Share this
FED คืออะไร? บทบาทของธนาคารกลางสหรัฐกับเศรษฐกิจโลก

ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือที่รู้จักกันในนาม FED เป็นสถาบันการเงินที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมีนัยสำคัญ บทความนี้จะพาท่านไปรู้จักกับ FED ในแง่มุมต่าง ๆ ตั้งแต่ความหมาย โครงสร้าง บทบาทหลัก ไปจนถึงผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจโลก
FED คืออะไร
FED (Federal Reserve System) เป็นธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1913 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและควบคุมระบบการเงินของประเทศ หน้าที่หลักของ FED คือการกำหนดนโยบายการเงิน ควบคุมอัตราดอกเบี้ย และดูแลระบบธนาคารเพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศมีความมั่นคง
FED ย่อมาจากอะไร
FED ย่อมาจาก "Federal Reserve" ซึ่งหมายถึง "ธนาคารกลางสหรัฐ" ในภาษาไทย คำว่า "Federal" หมายถึง "สหพันธรัฐ" และ "Reserve" หมายถึง "ทุนสำรอง" รวมกันแล้วหมายถึงสถาบันที่ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา

โครงสร้างของ FED มีอะไรบ้าง
โครงสร้างของ FED ประกอบด้วยสามส่วนหลัก ดังนี้:
- คณะกรรมการผู้ว่าการ (Board of Governors): ประกอบด้วยสมาชิก 7 คน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีและได้รับการยืนยันจากวุฒิสภา ทำหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินและกำกับดูแลธนาคารในประเทศ
- ธนาคารกลางภูมิภาค (Federal Reserve Banks): มีทั้งหมด 12 แห่ง กระจายอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นธนาคารกลางในภูมิภาคนั้น ๆ และให้บริการทางการเงินแก่ธนาคารพาณิชย์
- คณะกรรมการตลาดเสรีกลาง (Federal Open Market Committee หรือ FOMC): ประกอบด้วยสมาชิกจากคณะกรรมการผู้ว่าการและประธานธนาคารกลางภูมิภาค ทำหน้าที่กำหนดนโยบายการเงิน โดยเฉพาะการควบคุมอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ
บทบาทหลักของ FED
บทบาทหลักของ FED ประกอบด้วย:
- กำหนดนโยบายการเงิน: ควบคุมอัตราดอกเบี้ยและปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาและการจ้างงาน
- กำกับดูแลสถาบันการเงิน: ตรวจสอบและควบคุมธนาคารพาณิชย์เพื่อให้มั่นใจว่ามีความมั่นคงและปฏิบัติตามกฎระเบียบ
- รักษาเสถียรภาพทางการเงิน: ดำเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขวิกฤตการเงินที่อาจเกิดขึ้น
- ให้บริการทางการเงิน: ทำหน้าที่เป็นธนาคารของรัฐบาลสหรัฐและให้บริการทางการเงินแก่ธนาคารพาณิชย์

การประชุม FOMC (Federal Open Market Committee) คืออะไร
การประชุมคณะกรรมการตลาดเสรีกลาง (Federal Open Market Committee หรือ FOMC) เป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve System) ที่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายการเงินของประเทศสหรัฐอเมริกา
การประชุมนี้จัดขึ้นประมาณ 8 ครั้งต่อปี หรือทุก ๆ 6 สัปดาห์ เพื่อประเมินสภาวะเศรษฐกิจและตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงินที่เหมาะสม ซึ่งการตัดสินใจของ FOMC มีผลกระทบโดยตรงต่ออัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และตลาดการเงินทั่วโลก นักลงทุนและผู้ที่สนใจเศรษฐกิจจึงติดตามผลการประชุมอย่างใกล้ชิด
โครงสร้างของ FOMC:
- สมาชิกถาวร: ประกอบด้วยคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ 7 คน และประธานธนาคารกลางสาขานิวยอร์ก
- สมาชิกหมุนเวียน: ประธานธนาคารกลางสาขาอื่น ๆ อีก 4 คน จากทั้งหมด 11 สาขา โดยสับเปลี่ยนกันทุกปี
บทบาทและหน้าที่ของ FOMC:
- กำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds Rate): เพื่อควบคุมสภาพคล่องในระบบการเงินและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
- ดำเนินการผ่านตลาดการเงิน (Open Market Operations): เช่น การซื้อหรือขายพันธบัตรรัฐบาล เพื่อปรับปริมาณเงินในระบบ
เครื่องมือที่ FED ใช้กำหนดนโยบายการเงิน
FED ใช้เครื่องมือหลายอย่างในการกำหนดนโยบายการเงิน ดังนี้:
- อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds Rate): การปรับอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ใช้ในการกู้ยืมระยะสั้นระหว่างกัน ซึ่งส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยอื่น ๆ ในระบบเศรษฐกิจ
- การดำเนินการตลาดเปิด (Open Market Operations): การซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของรัฐบาลในตลาดเปิด เพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ
- อัตราส่วนเงินสำรอง (Reserve Requirements): การกำหนดปริมาณเงินที่ธนาคารพาณิชย์ต้องสำรองไว้ ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการปล่อยสินเชื่อ
- อัตราดอกเบี้ยเงินสำรองส่วนเกิน (Interest on Excess Reserves): การกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ FED จ่ายให้กับเงินสำรองส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ เพื่อควบคุมปริมาณเงินในระบบ

การตัดสินใจของ FED มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร
การตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve หรือ FED) มีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจโลกในหลายด้าน ดังนี้:
-
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินอื่น ๆ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ
-
การไหลเวียนของเงินทุน
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ดึงดูดนักลงทุนให้ย้ายเงินทุนเข้าสู่สหรัฐฯ เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินของประเทศเหล่านี้อ่อนค่าลงและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
-
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันและทองคำ ปรับตัวลดลง เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มักถูกซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์แข็งค่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในรูปสกุลเงินอื่นจึงเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการลดลงและราคาปรับตัวลงตาม
-
นโยบายการเงินของประเทศอื่น ๆ
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของ FED อาจกดดันให้ธนาคารกลางของประเทศอื่น ๆ ปรับนโยบายการเงินของตนเอง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น หาก FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางในประเทศอื่นอาจต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม เพื่อป้องกันการไหลออกของเงินทุนและรักษาค่าเงินของตน
-
ตลาดหุ้นโลก
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท นอกจากนี้ การไหลออกของเงินทุนจากตลาดเกิดใหม่กลับไปยังสหรัฐฯ ยังส่งผลให้ตลาดหุ้นในประเทศเหล่านั้นเผชิญกับแรงกดดันเพิ่มเติม ดังนั้น การตัดสินใจของ FED ในการปรับอัตราดอกเบี้ยจึงมีผลกระทบที่ซับซ้อนและกว้างขวางต่อเศรษฐกิจโลก ทั้งในด้านอัตราแลกเปลี่ยน การไหลเวียนของเงินทุน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นโยบายการเงินของประเทศต่าง ๆ และความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น

ประวัติการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ส่งผลต่อราคาคริปโตเคอเรนซี่
การตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve หรือ FED) มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อราคาของคริปโตโดยเฉพาะบิตคอยน์ มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้
ในเดือนกันยายน 2024 ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% เพื่อสนับสนุนตลาดแรงงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นใกล้ระดับ 61,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโตเคอร์เรนซี
ในเดือนมกราคม 2025 คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.25% - 4.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต
ในเดือนธันวาคม 2025 ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ทะลุระดับ 63,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและต่อสู้กับภาวะเงินฝืด ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นสัญญาณบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัล
ข้อดีและข้อเสียของนโยบาย FED
ข้อดีของนโยบาย FED:
- ควบคุมเงินเฟ้อ: การปรับอัตราดอกเบี้ยของ FED ช่วยควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของราคาและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- ส่งเสริมการจ้างงาน: นโยบายการเงินที่เหมาะสมของ FED สามารถกระตุ้นการลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างงานและลดอัตราการว่างงาน
- รักษาเสถียรภาพทางการเงิน: การกำกับดูแลสถาบันการเงินของ FED ช่วยป้องกันวิกฤตการเงินและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับระบบการเงินของสหรัฐฯ
ข้อเสียของนโยบาย FED:
- ผลกระทบต่อตลาดเกิดใหม่: การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED อาจทำให้เงินทุนไหลออกจากประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากนักลงทุนมองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศเหล่านั้น
- ความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ: อัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไปอาจชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้การลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง
- ความผันผวนของตลาดการเงิน: การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของ FED อาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินโลก เนื่องจากนักลงทุนปรับพอร์ตการลงทุนตามการคาดการณ์เกี่ยวกับนโยบายของ FED

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ FED
1. FED กับธนาคารกลางของไทย (BOT) แตกต่างกันอย่างไร?
FED มีหน้าที่หลักในการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐอเมริกา โดยมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพของราคา การส่งเสริมการจ้างงาน และการรักษาอัตราดอกเบี้ยระยะยาวในระดับปานกลาง นอกจากนี้ FED ยังมีหน้าที่ในการกำกับดูแลและควบคุมสถาบันการเงิน เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน
(BOT) เป็นธนาคารกลางของไทย มีบทบาทคล้ายกัน แต่ดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมของประเทศไทย มีหน้าที่หลักในการกำหนดนโยบายการเงินภายในประเทศและการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน
2. FED มีอำนาจเหนือระบบการเงินโลกหรือไม่?
แม้ว่า FED จะไม่มีอำนาจโดยตรงเหนือระบบการเงินโลก แต่การตัดสินใจของ FED โดยเฉพาะการปรับอัตราดอกเบี้ย มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลก เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
3. ทำไมตลาดหุ้นถึงตอบสนองต่อการประชุม FED?
การประชุมของ FED มักจะมีการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการกู้ยืมของธุรกิจและผู้บริโภค ต้นทุนทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงส่งผลต่อกำไรของบริษัทและความน่าสนใจในการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นตอบสนองต่อการตัดสินใจของ FED อย่างรวดเร็ว
ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านอัตราดอกเบี้ย ค่าเงิน ตลาดหุ้น และตลาดคริปโต การปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ยของ FED มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน การไหลเวียนของเงินทุน และราคาสินค้า นอกจากนี้ นโยบายการเงินของ FED ยังส่งผลให้ธนาคารกลางในประเทศอื่น ๆ ต้องปรับตัวตามเพื่อรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจภายในประเทศของตนเอง
แม้ว่า FED จะช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและควบคุมเงินเฟ้อ แต่ในบางกรณีก็อาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม การติดตามการตัดสินใจของ FED อย่างใกล้ชิดสามารถช่วยให้นักลงทุนและผู้ที่สนใจเศรษฐกิจโลกสามารถปรับกลยุทธ์ทางการเงินได้อย่างเหมาะสม
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง
Share this
- Bitazza Blog (111)
- Crypto Weekly (47)
- DAO (15)
- Beginner (14)
- mission (11)
- ความปลอดภัย (11)
- Tether (USDt) (8)
- บล็อกเชน (8)
- bitcoin (7)
- missions (7)
- Learning Hub (6)
- การค้าขาย (6)
- หัวข้อเด่น (6)
- ตลาด (5)
- วิจัย (5)
- Campaigns (3)
- Security (3)
- เศรษฐศาสตร์ (3)
- Bitazza Insights (2)
- Social Features (2)
- Stablecoin (2)
- Token talk (2)
- Trading (2)
- TradingView (2)
- เกี่ยวกับการสอน (2)
- Crypto รายสัปดาห์ (1)
- Disclosure (1)
- ENJ (1)
- Educational (1)
- Featured (1)
- KYC (1)
- NFTs (1)
- SEC (1)
- TRUMP (1)
- บิทาซซ่าบล็อกส์ (1)
Subscribe by email

WAN Coin คืออะไร? เหรียญจาก Wanchain กับโซลูชันเชื่อมต่อบล็อกเชน

NEAR Coin คืออะไร? แพลตฟอร์มบล็อกเชนใช้งานง่ายสำหรับทุกคน

มาเลเซียเปิดตัวฮับสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมทดลอง Stablecoin ผูกเงินริงกิต

DOT Coin คืออะไร? เจาะลึก Polkadot และระบบเชื่อมบล็อกเชนแห่งอนาคต

ส่อง PNUT Coin เหรียญมีมมาแรงบน Solana

TON Coin คืออะไร? ทำความรู้จักเหรียญจาก Telegram และอนาคตของ Web3

รู้จัก NOT Coin คืออะไร? เหรียญไวรัลจาก Telegram ที่กำลังเปลี่ยนเกมคริปโตฯ

BabyDoge คืออะไร? วิเคราะห์อนาคตเหรียญมีมในตลาดคริปโตปี 2025

AAVE คืออะไร? แพลตฟอร์มกู้ยืมในโลก DeFi ที่นักลงทุนต้องรู้
