ในโลกของการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดคริปโต หรือสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ เรามักจะได้ยินคำว่า “FOMO” อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนที่กำลังเริ่มศึกษาและเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ คำว่า FOMO หรือ Fear of Missing Out เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจของนักลงทุนหลายคน บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของ FOMO อย่างลึกซึ้ง สาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้ และที่สำคัญคือแนวทางในการจัดการกับมันอย่างมีประสิทธิภาพ
FOMO ย่อมาจาก Fear of Missing Out หมายถึง ความกลัวที่จะพลาดโอกาส เป็นภาวะทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลมีความรู้สึกวิตกกังวลว่าคนอื่น ๆ กำลังได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความสุข หรือประสบความสำเร็จจากบางสิ่งบางอย่างที่ตนเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น ในบริบทของการลงทุน FOMO คือความกลัวว่าจะพลาดโอกาสทำกำไร เมื่อเห็นราคาของสินทรัพย์บางอย่างพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข่าวลือหรือกระแสความนิยมจากคนรอบข้าง ความรู้สึกนี้จะกระตุ้นให้นักลงทุนรีบตัดสินใจซื้อสินทรัพย์นั้น ๆ โดยไม่ได้พิจารณาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน
FOMO เกิดขึ้นได้ในการลงทุนทุกสินทรัพย์ โดยเฉพาะสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง หรือซื้อขายได้ง่าย ทำให้นักลงทุนตัดสินใจที่จะซื้อหรือขายได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนสูงและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หลายครั้งที่เราจะเห็นเหรียญบางเหรียญราคาพุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น หากมีข่าวว่าเหรียญ A กำลังถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียและราคาพุ่งขึ้นไป 50% ในหนึ่งวัน นักลงทุนที่เห็นเหตุการณ์นี้และไม่ได้ถือครองเหรียญ A อยู่ อาจจะเกิดความรู้สึก FOMO และรีบเข้าซื้อทันทีด้วยความกลัวว่าจะพลาดโอกาสทำกำไรก้อนโต โดยที่ไม่ได้ศึกษาปัจจัยพื้นฐานของเหรียญนั้นเลย
ปรากฏการณ์ FOMO ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตลาดคริปโตเท่านั้น ในตลาดหุ้นก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีข่าวว่าหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งกำลังจะมีการประกาศผลประกอบการที่ดีเยี่ยมและมีกระแสข่าวเชิงบวกออกมามากมาย นักลงทุนจำนวนมากอาจจะรีบเข้าซื้อหุ้นตัวนั้นโดยหวังว่าราคาจะพุ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทำให้เกิดการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติและราคาอาจพุ่งสูงขึ้นกว่าความเป็นจริงจากกระแส FOMO นี้
FOMO ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนในหลายมิติ โดยเฉพาะการตัดสินใจที่ขาดความยั้งคิด ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงในการขาดทุนที่สูงขึ้น
การจัดการกับ FOMO เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีสติและลดความเสี่ยงจากการขาดทุน
ก่อนที่จะเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ควรมีการวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน กำหนดเป้าหมายการลงทุน ระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ การมีแผนจะช่วยให้นักลงทุนยึดมั่นในวินัยและไม่หวั่นไหวไปกับกระแสที่เกิดขึ้นชั่วคราว
ก่อนที่จะเข้าซื้อสินทรัพย์ ควรตั้งเป้าหมายทำกำไร (Take Profit) และจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ชัดเจน เมื่อราคาถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ควรทำกำไรตามแผน และหากราคาปรับตัวลงถึงจุดที่กำหนดไว้ก็ควรขายออกเพื่อจำกัดการขาดทุน การทำตามแผนที่วางไว้จะช่วยป้องกันไม่ให้เราตัดสินใจตามอารมณ์ FOMO
การลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar-Cost Averaging เป็นการทยอยลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่า ๆ กันในระยะเวลาที่สม่ำเสมอ วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการเข้าซื้อในจังหวะที่ไม่เหมาะสม และยังช่วยให้ได้ราคาเฉลี่ยที่เหมาะสมในระยะยาว การลงทุนแบบ DCA ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลว่าต้องเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสมที่สุด และช่วยลดความกดดันจาก FOMO ได้เป็นอย่างดี
สิ่งสำคัญที่สุดคือการใช้ข้อมูลและเหตุผลในการตัดสินใจลงทุนเสมอ อย่าเพิ่งรีบเชื่อข่าวลือหรือกระแสความนิยม ควรศึกษาปัจจัยพื้นฐานของสินทรัพย์นั้น ๆ และวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
การลงทุนที่ดีต้องใช้เวลาและความอดทน ตลาดมีความผันผวนอยู่เสมอ และโอกาสในการลงทุนไม่ได้มีแค่เพียงครั้งเดียว การรู้จักรอคอยจังหวะที่เหมาะสมและไม่รีบเร่งจะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจด้วยอารมณ์
นอกเหนือจากการลงทุน FOMO ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในยุคโซเชียลมีเดีย เรามักจะเห็นเพื่อน ๆ ไปเที่ยวในสถานที่สวยงาม ซื้อของใหม่ หรือใช้ชีวิตที่ดูดี ทำให้เกิดความรู้สึกเปรียบเทียบและกลัวว่าจะพลาดสิ่งดี ๆ ในชีวิต ปรากฏการณ์นี้มีรากฐานมาจากความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและไม่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ซึ่งเป็นกลไกทางจิตวิทยาเดียวกับที่เกิดขึ้นในตลาดการลงทุน
FOMO หรือ Fear of Missing Out ในภาษาไทยหมายถึง ความกลัวที่จะพลาดโอกาส
FOMO คือความกลัวที่จะพลาดโอกาสทำกำไร ในขณะที่ Greed หรือความโลภคือความต้องการที่จะได้กำไรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งสองอย่างนี้มักเกิดขึ้นควบคู่กัน เมื่อนักลงทุนรู้สึก FOMO และเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาสูง ความโลภจะเข้าครอบงำให้ถือสินทรัพย์นั้นต่อโดยหวังว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ยอมขายทำกำไรตามแผน
นักลงทุนมือใหม่มักจะขาดประสบการณ์และวินัยในการลงทุน ทำให้ตัดสินใจตามอารมณ์และกระแสได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังขาดความรู้และข้อมูลที่เพียงพอในการวิเคราะห์ ทำให้ต้องพึ่งพาข้อมูลจากแหล่งข่าวหรือคนอื่น ๆ เป็นหลัก จึงมีแนวโน้มที่จะเกิด FOMO ได้ง่ายกว่านักลงทุนที่มีประสบการณ์
วิธีลดความเสี่ยงจาก FOMO คือการสร้างวินัยในการลงทุน ตั้งแผนการลงทุนที่ชัดเจน ศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน และไม่ตัดสินใจตามอารมณ์หรือกระแสของตลาด
FOMO เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่มีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจของนักลงทุน การทำความเข้าใจความหมายและผลกระทบของมันเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างวินัยในการลงทุน การจัดการกับความกลัวที่จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้หมายถึงการหลีกเลี่ยงการลงทุน แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะตัดสินใจอย่างมีสติและอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลมากกว่าอารมณ์ เพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นไปอย่างยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง