Share this
ภาษีคริปโต คืออะไร เข้าใจวิธีคำนวณภาษี + ลดภาระภาษี

ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงการจัดการยื่นภาษี ภาษีคริปโต คือ อีกหนึ่งภาระภาษีที่หลายคนจำเป็นต้องยื่นเสียภาษีเช่นกัน บทความนี้เลยจะพามาทำความเข้าใจและเจาะลึกกันว่า ภาษีคริปโต คืออะไร ใครบ้างที่ต้องเสีย มีประเภทภาษีไหนอีกบ้างที่เกี่ยวเนื่องกัน ต้องยื่นอย่างไร แล้วมีวิธีหรือกลยุทธ์ไหนที่ช่วยลดภาระภาษีคริปโตได้บ้าง
ภาษีคริปโตคืออะไร?
โดยทั่วไปแล้ว ภาษีคริปโต คือ ภาษีที่จัดเก็บรายได้หรือกำไรที่มาจากการทำธุรกรรมหรือลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซี ครอบคลุมทั้งการแลกเปลี่ยนซื้อขายสกุลเงินคริปโตต่าง ๆ การทำ Minting (ขุดเหรียญ) การได้รับรีวอร์ดจาก Airdrop หรือการทำ Staking
ทั้งนี้ หากอ้างอิงการจัดประเภทสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งอ้างอิงตามคู่มือสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับผู้ลงทุน เผยแพร่โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นั้นจะรวมไปถึงคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล

ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีคริปโต?
การกำหนดว่าใครคือผู้ต้องเสียภาษีคริปโตบ้างแล้วนั้น จะพิจารณาว่าบุคคลนั้นได้เงินได้จากการทำอะไรได้บ้าง โดยแยกตามลักษณะหน้าที่และบทบาทของบุคคลในมุมของแวดวงการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนี้
- นักลงทุนทั่วไป คือ ผู้ที่มีเงินได้จากการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีผ่านแพลตฟอร์ม Exchange ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
- นักเทรดรายวัน คือ ผู้ที่มีเงินได้จากการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีเป็นประจำ โดยมุ่งเน้นซื้อขายเพื่อการเก็งกำไร
- นักขุดเหรียญ คือ ผู้ที่มีเงินได้จากการขุดคริปโตเคอร์เรนซี และนำเหรียญที่ได้นั้นมาขายหรือแลกเปลี่ยน
- คนที่ได้รับรีวอร์ดจาก Airdrop, Staking, Yield Farming คือ ผู้ที่มีเงินได้จากการได้รับคริปโตเคอร์เรนซีแบบแจกฟรี (Airdrop) การทำ Staking หรือทำฟาร์ม
ประเภทของภาษีที่เกี่ยวข้องกับคริปโตในไทย
โดยทั่วไปแล้ว ภาษีอื่นที่เกี่ยวเรื่องกับคริปโตเคอร์เรนซียังมีอีกหลายประเภท ได้แก่
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ รายได้จากการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งถือเป็นเงินได้พึงประเมิน จะรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามอัตราก้าวหน้า 5% - 35%
- ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เดิมทีกรมสรรพากรกำหนดการหักภาษีนี้ 15% แต่ปัจจุบันได้ยกเว้นการหักภาษีดังกล่าวในกรณีที่เกิดการซื้อขายบน Exchange ที่ได้รับรองจากหน่วยงาน ก.ล.ต. เท่านั้น

วิธีคำนวณภาษีจากคริปโต
หากอ้างอิงตามหลักของกรมสรรพากรแล้วนั้น การคำนวณว่าได้กำไรหรือขาดทุนจากการลงุทนคริปโตจะอิงจากการคำนวณต้นทุนของคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 วิธี ได้แก่ คำนวณตามต้นทุนถัวเฉลี่ย (Moving Average cost) และ คำนวณวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO)
คำนวณตามต้นทุนถัวเฉลี่ย (Moving Average cost) คือ คำนวณต้นทุนเฉลี่ยของเหรียญทั้งหมดที่ถืออยู่
คำนวณวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) ขายเหรียญที่ซื้อมาก่อนเป็นลำดับแรก
ยกตัวอย่าง
นาย A ตัดสินใจลงทุนซื้อคริปโตเหรียญในราคา 10,000 บาท ต่อมาได้ซื้ออีกเหรียญเพิ่มในราคา 4,000 บาท หากนาย A ตัดสินใจขายเหรียญใดเหรียญหนึ่งภายหลัง การคำนวณต้นทุนถัวเฉลี่ยจะใช้หลักคิด
([10,000 + 4,000]/2 = 7,000)
แต่ถ้านาย A ใช้วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) คำนวณต้นทุนภาษีคริปโต จะยึดเอาว่าเหรียญที่นาย A ตัดสินใจขายไปก่อนนั้นคือเหรียญแรกที่ซื้อมาก่อน ซึ่งมีราคา 10,000 บาท นั่นเอง
ทั้งนี้ หากตัดสินใจเลือกคำนวณต้นทุนด้วยวิธีใดแล้ว ก็ต้องยึดวิธีนั้นสำหรับคำนวณต้นทุนตลอดปีภาษี
ขั้นตอนการยื่นภาษีคริปโตในไทย
วิธียื่นภาษีคริปโตในไทยนั้น มีขั้นตอน ดังนี้
- รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งบันทึกการซื้อขาย กำไร ขาดทุน และรายได้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
- คำนวณรายได้สุทธิ นำกำไรและขาดทุนมาหักลบกัน หากมีกำไรสุทธิ ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
- ยื่นแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90/91 โดยนำยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
ขั้นตอนการยื่นภาษีคริปโตออนไลน์
หากต้องการยื่นภาษีคริปโตแบบออนไลน์นั้น สามารถทำได้ โดยยื่นภาษีผ่านระบบออนไลน์ของกรมสรรพากรผ่านการกรอกข้อมูลเกี่ยวกับรายได้จากการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีลงในแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90/91 พร้อมแนบหลักฐานประกอบ ดังนี้
- จำนวนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ซื้อหรือขาย
- มูลค่าของสินทรัพยนั้น ณ วันที่ทำธุรกรรม
- อัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิง
- รายละเอียดผู้ซื้อหรือผู้ขายสำหรับการซื้อ/ขายสินทรัพย์ดิจิทัล (ถ้ามี)
- หลักฐานใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จค่าใช้จ่าย
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ถ้ามี)

กลยุทธ์ลดภาษีคริปโตอย่างถูกกฎหมาย
จริง ๆ แล้ว วิธีลดภาระภาษีคริปโตอย่างถูกกฎหมายนั้น โดยเฉพาะภายในประเทศไทย สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
- หักลบกำไรด้วยขาดทุน (Tax Loss Harvesting) คือ การนำผลขาดทุนจากการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ ที่อยู่ในปีภาษีเดียวกันนั้น มาหักลบกำไรได้ เพื่อลดฐานภาษีที่ต้องชำระจริง
- ถือครองระยะยาว (HODL) คือ ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเป็นเวลานานกว่า 1 ปี ซึ่งวิธีนี้อาจช่วยลดภาระภาษีได้ เพราะกำไรที่ได้จากการขายสินทรัพย์ที่ถือครองระยะยาวมักถูกเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าการขายในระยะสั้น ถึงอย่างนั้น วิธีนี้ก็จำเป็นต้องติดตามและศึกษาทำความเข้าใจกฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องในไทยอย่างสม่ำเสมอ
- เลือกวิธีคำนวณต้นทุนที่เหมาะสม ควรพิจารณาวิธีที่สอดคล้องกับรูปแบบการลงทุน เพราะวิธีคำนวณต้นทุนที่เลือกจะส่งผลต่ออัตรากำไรที่คำนวณได้ ตลอดจนภาษีที่ต้องชำระ
- บริจาคคริปโตเพื่อการกุศล วิธีนี้อาจช่วยลดภาระภาษีได้ เพราะอาจได้รับการยกเว้นภาษีหรือนำมาหักลดหย่อนภาษีได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาษีคริปโต
-
ต้องเสียภาษีคริปโตทุกกรณีหรือไม่?
ใช่ หากมีรายได้หรือกำไรจากคริปโต ต้องยื่นภาษีตามที่กำหนด โดยสามารถอิงลักษณะผู้ที่ต้องเสียภาษีคริปโตตามที่กล่าวไปข้างต้น
-
รายได้จากการ Stake คริปโตต้องเสียภาษีหรือไม่?
ใช่ รายได้จากการ Stake ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ต้องรวมคำนวณภาษี เพราะการทำ Staking ถือเป็นการได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครอง เหมือนกับการทำ Yield Farming หรือ Airdrop
-
ถ้าโอนคริปโตให้เพื่อน ถือเป็นรายได้ต้องเสียภาษีหรือเปล่า?
หากโอนคริปโตให้เพื่อนโดยไม่มีค่าตอบแทน ลักษณะนี้ไม่ถือเป็นรายได้ แต่ผู้รับอาจต้องพิจารณาภาระภาษีที่เกี่ยวข้อง
Conclusion
ภาษีคริปโตว่าด้วยการเสียภาษีที่ได้จากการได้รายได้หรือผลตอบแทนจากการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งครอบคลุมทั้งคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล ทั้งนี้ผู้ที่ต้องเสียภาษีดังกล่าวก็มีทั้งนักลงทุนทั่วไป นักเทรด นักขุดเหรียญ หรือแม้แต่คนที่ได้รับรีวอร์ดด้วยวิธีการต่าง ๆ แม้ว่าจะมีวิธีช่วยลดภาระภาษีคริปโตอยู่ แต่ก็ควรศึกษาและติดตามข้อมูลล่าสุดจากกรมสรรพากรเสมอ เพราะกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับภาษีคริปโตนั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง
Share this
- Bitazza Blog (104)
- Crypto Weekly (46)
- DAO (15)
- Beginner (14)
- mission (11)
- ความปลอดภัย (11)
- Tether (USDt) (8)
- บล็อกเชน (8)
- bitcoin (7)
- missions (7)
- Learning Hub (6)
- การค้าขาย (6)
- หัวข้อเด่น (6)
- ตลาด (5)
- วิจัย (5)
- Campaigns (3)
- Security (3)
- เศรษฐศาสตร์ (3)
- Bitazza Insights (2)
- Social Features (2)
- Stablecoin (2)
- Token talk (2)
- Trading (2)
- TradingView (2)
- เกี่ยวกับการสอน (2)
- Crypto รายสัปดาห์ (1)
- Disclosure (1)
- ENJ (1)
- Educational (1)
- Featured (1)
- KYC (1)
- NFTs (1)
- SEC (1)
- TRUMP (1)
- บิทาซซ่าบล็อกส์ (1)
Subscribe by email

AAVE คืออะไร? แพลตฟอร์มกู้ยืมในโลก DeFi ที่นักลงทุนต้องรู้

ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลปลอดภาษีอย่างปลอดภัยบน Bitazza Thailand

ประกาศรายชื่อผู้โชคดีจากแคมเปญ “Rate Us, Earn Rewards!”

จับตา SEC สหรัฐฯ อนุมัติ ETF ของ Altcoin ในเดือนกรกฎาคมนี้

ชวนเพื่อนมาใช้ Bitazza Thailand เปิดวิธีส่งคริปโตถึงกัน ง่าย ไม่ต้องใช้ที่อยู่วอลเล็ต

รวมวิธีหาข้อมูลลงทุนคริปโตด้วยตัวเอง (DYOR) ด้วย Bitazza Thailand บน TradingView

Kaspa Coin คืออะไร? ความโดดเด่นของเหรียญเร็วที่สุดในโลก

Grass Coin คืออะไร? เหรียญใหม่มาแรงที่สายคริปโตห้ามพลาด

Pixels Coin คืออะไร? เหรียญคริปโตจากเกม Pixels น่าลงทุนไหมในปี 2025
