ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงการจัดการยื่นภาษี ภาษีคริปโต คือ อีกหนึ่งภาระภาษีที่หลายคนจำเป็นต้องยื่นเสียภาษีเช่นกัน บทความนี้เลยจะพามาทำความเข้าใจและเจาะลึกกันว่า ภาษีคริปโต คืออะไร ใครบ้างที่ต้องเสีย มีประเภทภาษีไหนอีกบ้างที่เกี่ยวเนื่องกัน ต้องยื่นอย่างไร แล้วมีวิธีหรือกลยุทธ์ไหนที่ช่วยลดภาระภาษีคริปโตได้บ้าง
โดยทั่วไปแล้ว ภาษีคริปโต คือ ภาษีที่จัดเก็บรายได้หรือกำไรที่มาจากการทำธุรกรรมหรือลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซี ครอบคลุมทั้งการแลกเปลี่ยนซื้อขายสกุลเงินคริปโตต่าง ๆ การทำ Minting (ขุดเหรียญ) การได้รับรีวอร์ดจาก Airdrop หรือการทำ Staking
ทั้งนี้ หากอ้างอิงการจัดประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอ้างอิงตามคู่มือสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับผู้ลงทุน เผยแพร่โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้นจะรวมไปถึงคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล
การกำหนดว่าใครคือผู้ต้องเสียภาษีคริปโตบ้างแล้วนั้น จะพิจารณาว่าบุคคลนั้นได้เงินได้จากการทำอะไรได้บ้าง โดยแยกตามลักษณะหน้าที่และบทบาทของบุคคลในมุมของแวดวงการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนี้
โดยทั่วไปแล้ว ภาษีอื่นที่เกี่ยวเรื่องกับคริปโตเคอร์เรนซียังมีอีกหลายประเภท ได้แก่
หากอ้างอิงตามหลักของกรมสรรพากรแล้วนั้น การคำนวณว่าได้กำไรหรือขาดทุนจากการลงุทนคริปโตจะอิงจากการคำนวณต้นทุนของคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 วิธี ได้แก่ คำนวณตามต้นทุนถัวเฉลี่ย (Moving Average cost) และ คำนวณวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO)
คำนวณตามต้นทุนถัวเฉลี่ย (Moving Average cost) คือ คำนวณต้นทุนเฉลี่ยของเหรียญทั้งหมดที่ถืออยู่
คำนวณวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) ขายเหรียญที่ซื้อมาก่อนเป็นลำดับแรก
ยกตัวอย่าง
นาย A ตัดสินใจลงทุนซื้อคริปโตเหรียญในราคา 10,000 บาท ต่อมาได้ซื้ออีกเหรียญเพิ่มในราคา 4,000 บาท หากนาย A ตัดสินใจขายเหรียญใดเหรียญหนึ่งภายหลัง การคำนวณต้นทุนถัวเฉลี่ยจะใช้หลักคิด
([10,000 + 4,000]/2 = 7,000)
แต่ถ้านาย A ใช้วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) คำนวณต้นทุนภาษีคริปโต จะยึดเอาว่าเหรียญที่นาย A ตัดสินใจขายไปก่อนนั้นคือเหรียญแรกที่ซื้อมาก่อน ซึ่งมีราคา 10,000 บาท นั่นเอง
ทั้งนี้ หากตัดสินใจเลือกคำนวณต้นทุนด้วยวิธีใดแล้ว ก็ต้องยึดวิธีนั้นสำหรับคำนวณต้นทุนตลอดปีภาษี
วิธียื่นภาษีคริปโตในไทยนั้น มีขั้นตอน ดังนี้
หากต้องการยื่นภาษีคริปโตแบบออนไลน์นั้น สามารถทำได้ โดยยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากรผ่านการกรอกข้อมูลเกี่ยวกับรายได้จากการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีลงในแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90/91 พร้อมแนบหลักฐานประกอบ ดังนี้
จริง ๆ แล้ว วิธีลดภาระภาษีคริปโตอย่างถูกกฎหมายนั้น โดยเฉพาะภายในประเทศไทย สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
ใช่ หากมีรายได้หรือกำไรจากคริปโต ต้องยื่นภาษีตามที่กำหนด โดยสามารถอิงลักษณะผู้ที่ต้องเสียภาษีคริปโตตามที่กล่าวไปข้างต้น
ใช่ รายได้จากการ Stake ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ต้องรวมคำนวณภาษี เพราะการทำ Staking ถือเป็นการได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครอง เหมือนกับการทำ Yield Farming หรือ Airdrop
หากโอนคริปโตให้เพื่อนโดยไม่มีค่าตอบแทน ลักษณะนี้ไม่ถือเป็นรายได้ แต่ผู้รับอาจต้องพิจารณาภาระภาษีที่เกี่ยวข้อง
ภาษีคริปโตว่าด้วยการเสียภาษีที่ได้จากการได้รายได้หรือผลตอบแทนจากการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งครอบคลุมทั้งคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ผู้ที่ต้องเสียภาษีดังกล่าวก็มีทั้งนักลงทุนทั่วไป นักเทรด นักขุดเหรียญ หรือแม้แต่คนที่ได้รับรีวอร์ดด้วยวิธีการต่าง ๆ แม้ว่าจะมีวิธีช่วยลดภาระภาษีคริปโตอยู่ แต่ก็ควรศึกษาและติดตามข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรเสมอ เพราะกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับภาษีคริปโตนั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง