีกค่าที่แสดงผลในหน้านี้ ก็คือ ค่า Fully Diluted Market Cap หรือ (FDV) เป็นมูลค่าตามราคาตลาดที่ถูกปรับลดลง โดยเป็นการคำนวณจาก ราคาของเหรียญปัจจุบันคูณด้วยอุปทานสูงสุดของเหรียญ เช่น BTC มีราคาปัจจุบันที่ $84,000 (14 มี.ค. 68) อุปทานหมุนเวียน (Circulating Supply) อยู่ที่ 19.83M BTC อุปทานสูงสุด (Max.Supply) อยู่ที่ 21M BTC ซึ่งจะมีมูลค่าถึง $1.77T และมูลค่า Market Cap จะอยู่ที่ $1.67T นั่นเอง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Market Cap
-
Market Cap สูงดีหรือไม่?
การที่มูลค่าทางตลาดของเหรียญสูงหรือต่ำ ไม่สามารถบอกได้ว่าเหรียญนั้นดีหรือไม่ เพียงแต่มูลค่านั้นจะแสดงถึงมูลค่าต่ออุปทาน หากอุปทานมีจำนวนมากและราคาสูง ก็หมายถึงตลาดให้มูลค่าเหรียญดังกล่าวเยอะ แสดงว่าเหรียญสกุลนั้น ๆ มีจำนวนผู้สนใจมากนั่นเอง โดยปกติแล้วยิ่งจำนวนเหรียญมากขึ้น ราคาจะลดลงเป็นไปตามกฎอุปสงค์-อุปทานและกลไกทางตลาดอยู่แล้วนั่นเอง
-
Market Cap ใช้เปรียบเทียบหุ้นและคริปโตได้อย่างไร?
การวิเคราะห์ Market Cap เป็นเพียงแค่การดูว่าหุ้นหรือเหรียญดังกล่าวมีขนาดใหญ่แค่ไหน ซึ่งจะส่งผลต่อการซื้อขายหรือสภาพคล่องในการแลกเปลี่ยนหุ้นหรือคริปโตฯ หากมูลค่าสูง จำนวนผู้ที่ถือครองหุ้นหรือเหรียญก็มีมาก ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนได้ง่าย ซื้อง่าย ขายคล่อง มีการหมุนเวียนสูงก็สร้างความน่าสนใจให้กับเหรียญหรือหุ้นนั้น ๆ ได้
-
Market Cap ของ Bitcoin เทียบกับ Ethereum แตกต่างกันอย่างไร?
ด้วยการกำหนดจากระบบอัลกอริธึมเอาไว้นั้น ทำให้ BTC มีจำนวนจำกัด แต่ ETH ไม่มีการจำกัด ทำให้ Market Cap แตกต่างกัน อีกทั้ง BTC ก็เป็นไปตามหลักอุปสงค์-อุปทาน เมื่อจำกัดอุปทาน ก็ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ต่างจาก ETH ที่ไม่จำกัดจำนวน นั่นเอง
-
Market Cap ของเหรียญคริปโตสามารถเปลี่ยนแปลงได้มากแค่ไหน?
สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างเช่นการ Burn Coin ทำให้อุปทานสูงสุดลดลง ทำให้มูลค่าตลาดโดยรวมลดลงได้ นอกจากนั้นยังมีอีกหลากหลายปัจจัยที่สามารถลดขนาด Market Cap ลงได้อีกเช่นกัน
Conclusion
โดยสรุปแล้วการที่นักเทรดจะเริ่มต้นลงทุนด้วยการเช็ก Market Cap เป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผนลงทุนหรือเข้าถือครองเหรียญนั้นก็สามารถทำได้ แต่อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องวิเคราะห์ปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน เพราะมูลค่าตลาดสูงแล้วจะเทรดได้อย่างสบายใจเสมอไป ถึงแม้จะเรียกว่าความเสี่ยงต่ำ แต่ความเสี่ยงก็ถือว่าเป็นความเสี่ยงอยู่ดี นักเทรดก็ต้องพิจารณาการลงทุนให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนอีกเช่นกัน
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง
Share this
- Bitazza Blog (81)
- Crypto Weekly (41)
- DAO (15)
- Beginner (14)
- mission (11)
- ความปลอดภัย (11)
- บล็อกเชน (8)
- Learning Hub (6)
- การค้าขาย (6)
- หัวข้อเด่น (6)
- Tether (USDt) (5)
- ตลาด (5)
- วิจัย (5)
- bitcoin (4)
- Campaigns (3)
- Security (3)
- missions (3)
- เศรษฐศาสตร์ (3)
- Bitazza Insights (2)
- Stablecoin (2)
- Token talk (2)
- Trading (2)
- เกี่ยวกับการสอน (2)
- Crypto รายสัปดาห์ (1)
- Disclosure (1)
- ENJ (1)
- Educational (1)
- Featured (1)
- KYC (1)
- NFTs (1)
- SEC (1)
- TRUMP (1)
- TradingView (1)
- บิทาซซ่าบล็อกส์ (1)