Bitazza Thailand Blog

10 วิธีช่วยให้คุณรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล

 

ปัจจุบัน ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลได้ ด้วยการอำนวยความสะดวกจากเทคโนโลยีบล็อคเชน อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะสกุลเงินดิจิทัล ก็ต้องการการคุ้มครองดูแลด้านความปลอดภัยไม่ต่างจากสินทรัพย์ปกติ กล่าวคือ หากสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือถูกขโมย การที่คุณจะได้สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นๆ กลับมาจะกลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันที

ลองพิมพ์คำว่า cryptocurrency hack  ลงในกูเกิ้ลดูสิ แล้วคุณจะพบว่ามีคดีโจรกรรมสินทรัพยดิจิทัลจำนวนไม่น้อยในระยะเวลาที่ผ่านมา ในเดือนพฤษภาคม 2018 สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า Binance หนึ่งในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งตั้งอยู่ในประเทศมัลตา สูญเสียบิตคอยน์มากถึง 7,000 คอยน์ ซึ่งมึมูลค่าเทียบเท่ากับเงินจำนวน 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากเหตุการณ์โจรกรรมโดยแฮ๊กเกอร์ระดับมืออาชีพ


ส่วน Bithumb ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเกาหลีใต้ ก็ถูกโจรกรรมสกุลเงินดิจิทัล ส่งผลให้สกุลเงินซึ่งมีมูลค่าหลายสิบล้านตกอยู่ในความเสี่ยง

ล่าสุด สินทรัพย์ดิจิทัลรวมมูลค่าเกือบ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกขโมยจาก Upbit ตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลอีกแห่งของประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2019 ที่ผ่านมา

ยังมีอีกหลายกรณีที่มีความคล้ายคลึงกันกับเหตุการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น โดยสามารถย้อนกลับไปได้ถึงปี 2013 แล้วอย่างนี้ คุณจะสามารถปกป้องดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้อย่างไร

 

วันนี้ เรามีเคล็ดลับดีๆ 10 ข้อ ที่จะช่วยให้คุณสามารถรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้ดียิ่งขึ้น

1. กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์

ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องต้องกันว่ากระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์นับเป็นวิธีการเก็บสกุลเงินดิจิทัลที่สะดวกและปลอดภัยที่สุด โดยคุณสามารถใช้กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ในการจัดเก็บบัญชีสาธารณะ (Public Address) และกุญแจส่วนตัว (Private Keys) ของคุณแบบออฟไลน์ ห่างจากไกลจากเครื่องคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต รวมถึงเหล่าผู้ไม่น่าไว้ใจและมิจฉาชีพ

กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ เป็นอุปกรณ์ภายนอกที่จับต้องได้และมีหน้าตาคล้ายคลึงกับยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ โดยคุณสามารถทำไปเก็บไว้ในที่ที่คุณคิดว่าปลอดภัยและเข้าถึงโดยเฉพาะตัวคุณเองเท่านั้น เมื่อคุณต่อกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์เข้ากับคอมพิวเตอร์ กระบวนการซื้อขายแลกเปลี่ยนทั้งหมดจะเกิดขึ้นภายในกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์เท่านั้น ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ และนี่คือสิ่งที่ทำให้กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์นับเป็นตัวเลือกเพื่อความปลอดภัยที่ดี

คุณสามารถแน่ใจได้เลยว่า กุญแจส่วนตัวของคุณจะไม่รั่วไหลออกจากกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ตลอดระยะเวลาการทำธุรกรรม อย่างไรก็ตาม หากคุณทำกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ของคุณหาย สกุลเงินดิจิทัลของคุณก็จะหายไปเช่นกัน เพราะฉะนั้น เราขอแนะนำให้คุณทำการสำรองข้อมูลจากกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ไว้ในกระเป๋าเงินแบบกระดาษ

Ledger Nano S และ Trezor One นับเป็นกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดในตลาด โดยคุณสามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่:

       

 

2. กระเป๋าเงินแบบกระดาษ

กระเป๋าเงินแบบกระดาษ ก็คือการพิมพ์รายละเอียดบัญชีสาธารณะและกุญแจส่วนตัวของคุณออกมาในรหัสคิวอาร์ ซึ่งคุณสามารถนำไปสแกนใช้ได้เมื่อต้องการทำธุรกรรม การเก็บข้อมูลแบบนี้ นอกจากจะเป็นการเก็บข้อมูลแบบออฟไลน์ร้อยเปอเซ็นต์แล้ว ยังช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นหากกระเป๋าเงินฮาดแวร์ของคุณสูญหายอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้กระเป๋าเงินแบบกระดาษจะช่วยลดความเสี่ยงอันเกิดจากการโจรกรรมและถูกไวรัสโจมตี การดูแลรักษาให้คอมพิวเตอร์ไม่มีไวรัส ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ เพราะคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีไวรัส จะช่วยให้คุณสามารถสร้างกระเป๋าเงินแบบกระดาษได้อย่างปลอดภัย ก่อนจะนำกระเป๋าเงินแบบกระดาษไปเก็บไว้ในสถานที่ที่ได้รับการคุ้มครอง เพื่อป้องกันความเสียหาย การสูญหายหรือการโจรกรรม

 

3. ติดตั้งระบบแอนติไวรัส

หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลละก็ เราขอแนะนำให้คุณลงทุนติดตั้งระบบแอนติไวรัสที่ได้รับการไว้วางใจ ยิ่งอุตสาหกรรมด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่ ความสนใจและความเสี่ยงด้านการโจรกรรมก็สูงมากขึ้นเพียงเท่านั้น

แอนติไวรัสถือเป็นซอฟต์แวร์เพื่อต่อต้านไวรัสที่จำเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง หากคุณคิดว่าการติดตั้งระบบแอนติไวรัสขั้นสูงไม่ใช่เรื่องจำเป็น ลองคิดถึงมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลที่คุณอาจสูญเสียหากไม่ได้ติดตั้งระบบแอนติไวรัสขั้นสูงดูสิ เราเชื่อว่าหลายๆคนคงจะอยากติดตั้งระบบแอนติไวรัสขั้นสูงขึ้นมาเลยทีเดียว

 

4. หลีกเลี่ยงมัลแวร์

ปัจจุบัน เหล่ามิจฉาชีพในวงการสกุลเงินดิจิทัลมีการคิดค้นมัลแวร์ประเภทหนึ่ง ที่สามารถซ่อนตัวอยู่ในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ได้อย่างแนบเนียน เพื่อทำการโอนเงินทุนจากบัญชีของเหยื่อเข้าไปยังกระเป๋าเงินของมิจฉาชีพเหล่านี้ แค่คุณล็อกอินเข้าไปในบัญชีของคุณ มิจฉาชีพเหล่านี้ก็สามารถขโมยสกุลเงินดิจิทัลของคุณได้แล้ว

ในขณะเดียวกันกับที่สกุลเงินดิจิทัลยังอยู่ในช่วงแรกของการพัฒนา มัลแวร์เหล่านี้ก็เช่นกัน และเมื่อสกุลเงินดิจิทัลเริ่มมีการพัฒนา มัลแวร์เหล่านี้ก็จะพัฒนาไปพร้อมๆกัน เพราะฉะนั้น เราขอแนะนำให้ทุกคนติดตั้งซอฟต์แวร์เพื่อป้องกันมัลแวร์โดยเร็วที่สุด

 

5. เลือกใช้ยูบิคีย์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

ยูบิคีย์ (YubiKey) เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การจัดการบัญชี การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล และการทำธุรกรรมมูลค่าสูงเป็นได้ง่ายดายและปลอดภัยมากขึ้น ผ่านการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย ที่เรียกว่า 2FA (2-Factor Authentication) โดยใช้อุปกรณ์ที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ ที่ได้รับการออกแบบมาให้มีการใช้งานเรียบง่ายและปลอดภัย

เพียงต่อยูบิคีย์ของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆ แล้วกดปุ่ม เพียงเท่านี้ กระบวนการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัยก็เสร็จสิ้น ถือเป็นตัวเลือกที่ช่วยลดความยุ่งยากและความเสี่ยงจากการยืนยันตัวตนผ่านข้อความในโทรศัพท์ ซึ่งอาจโดนโจรกรรมโดยเหล่ามิจฉาชีพที่มีความชำนาญ

 

6. เปิดระบบการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอนของกูเกิ้ล

ระบบการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอนของกูเกิ้ลได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในระบบการยืนยันตัวตนที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่ สามารถดาวน์โหลดได้จากเพลย์สโตร์ของคุณ

ระบบจะผลิตรหัสสำหรับการใช้งานครั้งเดียว เพื่อให้คุณล๊อกอินเข้าสู่บัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ การเข้าระบบอาจจะทำให้คุณต้องใช้เวลามากขึ้นสองสามนาทีในการล๊อกอิน แต่ก็คือเป็นสองสามนาทีที่แลกมากับการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บัญชีของคุณ

 

7. ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเสมือนส่วนตัว

เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้แก่บัญชีและสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ ลองใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (Virtual Private Network หรือ VPN) ดูสิ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลผ่านเครือข่ายส่วนตัวเสมือนทำให้คุณมั่นใจได้ว่า ข้อมูลของคุณได้รับปกป้องผ่านการเข้ารหัส ซึ่งถือเป็นการป้องกันข้อมูลไม่ให้รั่วไหลไปอยู่ในมือของเหล่ามิจฉาชีพและแฮ็กเกอร์

กล่าวคือ ระบบการเชื่อมต่อของคุณจะได้รับการปกป้องผ่านการเข้ารหัส และมีการเชื่อมโยงผ่านเซิฟเวอร์ของเครือข่ายส่วนตัวเสมือน ก่อนการเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าคุณจะใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต ระบบการป้องกันข้อมูลผ่านการเข้ารหัสจะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณจากเหล่ามิจฉาชีพ แฮ็กเกอร์ ไวรัสและมัลแวร์

 

8. อย่าลืมโปรแกรมช่วยจัดการรหัสผ่าน

โปรแกรมช่วยจัดการรหัสผ่านอย่างคีย์พาส (KeePass) ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยที่สำคัญ โดยคุณสามารถจัดเก็บรหัสผ่านสำหรับบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล กุญแจส่วนตัว และอื่นๆ ไว้ด้วยกันภายใต้รหัสผ่านหลักเพียงชุดเดียว 

คีย์พาสต้องการรหัสผ่านหลักเพียงหนึ่งชุดเพื่อการเข้าถึงคลังข้อมูลของคุณทั้งหมด นอกจากนี้ ระบบยังมีตัวเลือกในการช่วยคุณสร้างรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

 

9. ความหลากหลายช่วยคุณได้

ปัจจุบัน มีความเสี่ยงซ่อนตัวอยู่ทุกที่ ความสามารถในการป้องกันความเสียหายจึงไม่อาจครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ แต่เราสามารถลดโอกาสความเสี่ยงเหล่านั้นได้ ผ่านการกระจายสินทรัพย์ดิจิทัลไว้ในกระเป๋าเงินหลายๆแห่ง ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ แบบกระดาษ บนเดสก์ทอป หรือบนโทรศัพท์ ทั้งหมดนี้จะช่วยโอกาสความเสี่ยงจากการสูญเสียสินทรัพย์ทั้งหมดจากการโจรกรรมเพียงครั้งเดียวได้

 

10. ตัดสินใจอย่างมีสติ

คิดให้ดีทุกครั้งก่อนที่คลิกเพื่อเข้าเว็บไซต์ ดาวน์โหลดและเปิดอีเมล อย่าลืมว่าอำนาจในการตัดสินใจอยู่ในมือของคุณ เพราะฉะนั้นหากคุณเผลอไปกดเข้าเว็บไซต์แปลกๆ แล้วเจอมัลแวร์แล้วละก็ คงไม่ต้องโทษใครนอกจากตัวเองแล้วล่ะ!

อีกเคล็ดลับที่จะช่วยคุณได้คือ ระมัดระวังไม่แชร์มูลค่าและข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณกับใคร เพราะเราไม่มีทางรู้จุดหมายที่แท้จริงของผู้ฟัง เพราะฉะนั้นการป้องกันไว้ก่อนนับเป็นเรื่องดีเสมอ!

 

Disclaimer: เนื้อหาข้างต้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คำแนะนำเบื้องต้นเพียงเท่านั้น ผู้อ่านควรใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจก่อนเลือกใช้บริการเพื่อความคุ้มครองและความปลอดภัยต่างๆ