ปัจจุบัน เงินเฟียต (Fiat Money) คือ ระบบการเงินที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายที่สุดทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, ปอนด์อังกฤษ, เยนญี่ปุ่น หรือสกุลเงินหลักอื่น ๆ
เงินเฟียต แตกต่างจากระบบที่ผูกมูลค่ากับทองคำหรือโลหะมีค่า เพราะไม่ได้มีสินทรัพย์จริงค้ำประกัน แต่มูลค่าของมันมาจากความเชื่อมั่นในรัฐบาลผู้ออก และเสถียรภาพของเศรษฐกิจ การใช้เงินเฟียตทำให้รัฐบาลและธนาคารกลางสามารถ ควบคุมปริมาณเงิน อัตราดอกเบี้ย และสภาพคล่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจได้ง่ายขึ้น
ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่างที่ควรพึงรู้ บทความนี้จะพามาทำความเข้าใจว่าระบบเงินเฟียตนั้น คืออะไร แตกต่างจากสกุลเงินที่ผูกกับทองหรือคริปโตเคอร์เรนซีอย่างไร มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง รวมทั้งกลไกในการใช้งานเงินเฟียตในระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างไร
เงินเฟียต (Fiat Money) คือ สกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาล โดยไม่ได้มีสินทรัพย์อย่างทองคำค้ำประกัน ข้อดีของเงินเฟียตคือช่วยให้ธนาคารกลางควบคุมเศรษฐกิจได้มากขึ้น เพราะสามารถกำหนดปริมาณการพิมพ์เงินได้ โดยปัจจุบันสกุลเงินกระดาษส่วนใหญ่ถือเป็นเงินเฟียต เช่น ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นต้น ถึงอย่างนั้น เงินเฟียตก็มีความเสี่ยงเชน่กันในกรณีที่รัฐบาลพิมพ์เงินมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation)
เงินเฟียต คือสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาล ซึ่งไม่ได้มีสินทรัพย์จริงอย่างทองคำหรือเงินเป็นหลักค้ำประกัน แต่มี มูลค่ามาจากความเชื่อมั่นในรัฐบาลผู้ออก
มูลค่าของเงินเฟียตขึ้นอยู่กับ ความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์-อุปทาน และ เสถียรภาพของรัฐบาล มากกว่ามูลค่าของสินทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน
ตัวอย่างของสกุลเงินเฟียตนั้นมีหลายสกุล ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์สหรัฐ (USD) ยูโร (EUR) ปอนด์อังกฤษ (GBP) เยนญี่ปุ่น (JPY) เลกแอลเบเนีย (ALL) หรือรูปีอินเดีย (INR) ล้วนเป็นตัวอย่างของ เงินเฟียต ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาลผู้ออก ทำให้มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ถึงอย่างนั้น เสถียรภาพดังกล่าวก็ไม่ได้ถือว่าแน่นอนเสมอไป
ตัวอย่างกรณีเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นในประเทศซิมบับเว ช่วงต้นทศวรรษ 2000 เมื่อธนาคารกลางซิมบับเวเริ่ม พิมพ์เงินจำนวนมหาศาล เพื่อตอบสนองต่อปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง ส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าในช่วงนั้นค่าเงินซิมบับเวสูญเสียมูลค่ากว่า 99.9% ราคาสินค้าพุ่งสูงจนประชาชนต้อง หอบถุงเงินเต็ม ๆ เพื่อซื้อของจำเป็นเพียงเล็กน้อย ในที่สุดรัฐบาลต้องออกธนบัตร 100 ล้านล้านดอลลาร์ซิมบับเว ทำให้ประชาชนหันไปใช้สกุลเงินต่างประเทศ แทนเงินซิมบับเวอย่างแพร่หลาย
โดยทั่วไปแล้ว กลไกของการใช้งานเงินเฟียตในระบบเศรษฐกิจสามารถอธิบายออกมาเป็นข้อย่อย ๆ ได้ ดังนี้
โดยทั่วไปแล้ว สินทรัพย์อย่างเงินเฟียตก็มีข้อดีและข้อเสีย ดังนี้
เมื่อเปรียบเทียบเงินเฟียตกับสินทรัพย์ประเภทอื่นนั้น สามารถอธิบายความแตกต่างได้ ดังนี้
เงินเฟียตมีมูลค่าเพราะได้รับการรับรองจากความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อรัฐบาลผู้ออก แตกต่างจาก เงินที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันหรือธนบัตรที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นโลหะมีค่าได้ นั่นก็เพราะรัฐบาลกำหนดให้ประชาชนต้องชำระภาษีด้วยเงินเฟียต หากไม่ทำตามจะถูกลงโทษปรับหนักหรือจำคุก ทำให้ผู้คนยอมรับเงินเฟียตในการแลกเปลี่ยน ซึ่งแนวคิดนี้เรียกว่า Chartalism นอกจากนี้ยังมี ทฤษฎีเครดิต (Credit Theory) ที่มองว่า เงินทุกชนิดเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์หนี้และเครดิต แม้เงินจะไม่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน ก็ยังสามารถคงมูลค่าได้
ภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงอาจเกิดขึ้นได้เมื่อประเทศพิมพ์เงินของตนเอง แต่ส่วนใหญ่ประเทศพัฒนาแล้วมักเผชิญภาวะเงินเฟ้อในระดับปานกลาง ซึ่งเงินเฟ้อในระดับต่ำกลับเป็นปัจจัยบวก เพราะกระตุ้นให้ผู้คนนำเงินไปลงทุนหรือใช้จ่าย แทนการปล่อยทิ้งไว้ให้มูลค่าลดลง การมีสกุลเงินที่แข็งค่าและเสถียรถือเป็นภารกิจสำคัญของธนาคารกลาง เพราะค่าเงินที่อ่อนตัวรวดเร็วส่งผลเสียต่อการค้าและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทั้งนี้ ภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงมักไม่ได้เกิดจากการพิมพ์เงินเพียงอย่างเดียว แต่เชื่อมโยงกับปัญหาเศรษฐกิจจริง และ/หรือความไม่มั่นคงทางการเมืองเป็นหลัก
คริปโตเคอร์เรนซีไม่ถือเป็นเงินเฟียต เพราะเงินเฟียตคือสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาล และมีมูลค่าเกิดจากการกำหนดโดยกฎหมาย ในขณะที่คริปโตเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ ซึ่งมูลค่ามาจากบล็อกเชนของตัวเองและอุปสงค์ในตลาด ไม่ได้มีรัฐบาลหรือหน่วยงานกลางใด ๆ ค้ำประกัน คริปโตจึงยังคงเป็นอิสระจากการควบคุมของธนาคารกลางและนโยบายการเงิน ซึ่งแตกต่างจากเงินเฟียตโดยสิ้นเชิง
เงินเฟียต (Fiat Money) คือหัวใจของระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ที่ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นทางนโยบายการเงิน และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม เช่น ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation) หรือการสูญเสียความเชื่อมั่นในสกุลเงิน
การทำความเข้าใจหลักการทำงานของเงินเฟียตและบทบาทของธนาคารกลาง จะช่วยให้เรามองเห็นทั้งข้อดีและข้อจำกัดของระบบนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในยุคที่โลกการเงินกำลังเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และมีสินทรัพย์ดิจิทัล เข้ามาท้าทายบทบาทของเงินเฟียตมากขึ้น ความรู้เรื่องนี้จึงสำคัญต่อทั้งการใช้เงินในชีวิตประจำวัน และการตัดสินใจลงทุนในอนาคต
คำเตือน
*คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
**บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการให้คำแนะนำทางการเงินแต่อย่างใด
อ้างอิง