Bitazza Thailand Blog

เหรียญมีมและ AI สร้างผลตอบแทนสูงสุดในปี 2567

070125_Newsletter 7-13 Jan_TH

 

สัปดาห์ที่ 7-13 มกราคม 2568

The Block เปิดเผยว่า ดัชนีเหรียญมีมและเหรียญกลุ่ม AI สามารถสร้างผลตอบแทนสูงสุดในปี 2567 เช่นเดียวกับกลุ่มบล็อกเชนเลเยอร์ 1 (Blockchain Layer 1) ที่สร้างผลตอบแทนสูง มีเพียง 2 กลุ่มที่สร้างผลตอบแทนติดลบในปีที่ผ่านมา คือ กลุ่มบล็อกเชนเลเยอร์ 2 และ GameFi 

มูลค่าตลาดรวมของเหรียญมีมลดลงกว่า 30% ในเดือนธันวาคม 2567 จากมูลค่าตลาดรวมสูงสุด 1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ลงมาต่ำสุดที่ 9.267 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในวันที่ 23 ธันวาคม 2567

Grayscale เพิ่มรายชื่อเหรียญในกลุ่ม AI, DeFi และ Solana ecosystem บนรายชื่อเหรียญที่น่าจับตามองในไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่มองว่าเหรียญในกลุ่ม Smart Contract อย่าง Ethereum (ETH), Solana (SOL), Avalanche (AVAX) และ Sui (SUI) มีอัตราการเติบโตสูง 

อัตรา Hashrate ของ Bitcoin (BTC) แตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่กว่า 1,000 EH/s เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 คิดเป็นการขยายตัวเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา โดย Hashrate ที่สูงบ่งบอกถึงจำนวนนักขุดที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ความปลอดภัยของเครือข่ายดีขึ้น

ข้อมูลจาก Farside Investors ระบุว่า ปริมาณเงินไหลเข้าสุทธิในกองทุน Spot Ethereum ETF ทะลุ 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม 2567 ข้อมูลจาก CoinShares ระบุว่าในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2567 มีเงินไหลเข้าสุทธิติดต่อกัน 8 สัปดาห์ รวมทั้งรายงานของ Bybit บอกว่า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 Ethereum มีประสิทธิภาพดีกว่า BTC ทั้งในตลาดสปอตและอนุพันธ์

MicroStrategy  เตรียมระดมทุนอีก 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐผ่าน perpetual preferred stock เพื่อที่จะเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มเติม คาดว่าการเสนอขายจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2568 ส่วนครั้งล่าสุดเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่ม 2,138 BTC มูลค่ารวม 209 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่ราคาเฉลี่ย 97,837 ดอลลาร์สหรัฐ

มูลค่าตลาดของ Tether (USDT) ลดลงกว่า 1.2% จาก 1.388 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ราว 1.37 แสนล้านดอลลาร์ หลังกฎระเบียบ MiCA  ของสหภาพยุโรปมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2567 โดยกำหนดให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) รายใหญ่ต้องเก็บสินทรัพย์สำรองในธนาคารขั้นต่ำ 60% อย่างไรก็ตาม Tether ได้ชี้แจงว่า ได้รับผลกระทบวงจำกัดเท่านั้น

 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

technical-th-01@1-Jan-08-2025-07-34-09-7799-AM

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) เคลื่อนไหว Sideway ช่วงวันหยุดยาวก่อนมีแรงซื้อเข้ามาหลังปีใหม่ 2568 ดันราคาทดสอบแนวต้านที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านได้แนวโน้มจะกลับตัวเป็นขาขึ้น ทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 108,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากไม่ผ่านอาจลงมาทดสอบแนวรับที่ 90,500 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ดัชนี RSI ที่ทำจุดสูงสุดใหม่อาจเป็นโมเมนตัมให้กลับมาขาขึ้นได้

  • แนวรับ: 3,100,000 บาท / 90,500 USD
  • แนวต้าน: 3,700,000 บาท / 108,000 USD

 

technical-th-02@1-Jan-08-2025-07-34-09-9957-AM

 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) กลับมาเติบโตอย่างโดดเด่น มีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 4,100 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านไปได้จะขึ้นทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 4,900 ดอลลาร์สหรัฐ หาจังหวะเข้าซื้อที่แนวรับ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากรับไม่อยู่อาจลงมาทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 3,300 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 112,000 บาท / 3,300 USD
  • แนวต้าน: 140,000 บาท / 4,100 USD

 

technical-th-03@1-Jan-08-2025-07-34-09-7748-AM

 

Stellar (XLM)

Stellar (XLM) ทำผลตอบแทน 36.33% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้น หลังแนวโน้มเป็นขาลงแบบ Sideway มาระยะหนึ่ง ใช้แนวรับที่ 0.3215 ดอลลาร์สหรัฐเป็นจุดตัดขาดทุน เป้าหมายทดสอบแนวต้านเดิมที่ระดับ 0.6080 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 11 บาท / 0.3215 USD
  • แนวต้าน: 21 บาท / 0.6080 USD
technical-th-04@1-Jan-08-2025-07-34-09-9585-AM

 

SushiSwap (SUSHI)

SushiSwap (SUSHI) ทำผลตอบแทน 33.86% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ตั้งแนวรับที่จุดต่ำสุดเดิมที่ 1.317 ดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายแรกอยู่ที่แนวต้าน 2.312 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านได้จะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม

  • แนวรับ: 44 บาท / 1.317 USD
  • แนวต้าน: 80 บาท / 2.312 USD

 

จับกระแสการลงทุน 

Bitcoin (BTC) มีแรงขายผ่าน ETF มาตลอดช่วงปลายปี 2567 ทำให้ราคาลงแบบ Sideway อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เริ่มมีแรงซื้อกลับมาผ่าน ETF อีกครั้ง ขณะที่ Ethereum (ETH) รวมถึงเหรียญทางเลือก (Altcoin) เริ่มสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า

คาดว่า Altcoin จะกลับมาสร้างผลตอบแทนดีกว่าตลาดได้อีกครั้งหลังดัชนี Bitcoin Dominance ปรับตัวลงต่อเนื่องและดัชนี Total3 เริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยกลุ่มที่โดดเด่นคือ DeFi รวมถึงกลุ่มบล็อกเชนเลเยอร์ 1 (Blockchain Layer 1)

สัปดาห์นี้มีการเปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ครั้งที่ผ่านมา จับตาความเห็นของกรรมการแต่ละคนต่อมุมมองทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อการประชุมครั้งถัดไป และวันศุกร์ที่ 10 มกราคมนี้ จะมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) คาดว่าอยู่ที่ 150,000 ตำแหน่ง ลดลงจากเดือนก่อนหน้า และอัตราการว่างงาน อยู่ที่ 4.2% เท่ากับเดือนก่อนหน้า

หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้จะส่งผลบวกต่อคริปโทเคอร์เรนซีเพราะจะทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงินยังต้องลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง แต่หากออกมาดีอาจกดดันตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในเชิงลบ

กลยุทธ์การลงทุน เน้นเข้าสะสม Ethereum (ETH) จากเม็ดเงินไหลเข้าใน ETF อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเหรียญในกลุ่มบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ที่พื้นฐานแข็งแรงอย่าง Solana (SOL) และ Binance Coin (BNB) ที่อาจสร้างจุดสูงสุดใหม่ตาม Sui (SUI) ที่ทำได้ไปก่อนแล้ว

ขณะที่ Altcoin ยังต้องเน้นเลือกเฉพาะกลุ่มที่แข็งกว่าตลาดจากการที่เม็ดเงินยังกลับเข้ามาใน Altcoin ไม่เต็มที่ เน้นเหรียญในกลุ่ม AI และ DeFi เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม Liquid Staking ที่จะได้ผลบวกจากราคา Ethereum (ETH) ที่ปรับตัวขึ้น

 

แหล่งอ้างอิง

 

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน