Share this
เช็กสัญญาณกลับตัวกับเทคนิคหา Bullish Divergence

เป็นธรรมดาที่การจะทำกำไรไม่ว่าจะลงทุนใด ๆ เริ่มจากการมีต้นทุนถูกแล้วเอามาขายแพง การเทรดคริปโตฯ ที่มีต้นทุนต่ำ ตลาดแดง แล้วมาขายเมื่อตลาดเขียว ก็สร้างกำไรในการลงทุนได้แล้ว แต่คำถามคือ แล้วเมื่อไหร่ที่ตลาดจะแดงเพื่อรอเข้าซื้อหรือตลาดเขียวจนขายทำกำไร
บทความนี้เราจะชวนมาดูเทคนิคของนักลงทุนที่หลาย ๆ คนใช้นั่นก็คือ การเช็กสัญญาณกลับตัว โดยเฉพาะการหาเหรียญที่กำลังเป็นทรง ‘Bullish Divergence’ ว่าหายังไง และนำไปใช้ได้อย่างไร มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย
Bullish Divergence คืออะไร?
Bullish Divergence คือ สัญญาณกลับตัวขาขึ้น โดยกราฟเป็นเทรนด์ขาลงชัดเจนมาก่อน แล้วจึงกลับตัวเป็นขาขึ้น โดยการกลับตัวขาขึ้น เป็นส่วนหนึ่งของ ‘Divergence’ หรือเรียกว่าความขัดแย้งของราคากับเครื่องมือวัดผลที่สวนทางกัน (RSI, MACD, STO) เป็นต้น ทำให้ฟอร์มกราฟราคาจะสร้างรูปแบบเหมือนเขากระทิงนั่นเอง โดยปกติแล้วสัญญาณกับราคามักต้องไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ราคาลง RSI ก็ต้องลง เป็นภาวะปกติ หรือเรียกว่า ‘Convergence’ แต่หาก ราคาลง แต่ RSI ไม่ลง จะเรียกว่า ‘Divergence’ นั่นเอง โดยสามารถแบ่งสัญญาณแบบนี้ได้ 2 ประเภท คือ สัญญาณขาขึ้น (Bullish Divergence) และสัญญาณขาลง (Bearish Divergence) แต่วันนี้ขอเจาะลึกไปที่การหาสัญญาณขาขึ้นหรือ Bullish Divergence กันก่อน

ประเภทของ Bullish Divergence
สัญญาณกลับตัวขาขึ้น สามารถแบ่งออกได้อีก 2 แบบ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. Regular Bullish Divergence
สัญญาณกลับตัวขาขึ้นในแบบปกติโดยที่จะเห็นทิศทางชัดเจนว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง โดยที่ราคากลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น โดยราคาจะกด Low ต่ำลง หรือเรียกว่า Lower Low ชัดเจน แต่ขณะเดียวกันเครื่องมือที่ใช้วัดหรือ Indicators ไม่ว่าจะใช้ RSI, MACD หรือเครื่องมืออื่น ๆ กลับแสดงผลสวนทางกลายเป็น ยก Low สูงขึ้น หรือเรียกว่า Higher Low
2. Hidden Bullish Divergence
สัญญาณกลับตัวขาขึ้นจากทิศทางที่เห็นชัดเจนว่าเป็น Side way หรือราคาวิ่งอยู่ในกรอบซึ่งแตกต่างจากสัญญาณกลับตัวขาขึ้นแบบปกติ อีกทั้งสัญญาณต่าง ๆ ระหว่างราคาจะยก Lowให้สูงขึ้นเป็น Higher Low และเครื่องมือ Indicators ที่ใช้วัดจะฟอร์มตัวทำกราฟเป็น Lower Low
วิธีดู Bullish Divergence บนกราฟ
นักเทรดหลายคนถามเข้ามาว่าการดู Bullish Divergence ดูยังไง โดยปกติแล้วการใช้สัญญาณกลับตัวจะใช้กราฟราคาประกอบกับการใช้เครื่องมือวัดผลหรือ Indicators โดยที่นิยมใช้มักจะเป็น MACD, RSI, Stochastic เป็นต้น โดยปกติแล้วสัญญาณราคาและเครื่องมือวัดผลจะไปในทางเดียวกัน แต่การหา Divergence เพื่อหาสัญญาณในการเข้าซื้อและวางขาย โดยเฉพาะการใช้เทคนิค Bullish Divergence จำเป็นต้องดูที่ราคาและเครื่องมือวัดผล และจำเป็นต้องดูในทิศทางที่ชัดเจนว่า ณ ตอนนั้นตลาดเป็นขาขึ้น หรือขาลงอีกด้วย
การใช้เทคนิคนี้ต้องดูว่ากราฟราคาจะต่ำลงเป็น Lower Low หรือไม่ และเครื่องมือวัดผลจะยก Low สูงขึ้น เป็น Higher Low หรือเปล่าอีกด้วย
กลยุทธ์การเทรดด้วย Bullish Divergence
วิธีใช้ Bullish Divergence เพื่อหาจุดเข้าซื้อ (Entry Point)
การหาจุดเขาซื้อเมื่อใช้เทคนิคนี้ จำเป็นต้องเลือก Indicators ที่ได้รับการยอมรับอย่าง RSI , MACD , STO ซึ่งแต่ละเครื่องมือก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไปอีกด้วย อย่างไรก็ตามการหาจุดเข้าโดยใช้เทคนิคนี้มีวิธีการดังนี้
- เลือก Time Frame ที่ต้องจะใช้ดูกราฟและลักษณะการลงทุนที่เหมาะสมหากเล่นสั้น เก็งกำไรก็อาจจะขยับ TF มาเป็นหลักนาที หรือ ชม.
- เลือกเครื่องมือใช้วัดผลโดยแต่ละชนิดก็มีการใช้งานที่ต่างกัน
- เลือกดูราคาของเหรียญนั้น ๆ ในช่วงที่ต้องการหาจุดเข้าซื้อ โดยดูหลาย ๆ ส่วนประกอบไม่ว่าจะเป็นทิศทางราคาขาขึ้น-ขาลง-Side Way
- หาตุดราคาเป็นแพทเทิร์นตามที่คิดไว้ โดยราคาทำ Lower Low แต่เครื่องมือเช็กสัญญาณเป็น Higher Low ในตลาดขาขึ้น/ลง และราคาทำ Higher Low เครื่องมือเช็กสัญญาณเป็น Lower Low ในทิศทางราคา Side Way แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหลาย ๆ ชนิดช่วยคอนเฟิร์มแพทเทิร์น รวมถึงการแสดงสัญญาณหลอก ที่สำคัญอย่าตัดสินใจลงทุนด้วยแผนการเทรดเดียว เพราะจำเป็นต้องวิเคราะห์หลาย ๆ ปัจจัยก่อนการลงทุนเช่นกัน
วิธีตั้ง Stop Loss และ Take Profit
การวางจุด Stop Loss หรือจุด Take Profit ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ การรับความเสี่ยง รวมไปถึงภาระที่มี ซึ่งก็ไม่ผิดที่หลายคนตั้งจุดเบรกขาดทุนไว้ต่ำ เพื่อจะมีทุนไว้เก็งกำไรในอนาคต และก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่วางจุด Stop Loss ไว้สูง ขึ้นอยู่กับภาระ และเงินลงทุนที่ต้องการนั่นเอง

ตัวอย่างการใช้งาน Bullish Divergence
ตามภาพจะเป็นกราฟที่แสดงถึงสัญญาณกลับตัวของเหรียญในลักษณะ Bullish Divergence โดยที่ราคาทำ Lower Low และ RSI Indicators ทำ Higher Low คือ การยก Low ใหม่สูงขึ้น นอกจากการใช้ RSI ปกติแล้วใน Exchange บางที่จะมีเครื่องมือเช็กสัญญาณ Divergence มาให้แบบสำเร็จรูปเลยนั่นเอง

Bullish Divergence กับเครื่องมืออื่น ๆ
การใช้สัญญาณกลับตัววางแผนเทรดไปพร้อม ๆ กับการใช้เครื่องมืออื่น ๆ ในการลงทุนย่อมลดความเสี่ยงในการเทรดลงได้ไม่มากก็น้อย เพราะการพึ่งพาเทคนิคเดียวในการลงทุนอาจจะเจอสัญญาณหลอกเกิดขึ้นได้ โดยเครื่องมือหรือเทคนิคที่ใช้ร่วมกันมีดังนี้
- ใช้ร่วมกับแนวรับแนวต้าน (Support & Resistance)
การใช้สัญญาณกลับตัวไปพร้อม ๆ กับแนวรับแนวต้าน จะช่วยให้เช็กได้ว่าสัญญาณกลับตัวเป็นสัญญาณจริงหรือไม่ เพราะหากสัญญาณที่เกิดขึ้นหลุดจากแนวรับหรือทะลุแนวต้าน ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนแผนเทรดตามได้ทันที
- ใช้ร่วมกับรูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
การใช้กราฟแท่งเทียนไปพร้อม ๆ กับการเช็กจุดกลับตัว ก็ทำให้วางแผนเทรดได้เช่นกัน เพราะในกราฟแท่งเทียนจะบอกราคาเปิด-ปิด และไส้เทียน โดยหากกราฟแท่งเทียนเป็นสีเขียวราคาเปิดจะอยู่ด้านล่างและราคาปิดจะอยู่ด้านบน หมายถึงมีผู้เข้าซื้อจนราคาเพิ่มขึ้นเป็นสีเขียว หากแท่งเทียนเป็นสีแดงจะกลับกัน คือ คนขายมากจนทำให้ราคาตกลงเป็นสีแดงราคาเปิดจึงอยู่ด้านบนและราคาปิดจะอยู่ด้านล่าง เมื่อเช็กกับสัญญาณกลับตัว ก็อาจช่วยเช็กได้ว่าเป็นสัญญาณกลับตัวจริง ๆ หรือไม่นั่นเอง
- ใช้ร่วมคู่กับเทรนด์ไลน์และ Fibonacci Retracement
การตีเส้นเทรด์ไลน์โดยใช้ Fibonacci Retracement จะใช้เพื่อหาแนวรับ-แนวต้าน ช่วยจับจังหวะการซื้อขายได้และเมื่อใช้ไปพร้อม ๆ กับการเช็กสัญญาณกลับตัวก็จะช่วยให้การเทรดมีความมั่นใจมากขึ้น อีกทั้งการใช้เครื่องมือนี้ก็เป็นการทดสอบราคาที่มีนัยสำคัญของเหรียญนั้น ๆ ว่าราคาจะย่อลงหรือเด้งขึ้น หากผสมกับการเช็กสัญญาณกลับตัวก็จะช่วยคอนเฟิร์มแพทเทิร์นราคาของเหรียญได้มากขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Bullish Divergence
-
Bullish Divergence ใช้ได้กับสินทรัพย์อะไรบ้าง?
การเช็กสัญญาณกลับตัวสามารถใช้ร่วมกันได้ทั้งทองคำ หุ้น Tfex น้ำมันไปจนถึงเหรียญคริปโตฯ เป็นต้น
-
ใช้ Bullish Divergence อย่างไรให้แม่นยำที่สุด?
การใช้เทคนิคนี้ให้แม่นยำที่สุดจำเป็นต้องใช้เครื่องมือเทรดหลาย ๆ ชนิด ประกอบการลงทุนด้วยเพื่อลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดในการเทรดนั่นเอง
-
Bullish Divergence ผิดพลาดได้หรือไม่?
การใช้สัญญาณกลับตัวเป็นเพียงเครื่องมือหรือเทคนิคในการเทรด จึงมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดหรือสัญญาณหลอกได้ จึงต้องใช้เครื่องมือหลาย ๆ ชนิดเพื่อวิเคราะห์และประกอบการตัดสินใจให้มากที่สุด
Conclusion
การใช้ Divergence เป็นสัญญาณในการหาจุดกลับตัว โดยเฉพาะเมื่อเกิด Bullish Divergence จะช่วยดันราคาให้ขึ้นและเปลี่ยนเทรนด์ไปเป็นขาขึ้นจนสามารถสะสมกำไรให้เติบโตจนขยายพอร์ตได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการเทรดด้วยเทคนิคนี้จำเป็นต้องเช็กเครื่องมือหลาย ๆ อย่างไปพร้อม ๆ กันเพื่อวางแผน วางกลยุทธ์การเทรดได้ดีขึ้น แม่นยำขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้นั่นเอง
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง
Share this
- Bitazza Blog (81)
- Crypto Weekly (41)
- DAO (15)
- Beginner (14)
- mission (11)
- ความปลอดภัย (11)
- บล็อกเชน (8)
- Learning Hub (6)
- การค้าขาย (6)
- หัวข้อเด่น (6)
- Tether (USDt) (5)
- ตลาด (5)
- วิจัย (5)
- bitcoin (4)
- Campaigns (3)
- Security (3)
- missions (3)
- เศรษฐศาสตร์ (3)
- Bitazza Insights (2)
- Stablecoin (2)
- Token talk (2)
- Trading (2)
- เกี่ยวกับการสอน (2)
- Crypto รายสัปดาห์ (1)
- Disclosure (1)
- ENJ (1)
- Educational (1)
- Featured (1)
- KYC (1)
- NFTs (1)
- SEC (1)
- TRUMP (1)
- TradingView (1)
- บิทาซซ่าบล็อกส์ (1)