ในโลกของสกุลเงินดิจิทัลที่เต็มไปด้วยบุคคลผู้มีวิสัยทัศน์และกล้าได้กล้าเสีย ชื่อของไมเคิล เจ. เซย์เลอร์ (Michael J. Saylor) โดดเด่นขึ้นมาในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุน Bitcoin ตัวยงที่สุด เขาไม่เพียงแค่เชื่อมั่นในศักยภาพของมัน แต่ยังได้นำพาบริษัทของเขาอย่าง MicroStrategy ทุ่มเงินลงทุนมหาศาลเข้าซื้อ Bitcoin จนกลายเป็นที่รู้จักในฐานะ "วาฬ" ตัวใหญ่ที่สุดในวงการ บทความนี้จะพาทุกท่านไปรู้จักกับชายผู้มีอิทธิพลต่อวงการคริปโตเคอร์เรนซีผู้นี้ในทุกแง่มุม
ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1965 ณ เมืองลินคอล์น รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา เขาเติบโตมาในครอบครัวทหาร ทำให้ต้องย้ายที่อยู่บ่อยครั้งตามภารกิจของผู้เป็นพ่อ ประสบการณ์ในวัยเด็กหล่อหลอมให้เขามีระเบียบวินัยและความมุ่งมั่นตั้งใจสูง
เซย์เลอร์ฉายแววความอัจฉริยะตั้งแต่เด็ก เขาจบการศึกษาเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น และได้รับทุนการศึกษาจากกองทัพอากาศ (Air Force ROTC) เข้าศึกษาต่อที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ที่ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาสองปริญญาในสาขา Aeronautics and Astronautics และ Science, Technology, and Society
ก่อนจะมาเป็นที่รู้จักในโลกการเงินและเทคโนโลยี เซย์เลอร์เคยมีความฝันที่จะเป็นนักบิน แต่ปัญหาสุขภาพทำให้เขาต้องเปลี่ยนเส้นทาง ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำเขาเข้าสู่โลกของเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ในที่สุด
ในปี 1989 ด้วยวัยเพียง 24 ปี ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์ได้ร่วมก่อตั้งบริษัท MicroStrategy กับเพื่อนร่วมรุ่นจาก MIT โดยมีวิสัยทัศน์ในการช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้น MicroStrategy เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นผู้นำในตลาดซอฟต์แวร์ Business Intelligence
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่เส้นทางของเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในช่วงฟองสบู่ดอทคอมแตกเมื่อปี 2000 มูลค่าหุ้นของบริษัทและทรัพย์สินส่วนตัวของเขาลดลงอย่างมหาศาลภายในวันเดียว อย่างไรก็ตาม เขาก็สามารถนำพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤตและกลับมายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง
ชื่อของ ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์ กลายเป็นที่สนใจในวงกว้างอีกครั้งในปี 2020 เมื่อเขาตัดสินใจนำเงินสดสำรองของบริษัท MicroStrategy เข้าลงทุนใน Bitcoin ด้วยเหตุผลเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและการเสื่อมค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ การตัดสินใจที่กล้าหาญและท้าทายขนบการเงินแบบดั้งเดิมนี้ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการการเงินและคริปโต และทำให้ MicroStrategy กลายเป็นบริษัทมหาชนแห่งแรก ๆ ที่นำ Bitcoin เข้ามาเป็นสินทรัพย์หลักในงบดุลของบริษัท
สำหรับเซย์เลอร์นั้น Bitcoin ไม่ใช่แค่สินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร แต่เป็นเทคโนโลยีที่จะมาปฏิวัติระบบการเงินของโลก
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด19 ในปี 2020 เมื่อรัฐบาลทั่วโลกต่างอัดฉีดเงินมหาศาลเข้าระบบเศรษฐกิจ ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์มองเห็นความเสี่ยงที่มูลค่าของเงินสดจะลดลงอย่างรวดเร็ว เขาจึงเริ่มมองหาสินทรัพย์ที่จะสามารถเก็บรักษามูลค่า (Store of Value) ได้ดีกว่า และคำตอบที่เขาค้นพบก็คือ Bitcoin
เซย์เลอร์เชื่อว่า Bitcoin คือ "ทองคำดิจิทัล" (Digital Gold) ที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าทองคำจริงในหลายมิติ ทั้งในด้านความหายาก เพราะมีจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ การกระจายศูนย์ (Decentralized) ความปลอดภัย และความสามารถในการเคลื่อนย้ายได้ง่าย เขามองว่า Bitcoin เป็นเครือข่ายทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดและเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการเก็บรักษามูลค่าในระยะยาว
ภายใต้การนำของเซย์เลอร์ MicroStrategy ได้เดินหน้าเข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ผ่านกลยุทธ์ เงินที่หลากหลาย ทั้งการใช้เงินสดของบริษัท การออกหุ้นกู้ และการระดมทุนในรูปแบบต่าง ๆ การกระทำของเขาได้สร้างบรรทัดฐานใหม่และเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่น ๆ หันมาพิจารณาการลงทุนใน Bitcoin อย่างจริงจัง
ปรัชญาการลงทุนของไมเคิล เจ. เซย์เลอร์นั้นชัดเจนและแน่วแน่ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ Bitcoin เพียงอย่างเดียว
เซย์เลอร์เป็นผู้ที่ยึดมั่นในกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวแบบ "ซื้อและถือ" หรือที่ในวงการคริปโตเรียกว่า "HODL" (Hold On for Dear Life) เขาเชื่อว่าความผันผวนของราคาในระยะสั้นนั้นไม่มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว เขาจึงไม่เคยขาย Bitcoin ที่ MicroStrategy ถือครอง และยังคงเดินหน้าซื้อเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ (Altcoins) ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์ มีมุมมองที่ชัดเจนว่าไม่มีสินทรัพย์ดิจิทัลใดเทียบเท่า Bitcoin ได้ เขามองว่า Bitcoin คือสินทรัพย์ (Asset) ในขณะที่คริปโตอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นเพียงหลักทรัพย์ (Security) ที่มีความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและไม่มีคุณสมบัติในการเป็นที่เก็บรักษามูลค่าที่แท้จริงได้เท่า Bitcoin
"Bitcoin คือธนาคารในโลกไซเบอร์ ที่ให้บริการแก่ผู้คนกว่า 8 พันล้านคน"
"Bitcoin คือทางรอด มันคือเรือชูชีพที่เข้ารหัส เพื่อให้คุณหนีรอดจากอุทกภัยของสกุลเงิน (เฟียต) ได้"
"ไม่มีสินทรัพย์คริปโตที่ดีเป็นอันดับสอง มีเพียง Bitcoin เท่านั้น"
ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์ คือผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารของบริษัท MicroStrategy เขาเป็นมหาเศรษฐีนักลงทุนและผู้สนับสนุน Bitcoin ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก
เขาเชื่อว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่สามารถเก็บรักษามูลค่าได้ดีที่สุดในโลก เป็น "ทองคำดิจิทัล" ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อและการเสื่อมค่าของสกุลเงินทั่วไป
จากข้อมูลล่าสุด ณ เดือนสิงหาคม 2025 บริษัท MicroStrategy ถือครอง Bitcoin ทั้งสิ้น 629,376 BTC ซึ่งทำให้บริษัทเป็นผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุดในบรรดาบริษัทมหาชนทั่วโลก
ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์มีมุมมองที่เป็นบวกอย่างยิ่งต่ออนาคตของ Bitcoin โดยเชื่อว่ามูลค่าของมันจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาลในระยะยาว และจะกลายเป็นรากฐานสำคัญของระบบการเงินโลก ขณะเดียวกัน เขามองว่าคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ ส่วนใหญ่จะล้มเหลวหรือไม่สามารถเทียบชั้นกับ Bitcoin ได้
ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์ ไม่ใช่แค่นักลงทุน แต่เขาคือผู้ที่มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าและได้เดิมพันอนาคตของบริษัทและชื่อเสียงของตนเองไว้กับ Bitcoin การตัดสินใจที่แน่วแน่และวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลของเขาได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลไปตลอดกาล และไม่ว่าอนาคตของ Bitcoin จะเป็นเช่นไร ชื่อของ "ไมเคิล เจ. เซย์เลอร์" จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของวงการคริปโตเคอร์เรนซีอย่างแน่นอน
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง