Bitazza Thailand Blog

นักลงทุนสถาบันเข้าลงทุนใน ETF ของ Bitcoin และ Ethereum อย่างต่อเนื่อง

191124_Newsletter-19-25-Nov_CH-Cover-TH-1200x908

 

สัปดาห์ที่ 19-25 พฤศจิกายน 2567

Goldman Sachs นักลงทุนสถาบันระดับโลกมีรายการถือครอง Bitcoin (BTC) ผ่าน Spot Bitcoin ETF จำนวน 8 กองทุน มูลค่ารวม 718 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลงทุน 22 ล้านดอลลาร์ในกองทุน Spot Ethereum ETF รวมถึงลงทุน 22.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน Grayscale Ethereum Mini Trust ETF และลงทุน 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐใน Fidelity Ethereum Fund

Coinbase เปิดตัวดัชนี Coinbase 50 (COIN50) อ้างอิงกับราคาเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี 50 เหรียญ โดยให้น้ำหนัก 91% ไปที่ 6 เหรียญขนาดใหญ่อย่าง Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Solana (SOL), Dogecoin (DOGE), Ripple (XRP) และ Cardano (ADA) นักลงทุนสถาบันสามารถซื้อขายสัญญาล่วงหน้าของดัชนีดังกล่าวได้บนแพลตฟอร์ม Coinbase International Exchange

MV Global รายงานผลสำรวจนักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่จำนวน 77 ราย ในภาพรวมมองว่า ตลาดจะถึงจุดสูงสุดในครึ่งหลังของปี 2568 และ Bitcoin จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ราคา 100,000 ถึง 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ และนักลงทุน 30% มีมุมมองเชิงบวกต่อ Solana (SOL) โดยคาดว่าราคาจะขึ้นไปถึงระดับ 600 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Ethereum (ETH) นักลงทุน 1 ใน 3 มองว่าจะพุ่งแตะ 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ

Mike Novogratz ผู้ก่อตั้งบริษัท Galaxy Digital บริษัทวิจัยและลงทุนด้านคริปโทเคอร์เรนซีเชื่อว่า มีโอกาสน้อยมากที่สหรัฐอเมริกาจะก่อตั้ง Bitcoin Strategic Reserve ได้ในสมัยการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ Donald Trump เนื่องจากแรงต้านจากหลายฝ่าย อย่างไรก็ตาม เขามองว่าราคา Bitcoin จะแตะระดับ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากจัดตั้งได้สำเร็จ

Spot Ethereum ETF ทำสถิติเงินไหลเข้าสูงสุดนับตั้งแต่เปิดให้ซื้อขายที่เกือบ 295 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังได้รับแรงหนุนจากชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของ Donald Trump โดยสร้างสถิติเหนือการซื้อขายในวันแรกที่อยู่ที่ 106.6 ล้านดอลลาร์ โดยกองทุน Fidelity Ethereum Fund มียอดซื้อเข้ามาสูงสุด

Matthew Sigel หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck คาดว่า มีโอกาสสูงมากที่ Spot Solana ETF จะได้รับการอนุมัติก่อนสิ้นปี 2568 จากปัจจัยที่ Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกามีนโยบายส่งเสริมคริปโทเคอร์เรนซี

 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

technical-th-01@1-Nov-19-2024-12-43-35-6076-PM

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) ย่อตัวลงและเคลื่อนไหว Sideway มองมีโอกาสที่จะย่อตัวลงต่อจากการที่ RSI เริ่มไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ประเมิน Downside ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 82,000 ดอลลาร์สหรัฐ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ แต่หากปรับตัวขึ้นไม่ผ่าน 93,000 ดอลลาร์สหรัฐ อาจปรับตัวลงต่อ มีเป้าหมายระยะสั้นอยู่ที่ 96,000 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 2,700,000 บาท / 82,000 USD
  • แนวต้าน: 3,500,000 บาท / 96,000 USD

 

technical-th-02@1-Nov-19-2024-12-43-35-6701-PM

 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) พักตัวหลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงแต่การย่อตัวลงมาเป็นจังหวะในการเข้าซื้อ แนวรับแรกอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือจะแบ่งไม้ซื้ออีกรอบที่ระดับ 2,800 ดอลลาร์สหรัฐก็ได้เช่นกัน หากสามารถยืนได้จะมีเป้าหมายที่แนวต้านเดิมที่ 3,500 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 96,000 บาท / 2,800 USD
  • แนวต้าน: 120,000 บาท / 3,500 USD



technical-th-03@1-Nov-19-2024-12-43-35-5886-PM

 

Bonk (BONK)

Bonk (BONK) ทำผลตอบแทน 101.10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสามารถผ่านจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 0.000048 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นมาได้ ราคาดังกล่าวจะกลายเป็นแนวรับในระยะสั้นที่สามารถเข้าซื้อได้ โดยมีเป้าหมายแนวต้านที่ 0.000060 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 0.0016 บาท / 0.000048 USD
  • แนวต้าน: 0.0022 บาท / 0.000060 USD

 

technical-th-04@1-Nov-19-2024-12-43-35-5532-PM

 

Ripple (XRP)

Ripple (XRP) ทำผลตอบแทน 84.88% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มกลับตัวเป็นขาขึ้นในภาพรวม แต่ราคาพุ่งค่อนข้างแรงทำให้อาจมีแรงเทขายออกมา รอซื้อที่แนวรับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หากรับอยู่ สามารถหาจังหวะขายทำกำไรระยะสั้นได้ที่แนวต้าน 1.30 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 30 บาท / 1 USD
  • แนวต้าน: 46 บาท / 1.30 USD

 

จับกระแสการลงทุน

ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาประจำเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.6% เท่ากับเดือนก่อนหน้า ขณะที่การแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) มีมุมมองว่าไม่มีความจำเป็นต้องรีบเร่งในการลดดอกเบี้ยทำให้ราคา Bitcoin (BTC) ปรับฐานลงและ FED Fund Future ในตลาด CME ระบุว่า แนวโน้มที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) จะลดดอกเบี้ยลงในการประชุมครั้งหน้าลดลงจาก 90% เหลือ 60% 

สัปดาห์นี้ไม่มีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจแต่นักลงทุนกำลังจับจ้องไปที่การประกาศงบการเงินของบริษัทผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Nvidia ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดแนวโน้มของหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ รวมถึงดัชนี Nasdaq ที่จะส่งผลต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีด้วย

ดัชนี Bitcoin Dominance พุ่งแตะระดับ 61% จากสถิติในอดีตพบว่า หากดัชนีขึ้นมาแตะระดับดังกล่าวมักจะทำให้เกิด Altcoin Season ขึ้น ประกอบกับดัชนี Total3 กำลังจะผ่านจุดสูงสุดเดิมตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2565 เป็นสัญญาณว่าเหรียญทางเลือก (Altcoin) ใกล้จะกลับตัวเป็นขาขึ้น

เหรียญมีมยังคงเป็นตัวนำตลาด ตามด้วยเหรียญที่มีประเด็นข้อพิพาทกับ ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกาอย่าง Ripple (XRP) นอกจากนี้ เหรียญที่คาดว่าจะได้รับอนุมัติจัดตั้ง Spot ETF อย่าง Solana (SOL) มีการเก็งกำไรเข้ามารับข่าวที่ประธาน ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกาอาจตัดสินใจลาออก 

ภาพรวมตลาดยังอยู่ในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม ยังต้องเน้นเก็งกำไรอย่างระมัดระวังเพราะ Bitcoin อาจจะปรับฐานเมื่อไรก็ได้ แต่มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อย่อตัว

แหล่งอ้างอิง

 

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน