Bitazza Thailand Blog

พบกับ Spark (SPK) ตัวจัดสรรเงินทุนบนเชน ผู้อยู่เบื้องหลัง DeFi, CeFi และ RWA

เขียนโดย Bitazza Team - 18 ธ.ค. 2025, 2:42:36

 

วิธีซื้อขาย Spark (SPK) บน Bitazza Thailand

ซื้อขายโทเคน SPK ได้อย่างง่ายดายบน Bitazza Thailand ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2568 เวลา 14.00 น. เพียงเข้าสู่ระบบ ฝากเงินบาท และค้นหาคู่ซื้อขาย SPK/THB จากเหรียญคริปโตที่มีให้เลือกมากกว่า 120 คู่ ตอนนี้คุณสามารถเพิ่ม SPK เข้าพอร์ตและเป็นส่วนหนึ่งของโปรโตคอลได้แล้ว (ข้อมูล ณ เดือนธันวาคม 2025)

 

Spark (SPK) คืออะไร

Spark เป็นแพลตฟอร์ม Onchain Capital Allocator หรืออธิบายง่าย ๆ คือ แพลตฟอร์มจัดสรรเงินทุนบนบล็อกเชนที่ดึงสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ก้อนใหญ่จากคลังสำรองของ Sky แล้วนำไปใช้งานต่อทั้งในโลก DeFi ระบบการเงินแบบรวมศูนย์ (CeFi)  และสินทรัพย์ในโลกจริง (RWA)

Spark จะรวบรวมสภาพคล่องแล้วส่งต่อไปตลาดปล่อยกู้ แหล่งสร้างผลตอบแทน และโปรเจกต์ RWA เพื่อเปลี่ยนเงินที่ไม่ได้ใช้งานให้กลายเป็นผลตอบแทนที่สร้างมูลค่าจริง แทนที่จะปล่อยให้สเตเบิลคอยน์นอนนิ่งอยู่เฉย ๆ ตามพูลต่าง ๆ

ฝั่งผู้ใช้งานจะเข้าถึงผลตอบแทนได้ผ่านผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่ายอย่าง sUSDS และ sUSDC ซึ่งเป็น Stablecoin ที่สร้างผลตอบแทน และยังเอาไปใช้ต่อใน DeFi ได้เหมือนเดิม ไม่ได้ถูกล็อกทิ้งไว้

ส่วน SPK คือ โทเคนกำกับดูแลและสเตกในระบบ Spark ช่วยให้ผู้ใช้งาน ผู้ให้สภาพคล่อง และนักพัฒนา มีส่วนร่วมและเติบโตไปพร้อมกัน 

SPK เป็นโทเคน ERC-20 บน Ethereum และมีจำนวนทั้งหมดจำกัดที่ 10,000 ล้านโทเคน

 

จุดประสงค์ของ Spark (SPK)

Spark สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาหลักของ DeFi ที่หลายคนเจอเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพคล่องที่กระจัดกระจาย ผลตอบแทนที่ขึ้นลงแรง และ Stablecoin ที่ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

เป้าหมายของ Spark อยู่ที่การทำหน้าที่เป็น “ตัวกลางจัดสรรเงินทุน” ดึงสภาพคล่องจากคลังของ Sky แล้วนำไปใช้งานต่อใน DeFi, CeFi และ RWA ช่วยให้โปรโตคอลต่าง ๆ มีสภาพคล่องดีขึ้น ตลาดกู้ยืมมีเสถียรภาพมากขึ้นและมีผลตอบแทนที่หลากหลายออกมาเป็น Stablecoin ที่ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายได้ และต่อยอดบนเชนได้เลย

Spark ไม่ได้เข้ามาแข่งกับโปรโตคอลอื่น แต่มีจุดประสงค์เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านสภาพคล่องที่ช่วยให้การเงินบนบล็อกเชนเคลื่อนที่ได้ลื่นขึ้นทั้งระบบ

 

ทำไมต้องเลือก Spark (SPK)

สภาพคล่องขนาดใหญ่ รองรับการเติบโตระยะยาว
Spark เชื่อมต่อกับคลัง Stablecoin ของ Sky มูลค่ากว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเงินไปใช้งานแล้วหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐใน DeFi, CeFi และ RWA ทำให้ถูกมองเป็นหนึ่งใน Capital Allocator รายใหญ่ของโลก DeFi

สร้างผลตอบแทนที่ใช้งานง่าย
เราสามารถฝาก USDC, USDT, USDS หรือ ETH ผ่าน Spark Savings แล้วรับเป็น sUSDS หรือ sUSDC ที่ให้ผลตอบแทน โทเคนพวกนี้ยังเอาไปใช้ต่อได้ ทั้งเป็นหลักประกัน เพิ่มสภาพคล่อง หรือใช้งานบนหลายเครือข่ายไม่ว่าจะเป็น Ethereum, Base, Optimism, Arbitrum, Unichain และ Gnosis

SparkLend ตลาดกู้ยืมที่โปร่งใส
SparkLend เป็นหนึ่งในตลาดกู้ยืมขนาดใหญ่ของ DeFi มีจุดเด่นอยู่ตรงสภาพคล่องลึก และใช้อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดผ่านการกำกับดูแล ไม่ผันผวนตามการใช้งานอย่างเดียว สภาพคล่องจาก Spark Liquidity Layer ช่วยให้เงื่อนไขการกู้ชัดเจน และลดความผันผวนของดอกเบี้ยสำหรับผู้กู้

Spark Liquidity Layer (SLL)
SLL เปรียบเสมือนเครื่องยนต์เบื้องหลัง Spark ทำหน้าที่กระจาย USDS, sUSDS และ USDC ไปยังโปรโตคอลต่าง ๆ เช่น Aave, Morpho และโปรเจกต์ RWA อย่าง BlackRock BUIDL


หนึ่งในตัวอย่างเด่น คือ Spark USDC Morpho Vault บน Base ที่ช่วยเติมสภาพคล่องให้ตลาด และถูกพูดถึงว่าเป็นส่วนสำคัญของบริการปล่อยกู้ USDC ของ Coinbase บนเครือข่าย

 

Spark (SPK) ทำงานอย่างไร

ความแตกต่างของ Spark อยู่ที่การเป็นตัวจัดสรรสภาพคล่องแบบเชิงรุก ดึงเงินจากคลังของ Sky แล้วใช้ Spark Liquidity Layer กระจายและปรับพอร์ตไปยังหลายเชน หลายกลยุทธ์ ตามกรอบความเสี่ยงที่คอมมูนิตี้กำหนดขึ้น

เงินฝากใน Spark Savings จะถูกแปลงเป็น sUSDS หรือ sUSDC แต่ยังคงความเป็น Onchain และนำไปใช้ต่อได้ ขณะที่ SparkLend ก็ใช้สภาพคล่องชุดเดียวกัน เพื่อเปิดให้ผู้กู้เข้าถึงเงินกู้ขนาดใหญ่ ในอัตราที่แข่งขันได้และโปร่งใสขึ้น

 

ข้อมูลเบื้องต้นของ Spark (SPK)

  • บล็อกเชน: Ethereum (ERC-20)
  • ปริมาณทั้งหมด: 10,000,000,000 SPK
  • ปริมาณหมุนเวียนในตลาด: 2,116,517,852.75 SPK (ณ วันที่ 15 ธันวาคม 2568)
  • การใช้งานหลัก: กำกับดูแล สเตก รักษาความปลอดภัยโปรโตคอล และเป็นแรงจูงใจด้านสภาพคล่องและผลตอบแทนในระบบนิเวศ

 

 

แหล่งอ้างอิง

CoinMarketCap
Phemex





คำเตือน

*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**ผลการดำเนินงานของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต