เคยมั้ย? ตั้งใจซื้อเหรียญที่ราคานึง แต่พอกดคำสั่ง ระบบกลับจับให้ในอีกราคาที่แพงกว่า หรือแย่กว่านั้นคือขายได้ในราคาต่ำกว่าที่หวังไว้ ถ้าใช่... นั่นคือคุณเจอกับ Slippage แล้วแบบไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเทรดคริปโตฯหรือ Forex ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้กับทุกคน และบางครั้งมันก็ทำให้พอร์ต “พัง” ได้โดยไม่ทันตั้งตัว มาทำความเข้าใจแบบง่ายๆ กันว่า Slippage คืออะไร ทำไมมันถึงเกิดขึ้นได้แม้ในตลาดใหญ่ และวิธีหลีกเลี่ยงแบบไม่ต้องเสี่ยงโดนลากราคาแบบไม่ทันตั้งตัว
Slippage คือความคลาดเคลื่อนของราคาที่ตั้งใจจะซื้อหรือขาย กับราคาจริงที่ระบบจับให้ มักเกิดในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง หรือเมื่อมีคำสั่งซื้อขายจำนวนมากจนราคาขยับก่อนที่ระบบจะจับคำสั่งของคุณทัน
ตัวอย่างเช่น: ตั้งซื้อ BTC ที่ 1,000,000 บาท แต่ระบบจับได้ที่ 1,005,000 บาท ขาดทุนทันที 5,000 บาท ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดกราฟดูเลยด้วยซ้ำ
แม้จะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือกับคำสั่งขนาดใหญ่ Slippage ก็สามารถกลายเป็นต้นเหตุให้ “พอร์ตติดลบ” ได้แบบไม่ทันตั้งตัว
Slippage มักเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น ช่วงที่มีข่าวใหญ่ เหตุการณ์เศรษฐกิจ หรือความเคลื่อนไหวของเหรียญยอดนิยมอย่างรวดเร็ว ราคาจะขยับขึ้นหรือลงในเสี้ยววินาที ทำให้คำสั่งเทรดไม่ทันราคาปัจจุบัน
นอกจากนี้ การขาดสภาพคล่องของเหรียญ (Liquidity ต่ำ) ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ เพราะเมื่อมีคนเทรดน้อยหรือปริมาณคำสั่งไม่เพียงพอ ราคาก็จะถูกลากไปไกลกว่าที่ตั้งใจไว้
อีกปัจจัยหนึ่งคือเรื่องของระบบประมวลผลของ Exchange หรือ DEX ที่อาจเกิดความล่าช้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีคำสั่งจำนวนมากพร้อมกัน ระบบอาจไม่สามารถจับราคาที่แม่นยำได้ทัน และสุดท้ายคือการใช้คำสั่งแบบ Market Order ซึ่งเป็นคำสั่งที่ซื้อ-ขายทันทีโดยไม่กำหนดราคา ทำให้ระบบเลือกจับราคาที่มีอยู่ ณ ขณะนั้นโดยไม่สนว่าราคานั้นดีหรือไม่
การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนและจัดการ Slippage ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เมื่อพูดถึง Slippage หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องแย่เสมอ แต่ในความจริงแล้วการเกิดเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ส่งผลในทางลบเพียงอย่างเดียว เพราะมันมีทั้งแบบที่ “เป็นคุณ” และแบบที่ “เป็นโทษ” กับนักลงทุน ขึ้นอยู่กับว่าระบบจับราคานั้นไปในทิศทางไหน
ลองมาดูกันให้ชัดว่า ประเภทของ Slippage มีอะไรบ้าง และส่งผลต่อการเทรดอย่างไรมาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
Positive Slippage คือได้ราคาดีกว่าที่ตั้งไว้ เช่น ตั้งซื้อที่ 1,000,000 บาท แต่ระบบจับที่ 995,000 บาท ถือเป็นกำไรทันที
Negative Slippage คือได้ราคาแย่กว่าที่ตั้งไว้ เช่น ตั้งขายที่ 1,000,000 บาท แต่ได้แค่ 995,000 บาท ทำให้กำไรหายหรือขาดทุน
แม้จะมีโอกาสได้ Positive Slippage แต่ในตลาดจริง โดยเฉพาะคริปโต นักลงทุนมักเจอกับ Negative Slippage มากกว่า จึงควรรู้เท่าทันและหาวิธีรับมือให้ดีเพื่อให้ลงทุนได้ตามเป้าที่เราวางไว้นั่นเอง
ในตลาด Forex ปรากฏการณ์ Slippage ถือว่าเกิดขึ้นน้อยกว่ามาก เนื่องจากตลาดมีสภาพคล่องสูง โดยเฉพาะในคู่เงินหลัก เช่น EUR/USD หรือ USD/JPY อีกทั้งระบบของโบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่ค่อนข้างเสถียร มีการจับคำสั่งอย่างแม่นยำและรวดเร็ว แม้จะมีข่าวแรงหรือเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ก็ยังสามารถควบคุมความคลาดเคลื่อนของราคาได้ในระดับหนึ่ง Slippage จึงไม่ใช่ปัญหาหลักสำหรับนักเทรด Forex ส่วนใหญ่
ส่วนตลาดคริปโตฯ กลับมีความเสี่ยงด้าน Slippage สูงกว่าชัดเจน เนื่องจากมีความผันผวนแรง สภาพคล่องแปรผันตามแต่ละเหรียญ และมีการเทรดผ่าน DEX (Decentralized Exchange) ที่ใช้ระบบอัตโนมัติอย่าง AMM ซึ่งเปิดโอกาสให้ราคาถูกลากได้ง่ายโดยไม่มีคนกลางควบคุม นอกจากนี้ ระบบของบาง Exchange ยังอาจประมวลผลคำสั่งช้าหรือเกิดปัญหาระหว่างการเทรด ทำให้โอกาสเกิด Slippage เพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าตัว
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกันแล้ว นักเทรดในตลาดคริปโตต้องให้ความสำคัญกับ Slippage มากกว่า ทั้งในแง่การวางแผน การตั้งคำสั่ง และการเลือกใช้แพลตฟอร์มให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเอง
Slippage ไม่ใช่ค่าธรรมเนียม แต่คือผลกระทบจากราคาตลาดที่เปลี่ยนแปลงขณะระบบกำลังจับคำสั่งซื้อหรือขาย ต่างจากค่าธรรมเนียมที่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่หรือคำนวณตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดย Exchange
Slippage tolerance คือค่าความคลาดเคลื่อนของราคาที่ผู้ใช้งานยอมรับได้ก่อนที่ระบบจะยกเลิกคำสั่ง หากราคาขยับเกินกว่าค่านี้ ระบบจะไม่ดำเนินการซื้อขาย เช่น กำหนดไว้ที่ 1% หมายความว่ารับได้หากราคาคลาดเคลื่อนไม่เกิน 1% จากที่ตั้งไว้
แม้จะอยู่ในตลาดขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง แต่ Slippage ก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ หากมีคำสั่งซื้อขายจำนวนมากในเวลาเดียวกัน หรือราคามีการขยับอย่างรวดเร็วในช่วงข่าวแรง ระบบอาจจับคำสั่งไม่ทันราคาที่ตั้งไว้
ขึ้นอยู่กับลักษณะของ Slippage หากเป็น Positive Slippage ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะได้ราคาที่ดีกว่าที่ตั้งไว้ แต่หากเป็น Negative Slippage ซึ่งเกิดบ่อยในตลาดคริปโต จะถือว่าเป็นความเสี่ยงที่ควรจัดการให้ดี เพื่อป้องกันการขาดทุนโดยไม่รู้ตัว
Slippage คือสิ่งที่นักลงทุนทุกคนต้องรู้และรับมือให้ได้ มันอาจเป็นเพื่อนที่ดีเมื่อเป็น Positive แต่ถ้าเป็น Negative และเราไม่รู้ทัน ก็อาจกลายเป็นจุดจบของพอร์ตได้เช่นกัน แน่นอนว่าการตั้ง Slippage tolerance ให้พอดี เลือกเหรียญดี สภาพคล่องสูง อย่างน้อยก็สามารถควบคุมเกมเทรด ดูแลพอร์ตลงทุนได้อย่างมั่นใจนั่นเอง
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง