Share this
รู้จัก RR: วิธีเช็คความเสี่ยงและกำไรก่อนลงทุน
เมื่อโลกของการลงทุนในหุ้นและคริปไม่ใช่เรื่องง่าย นักลงทุนหลายคนต่างก็เผชิญความเสี่ยงในการเทรดและมักจะถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่า “ดีลนี้คุ้มเสี่ยงไหม?” เพราะการรู้แค่แนวโน้มตลาดหรือข่าวสารอาจไม่พอ RR คือหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ลงทุนได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น แล้ว RR ย่อมากจากอะไร? มีความหมายอย่างไรในการลงทุน? บทความนี้จะพาไปเรียนรู้ทั้งวิธีคำนวณ ประเภทของความเสี่ยงและผลตอบแทน รวมถึงการนำไปใช้จริงเพื่อสามารถเลือกดีลที่คุ้มค่าและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
RR คืออะไร
RR (Risk Reward Ratio) หรือ อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน คือเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถประเมินว่าในการเทรดแต่ละครั้ง มีโอกาสทำกำไรได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่จะขาดทุน หรืออธิบายง่าย ๆ RR คือตัวชี้วัดว่าในการลงทุนหนึ่งครั้ง นักลงทุนควรจะยอมเสี่ยงเท่าไหร่ (Risk) เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า (Reward)
RR จึงได้รับความนิยมในวงการการเงินและธุรกิจ เพราะช่วยให้นักลงทุน
- ตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล
- กำหนดจุด Stop Loss ได้อย่างเป็นระบบ
- ประเมินความเสี่ยงได้แม่นยำขึ้น
- ส่งเสริมการสร้างกำไรในระยะยาว
วิธีคำนวณ RR
สูตรคำนวณ RR:
อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (RR) = (ราคาเข้าซื้อ - ราคาที่ตั้ง Stop-Loss) ÷ (ราคาเป้าหมายที่ต้องการขาย - ราคาเข้าซื้อ)
หรือง่าย ๆ ว่า ผลเสียที่อาจเกิดขึ้น (Risk) ÷ ผลตอบแทนที่อาจได้รับ (Reward)
ความสำคัญของการทำความเข้าใจ RR
การทำความเข้าใจ RR เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน เพราะสามารถช่วยประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนแต่ละครั้ง อีกทั้งยังทำให้ได้รู้ว่าการเทรดหนึ่งครึ่งมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนเท่าไหร่เมื่อเทียบกับผลกำไรที่คาดว่าจะได้รับ นอกจากนี้ RR ยังช่วยลบผลกระทบจากจิตวิทยาของนักลงทุน เช่น ความรับรู้ความเสี่ยง อารมณ์ ความกลัว และอคติทางความคิดที่แตกต่างกัน เช่น Loss Aversion หรือการกลัวขาดทุน อาจทำให้บางคนระมัดระวังเกินไปจนพลาดโอกาสในการสร้างผลตอบแทน หรืออาจลองเสี่ยงเกินเพื่อหวังกำไรสูง
ดังนั้น การเข้าใจ RR จะช่วยให้นักลงทุนวางแผนการเทรดที่ตัดสินใจบนเหตุผลมากกว่าอารมณ์ และส่งผลให้การลงทุนมีความมั่นคงพร้อมสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว
ประเภทของความเสี่ยง (Risk) ในการลงทุน
- ความเสี่ยงทางตลาด (Market Risk)
ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดโดยรวม ซึ่งสามารถส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ทั้งหมดในตลาด เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เหตุการณ์ทางการเมือง และความผันผวนของตลาด
- ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง (Liquidity Risk)
ความเสี่ยงที่นักลงทุนไม่สามารถขายสินทรัพย์เพื่อแปลงเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็ว อาจทำให้พลาดโอกาสทำกำไร หรือขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ในราคาต่ำ
- ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk)
ความเสี่ยงที่มูลค่าการลงทุนจะเปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดนั้น ๆ จากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะพันธบัตรและสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ยคงที่
- ความเสี่ยงเฉพาะบริษัท (Specific Risk)
ความเสี่ยงที่เกิดจากความสามารถของบริษัทในการสร้างรายได้ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายและทำกำไร เช่น ต้นทุนการผลิต ค่าแรง และค่าเช่า หากบริษัทมีปัญหาในการทำกำไร ผลตอบแทนของนักลงทุนก็อาจลดลงไปด้วย
ประเภทของผลตอบแทน (Return)
- ผลตอบแทนจากกำไรส่วนต่างราคา (Capital Gain)
กำไรที่เกิดจากการซื้อสินทรัพย์ในราคาถูก และขายแพง เช่น ซื้อ Ethereum ที่ 2,000 USD แล้วขายที่ 3,000 USD เท่ากับได้กำไร 1,000 USD
- ผลตอบแทนจากเงินปันผลหรือดอกเบี้ย (Dividend/Interest)
เงินที่ได้จากกำไรที่บริษัทจ่ายให้ผู้ถือหุ้น โดยมักจะจ่ายอย่างสม่ำเสมอและต่อนื่อง
- ผลตอบแทนรวม (Total Return)
ผลรวมทั้งหมดของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น กำไรส่วนต่าง ดอกเบี้ย เงินปันผล และการจ่ายอื่น ๆ ภายในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพรวมของการเติบโตของสินทรัพย์
ตัวอย่างการนำ RR ไปใช้จริง
ตัวอย่าง:
สมมติว่าสนใจเทรด Bitcoin (BTC) จากราคาปัจจุบันอยู่ที่ ~83,113 USD โดยตั้ง Stop-Loss อยู่ที่ 80,000 และ ตั้งเป้าขาย (Take-Profit) ที่ 90,000 USD
เริ่มจากหาค่า Risk และ Reward โดย
- Risk = 83,113 - 80,000 = 3,113 USD
- Reward = 90,000 - 83,113 = 6,887 USD
ต่อมากใช้สูตรคำนวณ RR จึงทำให้
RR = Risk ÷ Reward
= 3,113 ÷ 6,887
= 0.45
เมื่อนำ 0.45 แปลงเป็นสัดส่วนจะได้ 1:2.21 ซึ่งถือว่าคุ้มค่าเพราะ Reward สูงกว่า Risk ถึง 2.21 เท่า สำหรับนักลงทุนโดยทั่วไปมักมองหา RR อย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่า 1:1 และเกณฑ์ที่นิยมใช้เป็นมาตราฐานคือ 1:3 หมายความว่า ทุก 1 หน่วยความเสี่ยง สามารถคาดหวังผลตอบแทนได้ 3 หน่วย
วิธีบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทน
- ตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit
กำหนดจุดหยุดขาดทุนและจุดกำไรไว้ล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและกำหนัดจังหวะออกจากการเทรดอย่างชัดเจน ทำให้เทรดได้เป็นระแบบและตามแผนได้ง่ายขึ้น
- ใช้ค่า RR เพื่อวางแผนก่อนเทรด
คำนวณความเสี่ยงต่อผลตอบแทนทุกครั้ง การเลือกเทรดที่มีค่า RR ดี เช่น 1:2 หรือมากกว่า ช่วยให้โอกาสทำกำไรในระยะยาวสูงขึ้น
- กระจายการลงทุน
ไม่ควรทุ่มเงินไว้ในสินทรัพย์เดียวทั้งหมด ควรแบ่งลงทุนในสินทรัพย์หรือหลายตลาด เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง
- วิเคราะห์ความผันผวน
ตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น คริปโตเคอร์เรนซี มักมีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว นักลงทุนควรประเมินความผันผวนอยู่เสมอและปรับค่า RR ให้เหมาะสม
- ทบทวนผลการเทรด
วิเคราะห์ผลการเทรดทั้งที่ได้กำไรและขาดทุน เพื่อลดข้อผิดพลาดเดิม ๆ และพัฒนาการบริการความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ RR หรือ Risk and return
- High risk high return คือ
การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง เช่น การเทรดคริปโต หรือหุ้นที่กำลังเติบโต เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงจำนวนมากได้
- Low risk high return คือ
การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าได้ เช่น การออมหุ้นในระยะยาว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและความเสี่ยงต่ำ แต่ยังต้องการสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ
Conclusion
ไม่จำเป็นต้องชนะทุกการเทรดเพื่อให้มีกำไร แต่การเข้าใจ RR ไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข แต่เป็นพื้นฐานของการลงทุนอย่างยั่งยืน อีกทั้งการวางแผน RR ให้รอบคอบก่อนเทรด จะช่วยให้การลงทุนมีระบบ มีวินัย และสามารถควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง
Share this
- พฤศจิกายน 2025 (9)
- ตุลาคม 2025 (20)
- กันยายน 2025 (18)
- สิงหาคม 2025 (22)
- กรกฎาคม 2025 (37)
- มิถุนายน 2025 (33)
- พฤษภาคม 2025 (27)
- เมษายน 2025 (41)
- มีนาคม 2025 (22)
- กุมภาพันธ์ 2025 (33)
- มกราคม 2025 (9)
- ธันวาคม 2024 (10)
- พฤศจิกายน 2024 (8)
- ตุลาคม 2024 (9)
- กันยายน 2024 (9)
- สิงหาคม 2024 (15)
- กรกฎาคม 2024 (2)
- มิถุนายน 2024 (46)
Subscribe by email

รู้จัก RR: วิธีเช็คความเสี่ยงและกำไรก่อนลงทุน

EPS คืออะไร? ตัวชี้วัดกำไรต่อหุ้นที่นักลงทุนต้องรู้ (พร้อมตัวอย่างคำนวณ)

NVDR คืออะไร? ทำความเข้าใจใบสำคัญแสดงสิทธิในการฝากหลักทรัพย์สำหรับนักลงทุนต่างชาติ

Kava Coin คืออะไร? ทำไมถูกพูดถึงในโลก DeFi วิเคราะห์แนวโน้ม 2025-2026

ไต้หวันจ่อพิจารณาจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ

EVM คืออะไร? เจาะลึก Ethereum Virtual Machine สำหรับสายคริปโต

Crypto Wallet คืออะไร? กระเป๋าคริปโตมีกี่แบบ ใช้งานยังไงให้ปลอดภัย

Ondo Token คืออะไร? เหรียญ ONDO ดีไหม อัปเดตแนวโน้มล่าสุด 2025-2026

ญี่ปุ่นหนุนออก Stablecoin เงินเยนดิจิทัลผ่าน 3 ธนาคารยักษ์ใหญ่

