Bitazza Thailand Blog

DCA คืออะไร? กลยุทธ์ลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุนที่นักลงทุนควรรู้

เขียนโดย Bitazza Team - 27 เม.ย. 2025, 17:11:36

 

ในโลกของการลงทุน มีกลยุทธ์หลากหลายที่นักลงทุนใช้เพื่อจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมคือการลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน หรือ Dollar-Cost Averaging (DCA) กลยุทธ์นี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดและสร้างวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

 

DCA คืออะไร

Dollar-Cost Averaging (DCA) คือกลยุทธ์การลงทุนที่นักลงทุนแบ่งเงินลงทุนออกเป็นงวด ๆ เท่า ๆ กัน และลงทุนในสินทรัพย์เป้าหมายตามช่วงเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส โดยไม่คำนึงถึงระดับราคาของสินทรัพย์ในขณะนั้น วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนทั้งหมดในครั้งเดียวในช่วงที่ราคาสูง และช่วยให้นักลงทุนได้ประโยชน์จากการซื้อสินทรัพย์ในราคาที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา 

การใช้กลยุทธ์ DCA ทำให้นักลงทุนสามารถซื้อสินทรัพย์ได้มากขึ้นเมื่อราคาลดลง และซื้อน้อยลงเมื่อราคาสูงขึ้น ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด นอกจากนี้ การลงทุนแบบ DCA ยังช่วยสร้างวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และลดความเครียดจากการพยายามจับจังหวะตลาดที่ยากต่อการคาดเดา

 

 

วิธีการทำ DCA

การลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-Cost Averaging หรือ DCA) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักลงทุนลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดและสร้างวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยหลักการสำคัญของ DCA คือการลงทุนเป็นงวด ๆ ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันในสินทรัพย์เดิมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุนรวม คริปโตเคอร์เรนซี หรือสินทรัพย์อื่น ๆ แม้ราคาจะขึ้นหรือลงก็ตาม ซึ่งช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลกับการจับจังหวะตลาด และลดโอกาสขาดทุนจากการลงทุนครั้งเดียวในช่วงราคาสูง

  1. กำหนดจำนวนเงินลงทุนในแต่ละงวด: การเริ่มต้นด้วยการกำหนดจำนวนเงินที่จะลงทุนในแต่ละงวดเป็นสิ่งสำคัญ นักลงทุนควรเลือกจำนวนเงินที่สามารถจัดสรรได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น หากมีรายได้เดือนละ 30,000 บาท อาจเลือกแบ่ง 10% หรือประมาณ 3,000 บาทมาลงทุนทุกเดือน การกำหนดจำนวนเงินคงที่ช่วยให้การลงทุนไม่เป็นภาระเกินไป และยังช่วยควบคุมอารมณ์ไม่ให้ทุ่มเงินมากเกินไปในช่วงตลาดบูม หรือหยุดลงทุนเมื่อราคาตก

  2. กำหนดความถี่ในการลงทุน: การเลือกความถี่ในการลงทุนเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างวินัยในการลงทุน นักลงทุนสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนรายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส โดยการลงทุนบ่อยครั้งขึ้น (เช่น รายสัปดาห์) อาจช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนได้ดีกว่า เนื่องจากการกระจายต้นทุนไปในหลาย ๆ ช่วงราคา อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาถึงค่าธรรมเนียมการลงทุนด้วย เพราะการลงทุนบ่อยครั้งอาจทำให้ต้นทุนค่าธรรมเนียมสูงขึ้น ในทางกลับกัน การลงทุนแบบรายเดือนเป็นตัวเลือกยอดนิยม เพราะสมดุลระหว่างความถี่กับค่าธรรมเนียม และยังสอดคล้องกับรอบรายได้ของคนส่วนใหญ่

  3. เลือกสินทรัพย์หรือกองทุนที่ต้องการลงทุน: การเลือกสินทรัพย์มีผลต่อความสำเร็จของ DCA อย่างมาก ควรพิจารณาสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว และสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน เช่น หุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง กองทุนดัชนี (Index Fund) ที่กระจายการลงทุนในหลายบริษัท หรือแม้แต่คริปโตเคอร์เรนซีหากยอมรับความเสี่ยงได้ โดยควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์นั้น ๆ อย่างรอบคอบ เช่น ผลประกอบการย้อนหลัง แผนการเติบโต และสภาวะตลาด เพื่อให้แน่ใจว่าสินทรัพย์ที่เลือกเหมาะกับกลยุทธ์ระยะยาว

  4. ติดตามและปรับปรุงแผนการลงทุน: นักลงทุนไม่ควรละเลยการตรวจสอบพอร์ตการลงทุนเป็นระยะ ๆ อาจเป็นทุก 6 เดือน หรือปีละครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าสินทรัพย์ที่ลงทุนยังมีศักยภาพอยู่หรือไม่ หากสินทรัพย์เริ่มมีแนวโน้มไม่ดี อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนการลงทุน หรือหากสถานการณ์ทางการเงินเปลี่ยนไป เช่น รายได้เพิ่มขึ้น ก็อาจเพิ่มเงินลงทุนในแต่ละงวดให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินที่ใหญ่ขึ้น

การใช้ DCA อย่างมีวินัยและอดทนในระยะยาว สามารถช่วยสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงได้ แม้ในช่วงตลาดขาลง เพราะทุกครั้งที่ราคาลดลง นักลงทุนจะได้ซื้อสินทรัพย์ในราคาถูกกว่าครั้งก่อน และเมื่อตลาดกลับมาฟื้นตัว มูลค่าพอร์ตการลงทุนก็จะเติบโตตามไปด้วย

 

 

ตัวอย่างการใช้ DCA ในคริปโตเคอเรนซี

สมมติว่าต้องการลงทุนใน Bitcoin (BTC) โดยใช้กลยุทธ์ DCA และตัดสินใจลงทุน 3,000 บาททุกเดือนเป็นระยะเวลา 1 ปี ไม่ว่าราคาของ BTC จะเป็นเท่าใดในแต่ละเดือน จะซื้อ BTC มูลค่า 3,000 บาทอย่างสม่ำเสมอ

ตัวอย่างวิธีการดำเนินการ DCA

  1. กำหนดจำนวนเงินลงทุนและระยะเวลา: ตัดสินใจว่าจะลงทุน 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 12 เดือน รวมเป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 36,000 บาท
  2. เลือกวันที่ลงทุน: กำหนดวันที่แน่นอนในแต่ละเดือนที่จะทำการลงทุน เช่น วันที่ 1 ของทุกเดือน เพื่อสร้างวินัยในการลงทุน
  3. ดำเนินการซื้อ BTC: ในแต่ละเดือน ไม่ว่าราคาของ BTC จะเป็นเท่าใด เราต้องซื้อ BTC มูลค่า 3,000 บาทอย่างสม่ำเสมอ

จากตัวอย่าง การใช้กลยุทธ์ DCA ในการลงทุน Bitcoin เป็นวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดและสร้างวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาและเลือกสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว และปฏิบัติตามแผนการลงทุนที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้

 

 

ข้อดีของการ DCA

การลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  1. สร้างวินัยในการลงทุน: การลงทุนแบบ DCA ช่วยสร้างวินัยในการลงทุน เนื่องจากนักลงทุนจะต้องลงทุนตามช่วงเวลาที่กำหนดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนรายสัปดาห์หรือรายเดือน ซึ่งจะช่วยสร้างนิสัยการออมและการลงทุนที่ดี โดยเฉพาะในระยะยาว การทำเช่นนี้จะทำให้นักลงทุนมีวินัยในการจัดการเงินและสะสมเงินเพื่อเป้าหมายการลงทุนในอนาคต

  2. ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด: การลงทุนแบบ DCA ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาตลาด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการขึ้นลงของราคาสินทรัพย์ในระยะสั้น ๆ เพราะการลงทุนในงวดที่สม่ำเสมอจะช่วยเฉลี่ยราคาซื้อ โดยอาจซื้อในราคาต่ำเมื่อราคาลดลงและซื้อในราคาสูงเมื่อราคาขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในระยะยาว

  3. ไม่ต้องจับจังหวะตลาด: หนึ่งในข้อดีสำคัญของ DCA คือช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องพยายามจับจังหวะการซื้อหรือขายสินทรัพย์ให้ถูกต้องในช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นเรื่องยากสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ เพราะตลาดมีความผันผวนและไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำ การลงทุนอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวทำให้ไม่ต้องตัดสินใจอย่างรีบร้อนหรือกังวลเรื่องราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลานั้น

  4. ช่วยกระจายความเสี่ยง: การลงทุนแบบ DCA สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี เนื่องจากการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในสินทรัพย์เป้าหมายในระยะยาวจะทำให้เงินลงทุนไม่ถูกผลกระทบจากการลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนมากเกินไป การกระจายความเสี่ยงนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนจากการลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดไม่ดี

  5. ไม่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการเริ่มต้นลงทุน: การลงทุนแบบ DCA ช่วยให้นักลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการเริ่มต้นลงทุน เนื่องจากสามารถแบ่งเงินลงทุนออกเป็นงวด ๆ ได้ การลงทุนเริ่มต้นเพียงแค่ 500 บาท หรือแม้แต่น้อยกว่านั้นก็สามารถทำได้ ด้วยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว นักลงทุนนั้นสามารถสร้างมูลค่าของพอร์ตการลงทุนได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในครั้งเดียว

 

ข้อเสียของ DCA

แม้ว่าการลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้นักลงทุนลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะตลาดที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม การใช้ DCA ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณา ดังนี้:

  1. อาจพลาดโอกาสในช่วงตลาดขาขึ้น: เมื่อใช้ DCA นักลงทุนจะซื้อสินทรัพย์ด้วยจำนวนเงินเท่ากันในทุกงวด ซึ่งอาจทำให้พลาดโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนในช่วงที่ตลาดกำลังขาขึ้น หากลงทุนทั้งหมดในครั้งเดียวในช่วงเวลาที่เหมาะสม อาจได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า

  2. ผลตอบแทนอาจต่ำกว่าการลงทุนครั้งเดียวในช่วงเวลาที่เหมาะสม: หากตลาดอยู่ในช่วงขาขึ้น การลงทุนแบบ DCA อาจทำให้ได้จำนวนหน่วยลงทุนที่น้อยลง เนื่องจากราคาสินทรัพย์สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ผลตอบแทนรวมต่ำกว่าการลงทุนทั้งหมดในครั้งเดียวในช่วงเวลาที่เหมาะสม 

  3. ต้องมีวินัยและความสม่ำเสมอในการลงทุน: การใช้ DCA ต้องการความสม่ำเสมอในการลงทุน หากขาดวินัยหรือไม่สามารถลงทุนตามแผนที่กำหนดไว้ อาจทำให้กลยุทธ์นี้ไม่ประสบความสำเร็จ

  4. อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนเร็ว: การลงทุนแบบ DCA เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว หากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น อาจต้องพิจารณากลยุทธ์การลงทุนอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของตน

  5. การเลือกสินทรัพย์ที่ไม่เหมาะสม: หากเลือกสินทรัพย์ที่ไม่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว การลงทุนแบบ DCA อาจไม่ช่วยเพิ่มมูลค่าของพอร์ตการลงทุนได้ ควรศึกษาพื้นฐานและแนวโน้มของสินทรัพย์ก่อนการลงทุน

 

 

การเปรียบเทียบ DCA กับ Lump Sum

การลงทุนแบบ DCA คือการทยอยลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น ทุกเดือนหรือทุกไตรมาส โดยไม่คำนึงถึงราคาของสินทรัพย์ในขณะนั้น ในทางกลับกันการลงทุนแบบ Lump Sum คือการนำเงินก้อนมาลงทุนทั้งหมดในครั้งเดียว โดยหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า เนื่องจากเงินทั้งหมดถูกนำไปลงทุนทันทีและสามารถเติบโตได้เต็มที่ในช่วงเวลาที่ตลาดเป็นขาขึ้น

ดังนั้นการเปรียบเทียบระหว่าง Dollar-Cost Averaging (DCA) และ Lump Sum เป็นการพิจารณาวิธีการลงทุนที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันตามลักษณะของตลาดและสถานการณ์การลงทุน

ลักษณะ

Dollar-Cost Averaging (DCA)

Lump Sum

ความเสี่ยง

ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

ความเสี่ยงสูง หากตลาดไม่เป็นไปตามคาด

ความสะดวก

ต้องการการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

ง่ายและรวดเร็วในการลงทุนทั้งหมดในครั้งเดียว

ผลตอบแทน

อาจได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าในตลาดขาขึ้น

สามารถได้รับผลตอบแทนสูงหากเลือกเวลาที่ดี

ความเหมาะสม

เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวและไม่ต้องการความเสี่ยงสูง

เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถจับจังหวะตลาดได้ดี

ความยืดหยุ่น

ใช้งานง่าย แม้มีเงินไม่มากก็สามารถลงทุนได้

ต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุนครั้งเดียว

 

การเลือกใช้กลยุทธ์ DCA หรือ Lump Sum ขึ้นอยู่กับลักษณะและวัตถุประสงค์ของนักลงทุน หากไม่ถนัดการจับจังหวะตลาดและต้องการความมั่นใจในการลงทุนระยะยาว DCA เป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากสามารถคาดการณ์ตลาดได้ดีและต้องการผลตอบแทนสูงในระยะสั้น Lump Sum อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า

 

เทคนิคการใช้ DCA ให้ได้ผลสูงสุด

การใช้กลยุทธ์ Dollar-Cost Averaging (DCA) อย่างมีประสิทธิภาพสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดและสร้างวินัยในการลงทุนได้ นี่คือเทคนิคที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนด้วย DCA

  1. กำหนดจำนวนเงินและความถี่ในการลงทุนที่เหมาะสม: เริ่มต้นด้วยการกำหนดจำนวนเงินที่สามารถจัดสรรเพื่อการลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ และกำหนดความถี่ในการลงทุน เช่น รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายไตรมาส
  2. เลือกสินทรัพย์การลงทุนที่มีศักยภาพ: การเลือกสินทรัพย์ที่มีความผันผวนของราคาในระยะสั้นและมีโอกาสเติบโตในระยะยาว เช่น กองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
  3. ใช้บริการ DCA อัตโนมัติจากบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทจัดการกองทุน: การใช้บริการ DCA อัตโนมัติช่วยให้เราสามารถลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการตัดสินใจลงทุนในแต่ละครั้ง และยังช่วยตัดอารมณ์ส่วนตัวออกไป
  4. ตรวจสอบและปรับพอร์ตการลงทุนเป็นระยะ: แม้ว่า DCA จะเป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ควรตรวจสอบและปรับพอร์ตการลงทุนเป็นระยะ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินและสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการ DCA

  • การลงทุนแบบ DCA เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน

การลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างวินัยในการลงทุนและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด โดยการลงทุนเป็นงวด ๆ ด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กันในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี วิธีนี้ช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องการจับจังหวะตลาด และสามารถเริ่มต้นได้ด้วยเงินลงทุนที่ไม่มาก

อย่างไรก็ตาม การลงทุนแบบ DCA อาจไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ หรือผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการวิเคราะห์ตลาด เนื่องจากการลงทุนแบบ DCA มุ่งเน้นที่การสร้างวินัยและลดความเสี่ยงมากกว่าการหาผลตอบแทนสูงสุด

  • ทำไมต้องใช้ DCA แทนการซื้อครั้งเดียว

  1. ความสามารถในการรับความเสี่ยง: การซื้อหุ้นทั้งหมดในครั้งเดียวอาจเสี่ยงหากตลาดมีความผันผวนหรืออยู่ในภาวะขาลง นักลงทุนอาจประสบกับการขาดทุนได้หากการตัดสินใจลงทุนไม่ถูกต้อง
  2. วัตถุประสงค์และระยะเวลาการลงทุน: หากมีวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาวและต้องการสร้างวินัยในการออม การใช้ DCA อาจเหมาะสมกว่า เนื่องจากช่วยให้การลงทุนอย่างสม่ำเสมอและไม่ต้องกังวลเรื่องการจับจังหวะตลาด
  3. ความรู้และประสบการณ์ในการวิเคราะห์ตลาด: การซื้อหุ้นทั้งหมดในครั้งเดียวต้องการความรู้และประสบการณ์ในการวิเคราะห์ตลาดอย่างลึกซึ้ง หากไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ การใช้ DCA อาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

  • ควรทำ DCA รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน

การกำหนดความถี่ในการลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  1. ความสม่ำเสมอและความสะดวกในการลงทุน: การลงทุนในความถี่ที่สอดคล้องกับกระแสเงินสด จะช่วยให้การลงทุนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไม่กระทบต่อการใช้จ่ายประจำวัน หากได้รับเงินเดือนรายเดือน การกำหนดให้การลงทุน DCA เป็นรายเดือนในวันที่ได้รับเงินเดือนอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเงินที่จัดสรรไว้สำหรับการลงทุนไปในทางอื่น ๆ
  2. ผลกระทบต่อผลตอบแทนและความเสี่ยง: จากการศึกษาพบว่า ความถี่ในการลงทุน DCA ไม่ได้มีผลต่ออัตราผลตอบแทนที่ได้รับอย่างชัดเจน แต่การลงทุนที่มีความถี่มากขึ้น เช่น รายวันหรือรายสัปดาห์ จะช่วยลดความผันผวนของอัตราผลตอบแทน เนื่องจากการเฉลี่ยต้นทุนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาว่าความถี่ในการลงทุนมากขึ้นอาจเพิ่มภาระในการจัดการและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย
  3. ความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุน: สำหรับคนที่มีมีวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาวและต้องการสร้างวินัยในการออม การกำหนดความถี่ในการลงทุนให้สอดคล้องกับรอบรายได้ เช่น รายเดือน อาจช่วยในการรักษาระดับการออมได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

 

Conclusion

การลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging (DCA) เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดและสร้างวินัยในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการลงทุนจำนวนเงินเท่า ๆ กันในสินทรัพย์ที่เลือกในระยะเวลาที่กำหนด เช่น รายเดือน หรือรายสัปดาห์ ทั้งนี้ การเลือกใช้ DCA ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การลงทุนและความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละคน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ไม่มั่นใจในการวิเคราะห์ตลาด การลงทุนแบบ DCA ถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยในการเริ่มต้นสร้างพอร์ตการลงทุนระยะยาว

 

 

คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด

 

อ้างอิง