Share this
Token talk ตอนที่ 1: ผ่าไส้ในกลไกบล็อกเชน เครื่องยนต์หลักในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมพลิกโฉมอนาคตธุรกิจ

เมื่อเราพูดกันถึงคริปโทเคอร์เรนซี อีกคำหนึ่งที่จะได้ยินควบคู่ด้วยเสมอก็คือคำว่า “บล็อกเชน” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนระบบสกุลเงินดิจิทัล วันนี้ Bitazza Thailand มาพร้อมกับ Token Talk แหล่งความรู้เรื่องคริปโทเคอร์เรนซีแหล่งใหม่ที่ไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือโปรก็สามารถศึกษาได้อย่างง่ายดาย พร้อมเริ่มต้นกันด้วยการตอบคำถามที่ว่า “บล็อกเชนคืออะไรและมีความสำคัญกับคริปโทเคอร์เรนซีอย่างไร”
บล็อกเชนคืออะไร
บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายของผู้เข้าร่วมผ่านการเข้ารหัส ทำให้ทุกคนบนเครือข่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อัปเดตล่าสุดได้ภายในเวลาเดียวกัน
บล็อกเชนเป็นฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ หมายความว่าบล็อกเชนสามารถถูกอัปเดตได้จากโหนดหรือผู้เข้าร่วมของเครือข่ายคอมพิวเตอร์สาธารณะหรือเครือข่ายส่วนตัว สิ่งนี้เรียกว่า Distributed Ledger Technology (DLT) หรือเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์
เทคโนโลยีนี้ทำให้การจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลมีความปลอดภัยมากกว่าระบบฐานข้อมูลแบบเดิมที่ใช้กัน เพราะข้อมูลและการทำธุรกรรมต่าง ๆ จะถูกจัดเก็บอยู่ในสมุดบัญชีหรือที่เรียกว่า Ledger ตามลำดับเวลา ทำให้บุคคลบนเครือข่ายสามารถแชร์ข้อมูลกันได้อย่างปลอดภัยเพราะข้อมูลธุรกรรมจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้โดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งบนเครือข่ายได้
ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายขึ้นอีกสักหน่อย การทำงานของบล็อกเชนก็เป็นไปในทำนองเดียวกันกับหน้าเอกสารที่เป็นไฟล์ Excel ที่เต็มไปด้วยตัวเลขที่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้มีส่วนร่วมกับงานนี้ก็สามารถเข้ามาทำงานร่วมกันได้ถ้าได้รับอนุญาต แต่แตกต่างกันตรงที่ว่าเมื่อข้อมูลเกิดการผิดพลาด คุณอาจจะต้องสร้างเอกสารนั้นขึ้นมาใหม่แทนที่จะแก้ได้บนไฟล์นั้นเลยและต้องให้คนส่วนใหญ่ที่รับผิดชอบงานนั้นเห็นด้วยเสียก่อน
“บล็อก” และ “เชน” ทำงานยังไง
คำว่า “บล็อกเชน” สะท้อนให้เห็นภาพหลักการทำงานของเทคโนโลยีบล็อกเชนและ DLT ประเภทอื่น ๆ ที่เมื่อข้อมูลที่อยู่บนบล็อกเชนถูกเข้าถึงหรือมีการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลจะถูกเก็บไว้บน “บล็อก” พร้อมกับข้อมูลที่มาจากการทำธุรกรรมอื่น ๆ
ธุรกรรมที่ถูกบันทึกไว้บนบล็อกจะถูกเข้ารหัสทางคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ บล็อกของข้อมูลที่เกิดขึ้นใหม่จะไม่มีการเขียนทับบล็อกที่มีมาก่อนหน้า บล็อกที่มีการเข้ารหัสข้อมูลเหล่านี้จะถูกเชื่อมต่อกันเป็น “เชน” เข้าด้วยกันและธุรกรรมที่เกิดขึ้นจะได้รับการบันทึกตามลำดับเวลาทำให้มีประวัติการแก้ไขที่ทุกคนในเครือข่ายเห็นได้
จินตนาการเหมือนกับรถไฟขบวนหนึ่งที่วิ่งไปตามราง โดยแต่ละตู้รถไฟคือบล็อก และรางรถไฟคือเชน การที่ผู้โดยสารสามารถขึ้นและลงได้ที่สถานีที่อยู่ตามเส้นทางนี้ เราสามารถเปรียบเทียบได้กับ "บล็อกเชน" แต่จุดเด่นอยู่ที่ว่า รถไฟขบวนนี้มีหน้าต่างขนาดใหญ่มาก แม้แต่คนที่ยืนดูข้างทางก็สามารถเห็นได้ว่าใครอยู่ในรถไฟและรถไฟกำลังเดินทางไปที่ไหน ความเร็วของรถไฟก็ขึ้นอยู่กับการจราจรในเครือข่ายและอัตราการทำธุรกรรม หากมีอุปสรรคเกิดขึ้น รถไฟก็จะเดินทางได้ล่าช้า ส่วนค่าแก๊สคืออะไร มาถึงหลายคนคงพอเดากันได้ว่าก็คือค่าธรรมเนียมที่คุณต้องจ่ายเพื่อใช้บริการนี้ ปิดท้ายด้วยเส้นทางของรถไฟแต่ละสายก็เปรียบเหมือนบล็อกเชนแต่ละเครือข่ายนั่นเอง
เนื่องจากธุรกรรมบนบล็อกเชนจะไม่สามารถถูกแก้ไขหรือดัดแปลงได้ เมื่อมีธุรกรรมที่ผิดพลาดเกิดขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องสร้างธุรกรรมใหม่ขึ้นมา และจะสามารถบันทึกธุรกรรมใหม่ได้ต่อเมื่อส่วนใหญ่บนเครือข่ายให้ความยินยอม พูดอีกอย่างหนึ่งก็เหมือนกันการที่ถ้าคุณพลาดรถไฟ คุณก็จะต้องรอรถไฟขบวนถัดไปเพื่อจะไปถึงเป้าหมายอย่างที่ต้องการ
บล็อกเชนเกี่ยวอะไรกับคริปโทเคอร์เรนซีและ Bitcoin
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2552 Bitcoin เกิดขึ้นในฐานะสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้นามสมมุติว่า Satoshi Nakamoto ไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถโอนและรับ Bitcoin โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง
แต่ไม่ใช่แค่ Bitcoin เท่านั้นที่เกิดขึ้นมาในปี 2552 เทคโนโลยีบล็อกเชนก็เกิดขึ้นมาในเวลาเดียวกันเพื่อขับเคลื่อนการทำธุรกรรมของ Bitcoin และเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้นักลงทุนซื้อและขายคริปโทเคอร์เรนซีออนไลน์โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยธนาคารและองค์กรตัวกลางอื่น ๆ รวมทั้งทำให้ Bitcoin เองไม่ถูกควบคุมโดยรัฐและองค์กรใด ๆ
การเกิดขึ้นของบล็อกเชนเลยเป็นการพลิกโฉมธุรกรรมทางการเงินแบบดั้งเดิม จากแต่เดิม เมื่อเราต้องการโอนเงินไปให้คนอื่นก็จะต้องผ่านตัวกลางอย่างธนาคารที่เป็นผู้ทำธุรกรรมให้ แต่การซื้อขาย Bitcoin ทำให้เกิดธุรกรรมแบบ Peer-to-Peer ที่สามารถโอนหากันได้เลยโดยไม่ต้องมีคนกลางคอยควบคุม
สินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภทรวมทั้งคริปโทเคอร์เรนซีขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นหลัก โดยแอปพลิเคชันทางการเงินแบบไร้ตัวกลางหรือ (Decentralized Finance) หรือที่เรียกว่า DeFi เป็นกลุ่มแอปพลิเคชันสำหรับคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชนที่ถูกออกแบบมาเพื่อแทนที่บริการทางการเงินในปัจจุบันที่ยังต้องมีตัวกลาง
DeFi มีลักษณะพิเศษอยู่ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถเข้าสู่แอปพลิเคชันได้ก็สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับแอป หมายความว่าผู้ใช้จะมีอำนาจโดยตรงมากขึ้นที่จะควบคุมเงินของตัวเอง
บล็อกเชนมีประโยชน์อย่างไรกับธุรกิจ
แม้บล็อกเชนจะเกิดขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนสกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกอย่าง Bitcoin แต่ไม่ได้หมายความว่าบล็อกเชนจะทำได้เพียงแค่นั้น ยังมีการนำบล็อกเชนไปใช้ประโยชน์กับธุรกิจอีกมากมาย
จากหลักการทำงานที่ทำให้มีความปลอดภัยในการเก็บและแก้ไขข้อมูลสูง บล็อกเชนเลยมีความสำคัญกับธุรกิจโดยเฉพาะด้านการซื้อขายและธุรกรรมทางการเงินเพราะช่วยจัดเก็บข้อมูลโดยได้รับความยินยอมจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางด้านกฎหมายในภายหลัง
ยกตัวอย่างธุรกิจธนาคาร แต่เดิมต้องผ่านกระบวนการรู้จักลูกค้าหรือ Know Your Customer (KYC) ที่ยังมีบางขั้นตอนที่ล้าสมัยและต้นทุนสูง ระบบบล็อกเชนและ DLT อาจช่วยลดกระบวนการยืนยันตัวตน KYC ให้เหลือเพียง 1 ครั้งสำหรับลูกค้าแต่ละคน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มความโปร่งใส
นอกจากนี้ ธนาคารและตลาดหลักทรัพย์ยังใช้บล็อกเชนในกระบวนการการชำระเงินออนไลน์ การจัดการบัญชี และการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์
ตัวอย่างเช่น บริการหนังสือคำประกันอิเล็กทรอนิกส์ (โครงการ e-LG on Blockchain) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธ.ป.ท.) ที่เกิดจากความร่วมมือกับธนาคารอีก 6 แห่งร่วมกันจัดตั้งบริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (BCI) ขึ้นมาเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ช่วยให้บริการการขอหนังสือค้ำประกันให้มีความรวดเร็วขึ้น จากแบบกระดาษที่แต่เดิมธนาคารต้องใช้เวลา 3 – 7 วัน มาเป็นการออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เวลาเพียง 1 - 4 ชั่วโมงเท่านั้น ผู้รับผลประโยชน์ยังสามารถบริหารจัดการหนังสือค้ำประกันจากธนาคารหลายแห่งได้ในที่เดียวและลดความเสี่ยงที่จะถูกปลอมแปลงข้อมูลได้ด้วย
อุตสาหกรรมค้าปลีกเองก็นำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้เพื่อจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ การทำธุรกรรมผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้ธุรกิจสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของสินค้าระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ โดยเฉพาะธุรกิจที่ระยะเวลามีความสำคัญ เช่น ธุรกิจอาหารซึ่งต้องคำนึงถึงวันหมดอายุหรือคุณภาพที่อาจจะลดลงตามระยะเวลา
ธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ระดับโลกอย่าง Amazon เองก็ยื่นจดสิทธิบัตรนำระบบเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์มาใช้เพื่อตรวจสอบว่าสินค้าเป็นของแท้หรือของปลอม
หลังจากที่คุณได้เรียนรู้เรื่องของบล็อกเชนและประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้แล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะคุณจะเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายโทเคนดิจิทัลของคุณเอง! เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์และการใช้งานที่หลากหลายของ Bitazza Thailand บนเว็บไซต์ของเราได้ที่ https://blogth.bitazza.com/th/blog
ดาวน์โหลด Bitazza Thailand ได้ที่ https://bitazza.onelink.me/AGAP/9zf7et1r
แหล่งอ้างอิง
- https://www.mckinsey.com/featured-insights/mckinsey-explainers/what-is-blockchain
- https://aws.amazon.com/what-is/blockchain/?aws-products-all.sort-by=item.additionalFields.productNameLowercase&aws-products-all.sort-order=asc
- https://www.bot.or.th/en/financial-innovation/digital-finance/fintech-in-thailand/eLG.html
- https://kriptomat.io/blockchain/history-of-blockchain/
คำเตือน
- คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบริษัท บิทาซซ่า จำกัดและพนักงาน เนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
Share this
- Bitazza Blog (111)
- Crypto Weekly (47)
- DAO (15)
- Beginner (14)
- mission (11)
- ความปลอดภัย (11)
- Tether (USDt) (8)
- บล็อกเชน (8)
- bitcoin (7)
- missions (7)
- Learning Hub (6)
- การค้าขาย (6)
- หัวข้อเด่น (6)
- ตลาด (5)
- วิจัย (5)
- Campaigns (3)
- Security (3)
- เศรษฐศาสตร์ (3)
- Bitazza Insights (2)
- Social Features (2)
- Stablecoin (2)
- Token talk (2)
- Trading (2)
- TradingView (2)
- เกี่ยวกับการสอน (2)
- Crypto รายสัปดาห์ (1)
- Disclosure (1)
- ENJ (1)
- Educational (1)
- Featured (1)
- KYC (1)
- NFTs (1)
- SEC (1)
- TRUMP (1)
- บิทาซซ่าบล็อกส์ (1)
Subscribe by email

WAN Coin คืออะไร? เหรียญจาก Wanchain กับโซลูชันเชื่อมต่อบล็อกเชน

NEAR Coin คืออะไร? แพลตฟอร์มบล็อกเชนใช้งานง่ายสำหรับทุกคน

มาเลเซียเปิดตัวฮับสินทรัพย์ดิจิทัล เตรียมทดลอง Stablecoin ผูกเงินริงกิต

DOT Coin คืออะไร? เจาะลึก Polkadot และระบบเชื่อมบล็อกเชนแห่งอนาคต

ส่อง PNUT Coin เหรียญมีมมาแรงบน Solana

TON Coin คืออะไร? ทำความรู้จักเหรียญจาก Telegram และอนาคตของ Web3

รู้จัก NOT Coin คืออะไร? เหรียญไวรัลจาก Telegram ที่กำลังเปลี่ยนเกมคริปโตฯ

BabyDoge คืออะไร? วิเคราะห์อนาคตเหรียญมีมในตลาดคริปโตปี 2025

AAVE คืออะไร? แพลตฟอร์มกู้ยืมในโลก DeFi ที่นักลงทุนต้องรู้
