Share this
พัฒนาการเทรดง่ายๆด้วยตัวเอง เพียงแค่บันทึกและวัดผลทุกครั้งที่เทรด

นักเทรดที่ต้องการจะพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้นหรือต้องการจะยกระดับความสามารถของตัวเอง จำเป็นที่จะต้องมีการบันทึกผลการเทรดและนำสถิติที่เกิดขึ้นมาประมวลผลเพื่อปรับปรุงการเทรดของตัวเองเสมอซึ่งสถิติที่เราจะต้องนำมาวิเคราะห์ต่อประกอบไปด้วยข้อมูลดังนี้
ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา
ผลกำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงหรือ Profit And Lose (PnL) คือตัวชี้วัดความสามารถในการเทรดที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม นักเทรดควรที่จะบันทึกผลกำไรขาดทุนตามช่วงเวลาที่ต่างกันเช่น รายสัปดาห์ รายเดือนและรายปี รวมถึงต้องหาค่าเแลี่ยผลตอบแทนในระยะยาวด้วยเพื่อที่จะวัดว่าเรามีความสามารถในการเทรดที่เสถียรหรือมีความต่อเนื่องแค่ไหน เพราะถ้าหากทำกำไรได้ระดับสูงแต่เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ยังไม่ถือว่ามีความสามารถในการรักษาระยะการทำกำไรในระยะยาว
ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นเทียบกับภาพรวมตลาด
อีกหนึ่งตัวชี้วัดที่บ่งบอกว่าเราจะมีความสามารถในการเทรดเหนือกว่าผู้อื่นจะต้องนำผลตอบแทนที่เกิดขึ้นมาเทียบกับผลตอบแทนในภาพรวมของตลาดคริปโต ถ้าหากสามารภเอาชนะผลตอบแทนของตลาดได้ในระยะเวลาหนึ่งจะถือว่าเรามีค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าเทรดเดอร์คนอื่น ทั่วไปแล้วมักจะนำผลตอบแทนของ Bitcoin มาใช้เป็นตัวเปรียบเทียบ (Benckmark)
อัตราการเทรดชนะเทียบกับจำนวนครั้งที่ขาดทุน
นอกจากสร้างผลตอบแทนให้ได้ระดับสูงสุดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการที่จะเทรดให้มีอัตราการทำกำไรที่สูงกว่าผลขาดทุน (Win Rate) เพราะจะเป็นการพิสูจน์ความแม่นยำในการคัดเลือกเหรียญที่จะเข้าซื้อรวมถึงการใช้กราฟเทคนิคในการตัดสินใจซื้อขาย ตัวอย่างเช่น ซื้อขายจำนวน 10 ครั้ง เกิดผลกำไร 8 ครั้ง ขาดทุน 2 ครั้ง จึงเท่ากับอัตราการเทรดชนะเทียบกับขาดทุนอยู่ที่ 80% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูง โดย Win Rate ที่ดีควรจะอยู่ระดับที่สูงกว่า 50% ขึ้นไป
จำนวนครั้งที่ซื้อขายและระยะเวลาในการถือ
จำนวนครั้งที่ซื้อขายจะเป็นตัวบอกพฤติกรรมในการเทรดของเราว่าเป็นสายที่เทรดระยะสั้นหรือเน้นหวังผลระยะยาว ถ้าหากมีการส่งคำสั่งซื้อขายบ่อยจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่สูงขึ้นจึงจำเป็นต้องมีวินัยในการเทรดที่สูง ขณะที่หากส่งคำสั่งซื้อขายน้อยจะเป็นพฤติกรรมการเทรดที่หวังผลตอบแทนสูง เช่นเดียวกับระยะเวลาในการถือเหรียญในพอร์ตก็จะเป็นตัวชี้วัดถึงสไตล์การเทรดของแต่ละคนว่าเป็นแนว Daytrade หรือ Swing Trade ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางการเทรดที่ต่างกัน
การวิเคราะห์ผลการเทรดจึงเหมือนเป็นการตรวจการบ้านให้กับตัวเองเสมอเพื่อที่จะทบทวนข้อผิดพลาดของตัวเองและเสริมจุดแข็งของตัวเองขึ้นมา หากต้องการพัฒนาตัวเองจะต้องจดบันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรดทุกครั้ง
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Share this
- พฤศจิกายน 2025 (7)
- ตุลาคม 2025 (20)
- กันยายน 2025 (18)
- สิงหาคม 2025 (22)
- กรกฎาคม 2025 (37)
- มิถุนายน 2025 (33)
- พฤษภาคม 2025 (27)
- เมษายน 2025 (41)
- มีนาคม 2025 (22)
- กุมภาพันธ์ 2025 (33)
- มกราคม 2025 (9)
- ธันวาคม 2024 (10)
- พฤศจิกายน 2024 (8)
- ตุลาคม 2024 (9)
- กันยายน 2024 (9)
- สิงหาคม 2024 (15)
- กรกฎาคม 2024 (2)
- มิถุนายน 2024 (46)
Subscribe by email

ไต้หวันจ่อพิจารณาจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ

EVM คืออะไร? เจาะลึก Ethereum Virtual Machine สำหรับสายคริปโต

Crypto Wallet คืออะไร? กระเป๋าคริปโตมีกี่แบบ ใช้งานยังไงให้ปลอดภัย

Ondo Token คืออะไร? เหรียญ ONDO ดีไหม อัปเดตแนวโน้มล่าสุด 2025-2026

ญี่ปุ่นหนุนออก Stablecoin เงินเยนดิจิทัลผ่าน 3 ธนาคารยักษ์ใหญ่

ภารกิจคู่สุดปัง! เช็คอินรายวัน & เทรดเหรียญรายเดือน รับสูงสุด 72 Freedom Shards (FDS)*

อินโดนีเซียจ่อออก Stablecoin แห่งชาติ ใช้พันธบัตรรัฐบาลหนุน

รัฐบาลจีนชะลอบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ออก Stablecoin

FOMO คืออะไร? ความหมาย สาเหตุ และผลกระทบต่อการลงทุนคริปโต

