Bitazza Thailand Blog

Ray Dalio แนะวิกฤติหนี้สหรัฐฯ อาจกระทบดอลลาร์ เพิ่มความต้องการคริปโต

เขียนโดย Bitazza Team - 10 ก.ย. 2025, 6:54:04

 

สัปดาห์ที่ 9 - 15 กันยายน 2568

Ray Dalio เตือนวิกฤติหนี้ของสหรัฐอเมริกากำลังกลายเป็นภัยคุกคามต่อสถานะของดอลลาร์สหรัฐในฐานะเงินสกุลสำรองโลกและเป็นหนึ่งในปัจจัยหนุนราคาทองคำและคริปโทเคอร์เรนซีที่นักลงทุนมองว่าเป็นเครื่องเก็บรักษามูลค่า (Store Of Value) ช่วยลดความเสี่ยงการด้อยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ แนะนักลงทุนแบ่งเงินบางส่วนทยอยสะสม

เว็บไซต์ BitcoinTreasuries.NET เปิดเผยว่า บริษัทมหาชนทั่วโลกสะสม Bitcoin รวมกันกว่า 1,000,698 BTC มูลค่ากว่า 111,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 5.1% ของซัพพลายทั้งหมด โดยผู้นำเทรนด์มาจากบริษัท Strategy ของ Michael Saylor ข้อมูลยังชี้ว่า มีเพียง 5.2% ของซัพพลายที่ยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะ Supply Shock ได้

วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาได้เผยร่างกฎหมาย Responsible Financial Innovation Act of 2025 ซึ่งเกี่ยวกับการจัดตั้ง Joint Advisory Committee on Digital Assets ระหว่างก.ล.ต. (SEC) และ CFTC ให้มีการทำงานร่วมกัน ตลอดจนการคุ้มครองนักพัฒนาโปรเจกต์ DeFi การชี้ชัดกฎเกณฑ์ของการแจกแอร์ดรอปและการแปลงเป็นโทเคน

ตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ของสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มการกำกับดูแลบริษัทมหาชนที่ระดมทุนเพื่อนำเงินไปซื้อคริปโตหลังเกิดกระแสนิยมในวงกว้าง โดยกำหนดว่าการเข้าซื้อต้องผ่านการโหวตจากผู้ถือหุ้น และบังคับให้บริษัทต้องเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกพักการซื้อขายหรือถึงขั้นถอดออกจากตลาด 

CryptoQuant เปิดเผยว่า ปริมาณ Ethereum (ETH) ที่อยู่บน Exchange Reserves ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี เหลือเพียงประมาณ 17.4 ล้าน ETH หลังจากเคยพุ่งสูงสุดที่ 28.8 ล้าน ETH ในเดือนกันยายน 2565 คาดว่ามาจากแรงซื้อของ ETF 

Ethereum Foundation เตรียมขายเหรียญ Ethereum จำนวน 10,000 ETH คิดเป็นมูลค่า 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อระดมทุนสำหรับงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงการบริจาคให้กับโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศของ Ethereum โดยจะทำการทยอยขายเป็นหลายคำสั่งเล็ก ๆ ผ่าน CEX เพื่อลดแรงกดดันต่อตลาด

 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) แนวโน้มเคลื่อนไหวออกข้างโดยมีแนวรับที่ 107,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ แนวโน้มมีโอกาสกลับตัวขึ้นต่อโดยมีเป้าหมายกลับไปที่จุดสูงสุดเดิม 124,000 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากหลุดแนวรับดังกล่าวอาจจะลงมาทดสอบได้ถึงระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

  • แนวรับ: 3,500,000 บาท / 107,000 USD
  • แนวต้าน: 4,000,000 บาท / 124,000 USD

 

 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) แนวโน้มอยู่ในทิศทาง Sideway Down โดยใกล้จะลงมาทดสอบแนวรับ 4,050 ดอลลาร์ ถ้าไม่หลุดจากระดับนี้แนวโน้มมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้โดยมีเป้าหมายที่จุดสูงสุดเดิม 4,900 ดอลลาร์ คาดว่าแนวโน้มจะเคลื่อนไหวออกข้างสะสมพลังอีกสักระยะ

  • แนวรับ: 132,000 บาท / 4,050 USD
  • แนวต้าน: 160,000 บาท / 4,900 USD

 

 

Zentry (ZENT)

Zentry (ZENT) ทำผลตอบแทน 50.68% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มยังปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลง แนวรับแรกที่ 0.0115 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถยืนได้ถือรอขายทำกำไรที่แนวต้าน 0.0165 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากหลุดแนวรับให้ชะลอลงทุนไปก่อน

  • แนวรับ: 0.32 บาท / 0.0115 USD
  • แนวต้าน: 0.50 บาท / 0.0165 USD

 

 

EigenLayer (EIGEN)

EigenLayer (EIGEN) ทำผลตอบแทน 20.77% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มกำลังฟื้นตัวกลับมาเป็นขาขึ้นในภาพใหญ่ หาจังหวะซื้อที่แนวรับ 1.11 ดอลลาร์สหรัฐ และขายทำกำไรที่แนวต้าน 1.70 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถผ่านแนวต้านนี้ไปได้ แนวโน้มมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ

  • แนวรับ: 36 บาท / 1.11 USD
  • แนวต้า: 54 บาท / 1.70 USD

 

จับกระแสการลงทุน

การประกาศตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) ออกมาต่ำกว่าคาดค่อนข้างมาก ทำให้ตลาดมีความคาดหวังว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ สะท้อนไปยังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลบวกต่อสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Bitcoin และทองคำ

จับตาการประกาศตัวเลข CPI ในวันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม 2568 ตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 2.9% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 2.7% แต่หากออกมาต่ำกว่าคาดจะส่งผลบวกต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเพราะเงินเฟ้อที่ไม่ได้เติบโตมากจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคณะกรรมการนโยบายการเงินลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้และน่าจะมีการส่งสัญญาณออกมาในการประชุมสัปดาห์หน้า

เหรียญทางเลือก (Altcoin) ในกลุ่ม DeFi, RWA, สเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) และเลเยอร์ 1 เป็นกลุ่มที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นตั้งแต่ต้นปี โดยสร้างผลตอบแทนในระดับ 38-45% ขณะที่กลุ่มเลเยอร์ 1, GameFi และ AI เกาะกลุ่มสร้างผลตอบแทนต่ำสุดในระดับติดลบ บ่งบอกว่าตลาดกำลังให้น้ำหนักการลงทุนไปยังเหรียญที่ได้แรงหนุนจากกฎหมาย GENIUS Act ชัดเจน

กลยุทธ์การลงทุน: เน้นเหรียญที่อยู่ในกระแสของตลาดขณะที่ Downside ของ Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) มีจำกัดแม้จะมีเม็ดเงินไหลออกจาก ETF แต่ไม่ได้อยู่ในระดับที่น่ากังวล ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในช่วงเดือนนี้ให้จับตาใกล้ชิด

 

แหล่งอ้างอิง

 

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน

 

เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog