ATH คืออะไร? อธิบาย All Time High ที่นักลงทุนคริปโตควรรู้

ในโลกของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น คริปโตฯ ทองคำ หรือแม้แต่กองทุนรวม นักลงทุนมักจะได้ยินคำว่า ATH คือ หรือ All Time High อยู่เสมอ คำนี้หมายถึง “ราคาสูงสุดตลอดกาล” ที่สินทรัพย์เคยทำได้ตั้งแต่เริ่มต้นมีการซื้อขาย ซึ่ง ATH ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็น “สัญลักษณ์” ที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดและพลังของอุปสงค์ในเวลานั้น

การแตะ ATH คริปโตฯ มักจะมาพร้อมกับความตื่นเต้นและ FOMO (Fear of Missing Out) นักลงทุนจำนวนมากอาจรีบเข้าซื้อเพราะกลัวตกรถ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ใช้ ATH เป็นสัญญาณในการขายทำกำไร ดังนั้นการเข้าใจความหมายของ ATH คืออะไร และผลกระทบที่ตามมา จะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้รอบคอบมากขึ้น

ATH คืออะไร

ATH หรือ All Time High คือ ราคาสูงสุดตลอดกาลที่สินทรัพย์เคยทำได้ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น คริปโตฯ หรือทองคำ การแตะ ATH คริปโตฯ ไม่ใช่แค่ราคาสูงสุด แต่ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน และมักถูกใช้เป็นแนวต้านทางจิตวิทยา บางครั้ง ATH อาจเป็นสัญญาณบวกให้ราคาวิ่งต่อ แต่ก็อาจกลายเป็นจุดขายทำกำไรที่กดดันราคาได้เช่นกัน ดังนั้น All Time High คือมากกว่าตัวเลข แต่เป็นตัวชี้วัดทั้งโอกาสและความเสี่ยงในการลงทุนไปพร้อม ๆ กันนั่นเอง

ทำไม ATH ถึงสำคัญ

การที่ราคาสินทรัพย์สามารถทะลุ ATH ได้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดและภาวะขาขึ้น (Bull Run) ที่ได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนจำนวนมาก ทั้งรายย่อยและสถาบัน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง การทำ ATH ใหม่มักสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนมากขึ้น เพราะสื่อและนักวิเคราะห์จะหยิบประเด็นนี้มานำเสนอ ส่งผลให้เกิดกระแสความสนใจและแรงซื้อใหม่ ๆ เข้ามาในตลาดอยู่เสมอ อีกทั้ง ATH ยังเป็นจุดอ้างอิงสำคัญที่นักลงทุนใช้ในการประเมินทิศทาง ว่าราคาจะมีการพักฐาน ปรับตัวลง หรือมีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่ในอนาคต และในแง่ของจิตวิทยาการลงทุน ATH ก็เปรียบเสมือน “เพดานราคา” ที่ทุกคนเฝ้ามอง เพราะหากราคาสามารถทะลุผ่านไปได้ อาจจุดประกายให้เกิดการวิ่งขึ้นต่อ แต่หากไม่สามารถผ่านได้ ก็มักกลายเป็นสัญญาณของแรงขายทำกำไรที่ตามมา

ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ราคาสินทรัพย์แตะ ATH

การที่สินทรัพย์สามารถแตะ ATH ได้ มักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือสภาวะเศรษฐกิจมหภาค เช่น ภาวะเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยต่ำ หรือวิกฤตเศรษฐกิจที่ผลักดันให้เงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์ทางเลือกที่มีโอกาสเติบโตสูงอย่างคริปโตฯและทองคำ อีกทั้งการยอมรับจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ บริษัทจดทะเบียน หรือกองทุนต่าง ๆ ที่เข้ามาลงทุนก็มีส่วนสำคัญในการหนุนราคาให้พุ่งขึ้น ขณะเดียวกันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหรือโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การเปิดตัว Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ก็ช่วยสร้างความมั่นใจและเพิ่มความน่าสนใจให้กับนักลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้กระแสสังคมและภาวะ FOMO หรือความกลัวพลาดโอกาสก็ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สภาพคล่องสูงขึ้นและราคาสินทรัพย์สามารถไต่ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตลอดกาลได้ในที่สุด

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่แตะ ATH

1. ทองคำ (Gold)

ในช่วงกันยายน 2025 ทองคำได้ปรับตัวขึ้นและทุบ ATH ใหม่ โดยราคาทองคำแตะประมาณ 3,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ซึ่งเป็นจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ หลังจากนั้น ทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลายด้าน เช่น ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ระดับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และแรงซื้อจากนักลงทุนที่มองทองคำเป็นสินทรัพย์ “ปลอดภัย”

2. Bitcoin (BTC)

ในปี 2025 มีสัญญาณว่า Bitcoin กำลังพยายามสร้าง ATH ใหม่ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าราคาอาจเข้าใกล้ช่วง 120,000–145,000 ดอลลาร์ หากแรงซื้อยังอยู่
ขณะเดียวกัน ราคาปัจจุบัน ณ กันยายน 2025 อยู่ในช่วงประมาณ 112,000 ดอลลาร์ ซึ่งยังถือว่าอยู่ในโซนที่สูงมากเมื่อเทียบกับอดีต การที่ Bitcoin ได้รับความสนใจจากสถาบันและถูกมองว่าเป็น “ทองดิจิทัล” (digital gold) ยังเป็นแรงขับให้เกิดโอกาส ATH ได้ในอนาคต

3. Ethereum (ETH)

แม้ว่า ETH จะยังไม่ทุบ ATH สูงสุดเดิม (ซึ่งเคยแตะ ~4,800 ดอลลาร์ในอดีต) แต่ในปี 2025 ETH ยังคงมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ DeFi, NFT และโปรโตคอลใหม่ ๆ ที่ช่วยหนุนให้มีโอกาสขึ้นทำ ATH ใหม่ในอนาคต

4. หุ้น / สินทรัพย์อื่น ๆ

บางหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI / เทคโนโลยีดิจิทัลมีแนวโน้มสร้าง ATH ใหม่ เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจเทคโนโลยีและความสนใจของนักลงทุนที่ย้ายเงินเข้าสู่ภาคดิจิทัล

กลยุทธ์ในการลงทุนเมื่อราคาสินทรัพย์แตะ ATH

1. ขายทำกำไรบางส่วน

เมื่อสินทรัพย์แตะ ATH มักตามมาด้วยแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนที่ซื้อในราคาต่ำกว่า การทยอยขายบางส่วนช่วยให้คุณล็อกผลตอบแทนที่ได้แล้วออกมาก่อน ลดความเสี่ยงหากราคากลับตัวลงอย่างรวดเร็ว กลยุทธ์นี้เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่อยากเสี่ยงถือสินทรัพย์ทั้งหมดในช่วงที่ตลาดมีความร้อนแรงเกินไป และยังสามารถเก็บส่วนหนึ่งไว้ลุ้นโอกาสการเติบโตต่อในอนาคต

2. ถือยาว (HODL)

หากคุณมั่นใจว่าสินทรัพย์ยังมีศักยภาพในระยะยาว เช่น Bitcoin ที่ถูกมองว่าเป็น “ทองคำดิจิทัล” หรือหุ้นเทคโนโลยีที่ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง การเลือก ถือยาว ก็เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผล แต่ต้องยอมรับความผันผวนในระยะสั้น เพราะราคาหลังแตะ ATH มักไม่วิ่งขึ้นอย่างราบรื่นเสมอไป บางครั้งอาจพักฐานก่อนขึ้นต่อ ดังนั้นผู้ที่ HODL ต้องมีวินัยและมองภาพใหญ่ในอนาคตมากกว่าการแกว่งรายวัน

3. ตั้ง Stop Loss และ Take Profit

การกำหนดจุดขายล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น โดย Stop Loss จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณขาดทุนเกินกว่าที่รับได้ ส่วน Take Profit คือการตั้งเป้าหมายในการทำกำไรตามระดับที่พอใจ กลยุทธ์นี้เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่อยากให้การตัดสินใจถูกครอบงำด้วยอารมณ์ เพราะตลาดที่เพิ่งแตะ ATH มักเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความกลัว การมีแผนที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น

4. รอการพักฐาน (Pullback)

สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เข้าลงทุนในช่วงที่ราคาทำ ATH การรีบเข้าซื้อทันทีอาจทำให้เสี่ยงต่อการซื้อที่จุดสูงสุด กลยุทธ์ที่ปลอดภัยกว่าคือการ รอการพักฐาน หรือรอให้ราคาปรับลงมาที่ระดับสมดุล ก่อนค่อยทยอยเข้าซื้อ วิธีนี้ช่วยให้คุณมีโอกาสได้ต้นทุนที่ไม่สูงจนเกินไป และยังลดโอกาสการติดดอยในช่วงที่ตลาดแกว่งตัวแรง

5. ติดตามข่าวสารใกล้ชิด

การทำ ATH มักเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวการเปิดตัว Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลาง หรือข่าวใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทหรือเหรียญนั้น ๆ นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและสัญญาณจากตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อปัจจัยที่หนุนราคาเปลี่ยนไป ตลาดก็อาจปรับตัวอย่างรวดเร็ว การมีข้อมูลที่ทันสถานการณ์จะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ได้ทันท่วงที

ATH กับ ATL ต่างกันอย่างไร

1. ATH (All Time High)

All Time High หรือ ATH คือ “ราคาสูงสุดตลอดกาล” ที่สินทรัพย์หนึ่ง ๆ เคยทำได้ตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น คริปโตฯ หรือทองคำ การแตะ ATH มักสะท้อนให้เห็นถึงช่วงเวลาที่ตลาดกำลังร้อนแรงที่สุด มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน ทำให้ราคาพุ่งทะลุแนวต้านเดิม ๆ ขึ้นไปเรื่อย ๆ การทำ ATH มักถูกมองว่าเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นจุดที่นักลงทุนหลายคนเลือกขายทำกำไร ส่งผลให้ราคาอาจเกิดการย่อตัวได้

2. ATL (All Time Low)

ATL หรือ All Time Low หมายถึง “ราคาต่ำสุดตลอดกาล” ของสินทรัพย์นั้น ๆ แสดงถึงช่วงเวลาที่ตลาดขาดความเชื่อมั่นอย่างหนัก มักเกิดจากปัจจัยลบ เช่น ข่าวร้าย วิกฤตเศรษฐกิจ การล้มเหลวของบริษัท หรือแม้แต่การหลอกลวงในโลกคริปโตฯ ตัวอย่างที่เห็นชัดคือกรณีของเหรียญ LUNA ในปี 2022 ที่ราคาดิ่งลงจากจุดสูงสุดกว่า 100 ดอลลาร์ เหลือเพียงเศษเสี้ยวของเซนต์ในเวลาไม่กี่วัน ATL จึงเป็นภาพสะท้อนของความสิ้นหวังของนักลงทุนที่ยอมขายขาดทุนเพื่อหนีความเสี่ยง

3. ความแตกต่างในเชิงจิตวิทยาตลาด

ความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง ATH และ ATL คือ ATH แสดงถึงความร้อนแรงและความมั่นใจสูงสุดของตลาด นักลงทุนพร้อมจะเสี่ยงและแห่เข้าซื้อเพราะเชื่อว่าสินทรัพย์ยังมีโอกาสไปต่อ ตรงข้ามกับ ATL ที่สะท้อนความสิ้นหวังและความกลัวอย่างรุนแรง นักลงทุนจำนวนมากเลือกขายทิ้งแม้จะขาดทุนหนัก ทำให้ราคาไหลลงจนถึงจุดต่ำสุด การเข้าใจจิตวิทยาทั้งสองฝั่งนี้ช่วยให้นักลงทุนวางกลยุทธ์ได้ดีขึ้น เช่น ควรระมัดระวังมากขึ้นเมื่อราคาทะลุ ATH หรือมองหาโอกาสเข้าซื้อในช่วงที่ราคาเข้าใกล้ ATL หากมั่นใจว่าสินทรัพย์ยังมีคุณค่าพื้นฐาน

New High กับ All Time High ต่างกันอย่างไร

1. New High

New High หมายถึงราคาสูงสุดใหม่ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปี ตัวอย่างเช่น หากหุ้นตัวหนึ่งทำราคาสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 120 บาท แม้ว่าจะยังไม่ใช่ราคาสูงสุดตลอดกาล แต่ก็ถือว่าเป็น “New High” ในกรอบเวลา 3 เดือนนั้น ๆ นักลงทุนมักใช้ New High เป็นตัวบ่งชี้แนวโน้มระยะสั้น ว่าราคากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และอาจดึงดูดนักเก็งกำไรให้เข้ามามากขึ้น อย่างไรก็ตาม New High ไม่ได้หมายความว่าสินทรัพย์มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับการทำ ATH เพราะอาจเป็นเพียงการปรับตัวขึ้นตามรอบเทรนด์ระยะสั้น

2. All Time High (ATH)

All Time High (ATH) หมายถึงราคาสูงที่สุดที่สินทรัพย์เคยทำได้ตลอดประวัติการซื้อขาย ไม่จำกัดกรอบเวลาใด ๆ เช่น Bitcoin ที่เคยทำ ATH ราว 69,000 ดอลลาร์ในปี 2021 หรือทองคำที่ทำ ATH ใหม่กว่า 3,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปี 2025 การแตะ ATH มักมีความหมายเชิงจิตวิทยาที่แรงกว่าการทำ New High เพราะเป็นการ “ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล” นักลงทุนจำนวนมากจะมองว่าเป็นสัญญาณความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่ง และอาจเป็นตัวเร่งให้ราคาเดินหน้าต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ATH ก็มักกลายเป็นแนวต้านสำคัญที่ก่อให้เกิดแรงขายทำกำไรเช่นกัน

ดังนั้น ความแตกต่างสำคัญคือ New High เป็นเพียงราคาสูงสุดใหม่ในกรอบเวลาที่กำหนด ขณะที่ All Time High คือราคาสูงที่สุดตั้งแต่สินทรัพย์เริ่มมีการซื้อขายมา การเข้าใจความแตกต่างนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถแยกวิเคราะห์ได้ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวขึ้นระยะสั้น หรืออยู่ในช่วงที่กำลังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของราคา

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

• ATH คืออะไรในคริปโตฯ?

= ราคาสูงสุดตลอดกาลที่เหรียญคริปโตฯเคยทำได้

• ATH ย่อมาจากอะไร?

= All Time High

• ATH หมายถึงราคาปัจจุบันหรือไม่?

= ไม่ใช่ แต่หมายถึงราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสินทรัพย์

• หลังจากแตะ ATH แล้ว ราคาจะลงเสมอหรือไม่?

= ไม่เสมอไป บางครั้งอาจพักฐานแล้วไปต่อ แต่ส่วนใหญ่จะมีแรงขายทำกำไร

• ATH มีผลกับการตัดสินใจลงทุนอย่างไร?

= นักลงทุนใช้ ATH เป็นแนวต้านและจุดวัดความเสี่ยงของตลาด

• ATH ใช้กับหุ้นได้ไหม?

= ใช้ได้กับทุกสินทรัพย์ ทั้งหุ้น คริปโตฯ ทองคำ และกองทุน

Conclusion

ATH คือ “ราคาสูงสุดตลอดกาล” ของสินทรัพย์ ที่นักลงทุนใช้เป็นจุดอ้างอิงในการวิเคราะห์ตลาด ไม่ว่าจะเป็นการประเมินแนวโน้ม วางกลยุทธ์การลงทุน หรือการควบคุมความเสี่ยง การเข้าใจ ATH ความหมาย และการแยกความแตกต่างกับ ATLหรือ New High ช่วยให้นักลงทุนมองภาพตลาดได้ชัดเจนขึ้น

ดังนั้น เมื่อเจอราคาสินทรัพย์แตะ All Time High คือ จุดที่ควรตัดสินใจอย่างมีสติ ไม่ใช่ตามกระแสอย่างเดียว เพราะ ATH อาจเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน

คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด

อ้างอิง

• thecryptobasic.com
• fxstreet.com
• reuters.com
• cryptoquant.com
• economictimes.com