Bitazza Thailand Blog

เช็กสัญญาณกลับตัวกับเทคนิคหา Bullish Divergence

what is Bullish Divergence

 

เป็นธรรมดาที่การจะทำกำไรไม่ว่าจะลงทุนใด ๆ เริ่มจากการมีต้นทุนถูกแล้วเอามาขายแพง การเทรดคริปโตฯ ที่มีต้นทุนต่ำ ตลาดแดง แล้วมาขายเมื่อตลาดเขียว ก็สร้างกำไรในการลงทุนได้แล้ว แต่คำถามคือ แล้วเมื่อไหร่ที่ตลาดจะแดงเพื่อรอเข้าซื้อหรือตลาดเขียวจนขายทำกำไร 
บทความนี้เราจะชวนมาดูเทคนิคของนักลงทุนที่หลาย ๆ คนใช้นั่นก็คือ การเช็กสัญญาณกลับตัว โดยเฉพาะการหาเหรียญที่กำลังเป็นทรง ‘Bullish Divergence’ ว่าหายังไง และนำไปใช้ได้อย่างไร มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย

 


Bullish Divergence คืออะไร?

Bullish Divergence คือ สัญญาณกลับตัวขาขึ้น โดยกราฟเป็นเทรนด์ขาลงชัดเจนมาก่อน แล้วจึงกลับตัวเป็นขาขึ้น โดยการกลับตัวขาขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของ ‘Divergence’ หรือเรียกว่าความขัดแย้งของราคากับเครื่องมือวัดผลที่สวนทางกัน (RSI, MACD, STO) เป็นต้น ทำให้ฟอร์มกราฟราคาจะสร้างรูปแบบเหมือนเขากระทิงนั่นเอง โดยปกติแล้วสัญญาณกับราคามักต้องไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ราคาลง RSI ก็ต้องลง เป็นภาวะปกติ หรือเรียกว่า ‘Convergence’ แต่หาก ราคาลง แต่ RSI ไม่ลง จะเรียกว่า ‘Divergence’ นั่นเอง โดยสามารถแบ่งสัญญาณแบบนี้ได้ 2 ประเภท คือ สัญญาณขาขึ้น (Bullish Divergence) และสัญญาณขาลง (Bearish Divergence) แต่วันนี้ขอเจาะลึกไปที่การหาสัญญาณขาขึ้นหรือ Bullish Divergence กันก่อน

 


what is differences between Regular and Hidden Bullish Divergence

 

ประเภทของ Bullish Divergence

สัญญาณกลับตัวขาขึ้น สามารถแบ่งออกได้อีก 2 แบบ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. Regular Bullish Divergence 

สัญญาณกลับตัวขาขึ้นในแบบปกติโดยที่จะเห็นทิศทางชัดเจนว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง โดยที่ราคากลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น โดยราคาจะกด Low ต่ำลง หรือเรียกว่า Lower Low ชัดเจน แต่ขณะเดียวกันเครื่องมือที่ใช้วัดหรือ Indicators ไม่ว่าจะใช้ RSI, MACD หรือเครื่องมืออื่น ๆ กลับแสดงผลสวนทางกลายเป็น ยก Low สูงขึ้น หรือเรียกว่า Higher Low 

2. Hidden Bullish Divergence 

สัญญาณกลับตัวขาขึ้นจากทิศทางที่เห็นชัดเจนว่าเป็น Side way หรือราคาวิ่งอยู่ในกรอบซึ่งแตกต่างจากสัญญาณกลับตัวขาขึ้นแบบปกติ อีกทั้งสัญญาณต่าง ๆ ระหว่างราคาจะยก Lowให้สูงขึ้นเป็น Higher Low และเครื่องมือ Indicators ที่ใช้วัดจะฟอร์มตัวทำกราฟเป็น Lower Low

 


วิธีดู Bullish Divergence บนกราฟ

นักเทรดหลายคนถามเข้ามาว่าการดู Bullish Divergence ดูยังไง โดยปกติแล้วการใช้สัญญาณกลับตัวจะใช้กราฟราคาประกอบกับการใช้เครื่องมือวัดผลหรือ Indicators โดยที่นิยมใช้มักจะเป็น MACD, RSI, Stochastic เป็นต้น โดยปกติแล้วสัญญาณราคาและเครื่องมือวัดผลจะไปในทางเดียวกัน แต่การหา Divergence เพื่อหาสัญญาณในการเข้าซื้อและวางขาย โดยเฉพาะการใช้เทคนิค Bullish Divergence จำเป็นต้องดูที่ราคาและเครื่องมือวัดผล และจำเป็นต้องดูในทิศทางที่ชัดเจนว่า ณ ตอนนั้นตลาดเป็นขาขึ้น หรือขาลงอีกด้วย 

การใช้เทคนิคนี้ต้องดูว่ากราฟราคาจะต่ำลงเป็น Lower Low หรือไม่ และเครื่องมือวัดผลจะยก Low สูงขึ้น เป็น Higher Low หรือเปล่าอีกด้วย

 


 

กลยุทธ์การเทรดด้วย Bullish Divergence

วิธีใช้ Bullish Divergence เพื่อหาจุดเข้าซื้อ (Entry Point)

การหาจุดเขาซื้อเมื่อใช้เทคนิคนี้ จำเป็นต้องเลือก Indicators ที่ได้รับการยอมรับอย่าง RSI , MACD , STO ซึ่งแต่ละเครื่องมือก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไปอีกด้วย อย่างไรก็ตามการหาจุดเข้าโดยใช้เทคนิคนี้มีวิธีการดังนี้

  1. เลือก Time Frame ที่ต้องจะใช้ดูกราฟและลักษณะการลงทุนที่เหมาะสมหากเล่นสั้น เก็งกำไรก็อาจจะขยับ TF มาเป็นหลักนาที หรือ ชม.
  2. เลือกเครื่องมือใช้วัดผลโดยแต่ละชนิดก็มีการใช้งานที่ต่างกัน
  3. เลือกดูราคาของเหรียญนั้น ๆ ในช่วงที่ต้องการหาจุดเข้าซื้อ โดยดูหลาย ๆ ส่วนประกอบไม่ว่าจะเป็นทิศทางราคาขาขึ้น-ขาลง-Side Way
  4. หาตุดราคาเป็นแพทเทิร์นตามที่คิดไว้ โดยราคาทำ Lower Low แต่เครื่องมือเช็กสัญญาณเป็น Higher Low ในตลาดขาขึ้น/ลง และราคาทำ Higher Low เครื่องมือเช็กสัญญาณเป็น Lower Low ในทิศทางราคา Side Way แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหลาย ๆ ชนิดช่วยคอนเฟิร์มแพทเทิร์น รวมถึงการแสดงสัญญาณหลอก ที่สำคัญอย่าตัดสินใจลงทุนด้วยแผนการเทรดเดียว เพราะจำเป็นต้องวิเคราะห์หลาย ๆ ปัจจัยก่อนการลงทุนเช่นกัน

วิธีตั้ง Stop Loss และ Take Profit

การวางจุด Stop Loss หรือจุด Take Profit ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ การรับความเสี่ยง รวมไปถึงภาระที่มี ซึ่งก็ไม่ผิดที่หลายคนตั้งจุดเบรกขาดทุนไว้ต่ำ เพื่อจะมีทุนไว้เก็งกำไรในอนาคต และก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่วางจุด Stop Loss ไว้สูง ขึ้นอยู่กับภาระ และเงินลงทุนที่ต้องการนั่นเอง

 


Bullish Divergence trading
 

ตัวอย่างการใช้งาน Bullish Divergence

ตามภาพจะเป็นกราฟที่แสดงถึงสัญญาณกลับตัวของเหรียญในลักษณะ Bullish Divergence โดยที่ราคาทำ Lower Low และ RSI Indicators ทำ Higher Low คือ การยก Low ใหม่สูงขึ้น นอกจากการใช้ RSI ปกติแล้วใน Exchange บางที่จะมีเครื่องมือเช็กสัญญาณ Divergence มาให้แบบสำเร็จรูปเลยนั่นเอง

 


Bullish Divergence graph

 

Bullish Divergence กับเครื่องมืออื่น ๆ

การใช้สัญญาณกลับตัววางแผนเทรดไปพร้อม ๆ กับการใช้เครื่องมืออื่น ๆ ในการลงทุนย่อมลดความเสี่ยงในการเทรดลงได้ไม่มากก็น้อย เพราะการพึ่งพาเทคนิคเดียวในการลงทุนอาจจะเจอสัญญาณหลอกเกิดขึ้นได้ โดยเครื่องมือหรือเทคนิคที่ใช้ร่วมกันมีดังนี้ 

  • ใช้ร่วมกับแนวรับแนวต้าน (Support & Resistance)

การใช้สัญญาณกลับตัวไปพร้อม ๆ กับแนวรับแนวต้าน จะช่วยให้เช็กได้ว่าสัญญาณกลับตัวเป็นสัญญาณจริงหรือไม่ เพราะหากสัญญาณที่เกิดขึ้นหลุดจากแนวรับหรือทะลุแนวต้าน ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแผนเทรดตามได้ทันที

  • ใช้ร่วมกับรูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)

การใช้กราฟแท่งเทียนไปพร้อม ๆ กับการเช็กจุดกลับตัว ก็ทำให้วางแผนเทรดได้เช่นกัน เพราะในกราฟแท่งเทียนจะบอกราคาเปิด-ปิด และไส้เทียน โดยหากกราฟแท่งเทียนเป็นสีเขียวราคาเปิดจะอยู่ด้านล่างและราคาปิดจะอยู่ด้านบน หมายถึงมีผู้เข้าซื้อจนราคาเพิ่มขึ้นเป็นสีเขียว หากแท่งเทียนเป็นสีแดงจะกลับกัน คือ คนขายมากจนทำให้ราคาตกลงเป็นสีแดงราคาเปิดจึงอยู่ด้านบนและราคาปิดจะอยู่ด้านล่าง เมื่อเช็กกับสัญญาณกลับตัว ก็อาจช่วยเช็กได้ว่าเป็นสัญญาณกลับตัวจริง ๆ หรือไม่นั่นเอง

  • ใช้ร่วมคู่กับเทรนด์ไลน์และ Fibonacci Retracement

การตีเส้นเทรด์ไลน์โดยใช้ Fibonacci Retracement จะใช้เพื่อหาแนวรับ-แนวต้าน ช่วยจับจังหวะการซื้อขายได้และเมื่อใช้ไปพร้อม ๆ กับการเช็กสัญญาณกลับตัวก็จะช่วยให้การเทรดมีความมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งการใช้เครื่องมือนี้ก็เป็นการทดสอบราคาที่มีนัยสำคัญของเหรียญนั้น ๆ ว่าราคาจะย่อลงหรือเด้งขึ้น หากผสมกับการเช็กสัญญาณกลับตัวก็จะช่วยคอนเฟิร์มแพทเทิร์นราคาของเหรียญได้มากขึ้น

 


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Bullish Divergence

  • Bullish Divergence ใช้ได้กับสินทรัพย์อะไรบ้าง?

การเช็กสัญญาณกลับตัวสามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งทองคำ หุ้น Tfex น้ำมันไปจนถึงเหรียญคริปโตฯ เป็นต้น 

  • ใช้ Bullish Divergence อย่างไรให้แม่นยำที่สุด?

การใช้เทคนิคนี้ให้แม่นยำที่สุดจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเทรดหลาย ๆ ชนิด ประกอบการลงทุนด้วยเพื่อลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดในการเทรดนั่นเอง

  • Bullish Divergence ผิดพลาดได้หรือไม่?

การใช้สัญญาณกลับตัวเป็นเพียงเครื่องมือหรือเทคนิคในการเทรด จึงมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดหรือสัญญาณหลอกได้ จึงต้องใช้เครื่องมือหลาย ๆ ชนิดเพื่อวิเคราะห์และประกอบการตัดสินใจให้มากที่สุด

 


Conclusion

การใช้ Divergence เป็นสัญญาณในการหาจุดกลับตัว โดยเฉพาะเมื่อเกิด Bullish Divergence จะช่วยดันราคาให้ขึ้นและเปลี่ยนเทรนด์ไปเป็นขาขึ้นจนสามารถสะสมกำไรให้เติบโตจนขยายพอร์ตได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการเทรดด้วยเทคนิคนี้จำเป็นต้องเช็กเครื่องมือหลาย ๆ อย่างไปพร้อม ๆ กันเพื่อวางแผน วางกลยุทธ์การเทรดได้ดีขึ้น แม่นยำขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้นั่นเอง

 

 


คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด

 


อ้างอิง