Bitazza Thailand Blog

เลือกตั้งสหรัฐฯและเศรษฐกิจมหภาค จะเป็นปัจจัยหลักต่อตลาดคริปโต ช่วงปลายปีนี้

เขียนโดย Bitazza Team - 15 ต.ค. 2024, 13:30:52

 

สัปดาห์ที่ 15-21 ตุลาคม 2567

Kamala Harris แคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาจากพรรคเดโมแครตเผยนโยบายสนับสนุนคริปโทเคอร์เรนซีให้กับกลุ่มคนผิวดำเพื่อช่วยเพิ่มความมั่งคั่งให้คนกลุ่มนี้ โดยมีข้อมูลว่า ชาวอเมริกันผิวดำกว่า 20% เป็นเจ้าของหรือเคยเป็นเจ้าของคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้ประชากรกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากการกำกับดูแลและการปกป้องนักลงทุน

Matt Hougan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bitwise กล่าวว่า ผลกระทบหลักที่มีต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มาจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจมหภาค และปัจจัยเฉพาะของตลาด หากไม่มีปัจจัยด้านลบที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ราคา Bitcoin (BTC) มีโอกาสขึ้นไปแตะระดับ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในปีนี้

DappRadar รายงานว่า ตัวเลขการใช้งานแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Application) หรือ DApp ในไตรมาสที่ 3 เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีจำนวนกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีการใช้งานรายวันสูงถึง 17.2 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 70% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจาก DApp ที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเพิ่มขึ้น 71% ขณะที่การใช้งาน DeFi ลดลงในไตรมาสเดียวกัน

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์นานาชาติ (IOSCO) ได้สำรวจความคิดเห็นใน 24 ประเทศ พบว่า ใน 15 ประเทศ นักลงทุนรายย่อย 10% หรือมากกว่านั้นเป็นเจ้าของคริปโทเคอร์เรนซี ขณะที่ในอีก 6 ประเทศ มีสัดส่วนสูงถึง 30% หรือมากกว่านั้น พุ่งสูงขึ้นจากในปี 2020 ที่ครึ่งหนึ่งของประเทศที่เข้าร่วมแบบสำรวจมีนักลงทุนที่เป็นเจ้าของคริปโทเคอร์เรนซีเพียง 1% ถึง 5% หรือน้อยกว่านั้น

Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum (ETH) เสนอความคิดเห็นให้ลดข้อกำหนดการวางสเตกให้มีขั้นต่ำอยู่ที่ 1 ETH จากในปัจจุบันที่อยู่ที่ 32 ETH เพราะขั้นต่ำในปัจจุบันอาจเป็นอุปสรรคต่อผู้คนจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมเครือข่าย การลดตัวเลขขั้นต่ำลงจะทำให้ผู้คนมากขึ้นสามารถมีส่วนร่วมในการส่งเสริมความปลอดภัยและการกำกับดูแล และช่วยให้ Ethereum มีการกระจายอำนาจมากขึ้น

จำนวนครั้งที่มีผู้ค้นหาคำว่า “Bitcoin” บน Google ลดลงต่ำสุดในรอบ 1 ปี ขณะเดียวกัน จำนวนครั้งในการค้นหาคำว่า “Memecoins” พุ่งสูงแตะระดับ 77 ครั้งในการค้นหา 100 ครั้ง โดย Ki Young Ju ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง CryptoQuant คาดว่า ความสนใจในเหรียญมีม (Memecoin) จะกลับมาทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลเดิมได้อีกครั้งภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ 

MatrixPort รายงานว่า มีผู้ใช้งานคริปโทเคอร์เรนซีแล้ว 7.51% จากประชากรโลกทั้งหมด และคาดว่าตัวเลขนี้จะสูงกว่า 8% ภายในปี 2025 ปัจจัยหลักที่ผลักดันการใช้งานมาจากการมีส่วนร่วมของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะผู้เล่นรายใหญ่อย่าง BlackRock 

 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) พุ่งทดสอบแนวต้านที่ 66,500 ดอลลาร์สหรัฐ แม้ยังไม่ผ่านแนวต้านนี้แต่การที่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่เหนือ 64,500 ดอลลาร์สหรัฐได้เป็นสัญญาณการฟื้นตัวเป็นขาขึ้น มองเป้าหมายสัปดาห์นี้ที่ระดับเหนือ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วน RSI ยังคงทำโมเมนตัมที่จะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้

  • แนวรับ: 2,000,000 บาท / 62,000 USD
  • แนวต้าน: 2,520,000 บาท / 70,000 USD



 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) พุ่งแรงตาม Boitcoin ทดสอบแนวต้านแรกที่ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มมีโอกาสทดสอบแนวต้านเป้าหมายที่ 2,750 ดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ หากมีการย่อตัวลง แนวรับแรกจะอยู่ที่ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ และแนวรับที่ 2 อยู่ที่ 2,270 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้ายืนเหนือ 2 แนวรับนี้ แนวโน้มจะยังสามารถปรับตัวขึ้นได้

  • แนวรับ: 76,000 บาท / 2,270 USD
  • แนวต้าน: 96,000 บาท / 2,750 USD

 

 

Book Of Meme (BOME)

Book Of Meme (BOME) ทำผลตอบแทน 54.55% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นแรงและเร็ว อาจจะเข้าสู่รอบย่อตัว ให้รอซื้อที่ระดับราคาที่ปลอดภัย ประเมินแนวรับที่ 0.0085 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถเข้าไปซื้อได้และใช้เป็นจุดตัดขาดทุนถ้าหากรับไม่อยู่ เป้าหมายอยู่ที่จุดสูงสุดเดิมที่ 0.014 ดอลลาร์สหรัฐ 

  • แนวรับ: 0.28 บาท / 0.0085 USD
  • แนวต้าน: 0.42 บาท / 0.014 USD

 

 

BabyDoge (BABYDOGE)

BabyDoge (BABYDOGE) ทำผลตอบแทน 40.29% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องแต่มีความผันผวนสูง หาจังหวะเข้าซื้อที่แนวรับ 0.0000000028 ดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายแนวต้านอยู่ที่จุดสูงสุดเดิมก่อนหน้านี้ที่  0.0000000038 ดอลลาร์สหรัฐ ราคามีความผันผวนสูงต้องอาศัยการซื้อขายอย่างมีวินัยสูง

  • แนวรับ: 0.000000090 บาท /  0.0000000028 USD
  • แนวต้าน: 0.00000014 บาท / 0.0000000038 USD

 

จับกระแสการลงทุน

การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทำให้ราคา Bitcoin (BTC) รวมถึงเหรียญทางเลือก (Altcoin) ฟื้นตัวกลับมา ประกอบกับความชัดเจนของนโยบายส่งเสริมคริปโทเคอร์เรนซีของ Kamala Harris และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ Bitcoin กลับมาให้ผลตอบแทนเป็นบวกในเดือนตุลาคมในที่สุด

จากสถิติในอดีต ตลาดขาขึ้นในปีที่เกิด Bitcoin Halving จะเกิดขึ้นตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป ประกอบกับการที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกายังสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยบวกที่สนับสนุนตลาดคริปโทเคอร์เรนซีต่อ 

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามประกาศงบประมาณไตรมาส 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หากตัวเลขเติบโตจะช่วยหนุนตลาดคริปโทเคอร์เรนซีให้เป็นไปในทางเดียวกัน

แม้ว่า Bitcoin จะปรับตัวขึ้นแรงแต่ดัชนี Total3 ย่อตัวลงเพียงเล็กน้อย บ่งบอกว่าเหรียญทางเลือกเองมีการฟื้นตัวขึ้นแรงเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มเหรียญมีม (Memecoin) ที่เติบโตมากกว่าตลาด อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญาณของเหรียญกลุ่ม DeFi โดยเฉพาะกลุ่ม Liquid Staking และ Restaking ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นเช่นกัน

มีโอกาสสูงที่ตลาดจะเข้าสู่ขาขึ้นเต็มตัว สามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้แต่ไม่เน้นการไล่ราคา กลยุทธ์ที่เหมาะสม คือ การซื้อเมื่อราคาย่อตัวหรือ Buy On Dip

 

แหล่งอ้างอิง

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน