สัปดาห์ที่ 8 - 14 กรกฎาคม 2568
หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาผ่านร่างกฎหมาย “Big Beautiful Bill” ของประธานาธิบดี Donald Trump สภาฯ ได้ประกาศว่าวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 นี้จะพิจารณาร่างกฎหมายคริปโทเคอร์เรนซี 3 ฉบับ คือ GENIUS Act ร่างกฎหมายโครงสร้างของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง Clarity Act และร่างกฎหมายที่จะต่อต้านสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) โดยถือว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็น “สัปดาห์แห่งคริปโต” (Crypto Week)
Spot Bitcoin ETF ยังคงมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิอย่างต่อเนื่องในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพท์ซื้อรวม 65,000 BTC คิดเป็นมูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดเงินลงทุนสะสมรวมใกล้แตะ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกาสั่งชะลอการแปลงกองทุน Grayscale Digital Large Cap Fund เป็น ETF ชั่วคราวทั้งที่เพิ่งได้รับอนุมัติให้เริ่มซื้อขายได้เพียงวันเดียว นอกจากนี้ ยังกำลังอยู่ในช่วงพิจารณา ETF ของเหรียญอื่น ๆ อย่าง Solana (SOL), Ripple (XRP) ไปจนถึง Dogecoin (DOGE)
Standard Chartered คาด Bitcoin อาจแตะ 135,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3 โดยมีปัจจัยหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้า Spot Bitcoin ETF การเข้าลงทุนของบริษัทเอกชน รวมถึงการผ่านกฎหมาย Stablecoin ของสหรัฐอเมริกา
Nano Labs บริษัทผลิตไมโครชิปสัญชาติจีนเริ่มลงทุนในเหรียญ BNB มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามแผนที่จะถือครองให้ได้มูลค่าสูงสุด 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วน 5-10% ของปริมาณทั้งหมด โดยหุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นมาแล้ว 106% หลังประกาศข่าวซื้อ BNB
ธนาคารแห่งชาติคาซัคสถานเตรียมจัดตั้งคลังสำรองคริปโตภายใต้การบริหารของรัฐ โดยอาจใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่ยึดคืนมาได้และผ่านการขุดเหรียญที่รัฐดำเนินการ โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Kassym-Jomart Tokayev ได้ประกาศแผนเปิดตัวโครงการ "CryptoCity" ซึ่งเป็นเขตนำร่องที่สามารถใช้คริปโตในการชำระค่าสินค้าและบริการได้
ค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมใน DeFi ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนโดยแตะระดับ 577 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 58% จากจุดต่ำสุดในเดือนเมษายน โดยแพลตฟอร์ม PancakeSwap สร้างรายได้ค่าธรรมเนียมสูงสุดรองลงมาคือ Uniswap ตามด้วย Aave และ Maker
Bitcoin (BTC) มีการเบรคแนวต้านขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้สำเร็จ แสดงถึงโมเมนตัมในการปรับตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 112,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่แนวรับยกสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 105,000 ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มยังเป็น Sideway Up ได้อย่างต่อเนื่อง
Ethereum (ETH) เคลื่อนไหวแบบ Sideway Up ใช้แนวรับที่ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจุดในการเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลง เป้าหมายแนวต้านยังอยู่ที่ 2,850 ดอลลาร์สหรัฐ กลยุทธ์เข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวหรือ Buy On Dip ยังมองโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง
Bonk (BONK) ทำผลตอบแทน 49.98% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นค่อนข้างเร็ว หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวเพื่อลดความเสี่ยง แนวรับที่ 0.00001840 ดอลลาร์สหรัฐ ใช้เป็นทั้งจุดซื้อและตัดขาดทุน เป้าหมายแนวต้านอยู่ที่ 0.00002443 ดอลลาร์สหรัฐ
Moo Deng (MOODENG) ทำผลตอบแทน 24.10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาพักตัวลงเป็นโอกาสเข้าซื้อที่แนวรับ 0.16341 ดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายแนวต้านในการขายทำกำไรระยะสั้นอยู่ที่ 0.23818 ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มกำลังฟื้นตัวเป็นขาขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาสร้างจุดสูงสุดใหม่ประกอบกับแรงซื้อผ่าน ETF ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องช่วยหนุนราคา Bitcoin และตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีโมเมนตัมขาขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยจะยังไม่กลับมาในระดับปกติ แต่แรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันยังคงหนุนตลาด
จับตาสัปดาห์หน้าที่เรียกว่า Crypto Week ซึ่งจะมีการประกาศกฎหมายเกี่ยวกับคริปโต 3 ฉบับ อาจผลักดันตลาดเชิงบวกได้ในสัปดาห์นี้ ตลอดจนความคืบหน้าของการอนุมัติ ETF ของเหรียญทางเลือก (Altcoin) อื่น ๆ จาก ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกาที่จะช่วยผลักดันตลาด
เหรียญ Altcoin ที่น่าสนใจคือกลุ่ม DeFi จากการที่มูลค่าการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมการใช้งานปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงปริมาณการซื้อขายผ่าน CEX ทำจุดสูงสุดใหม่ ขณะที่กลุ่มเหรียญมีมมีแรงเก็งกำไรกลับเข้ามาด้วยเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน ให้ซื้อขายเก็งกำไรใน Bitcoin ที่มีโอกาสสร้างจุดสูงสุดใหม่และทยอยสะสม Altcoin ที่เกี่ยวข้องกับสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) และ DeFi ส่วนเหรียญมีมเน้นเก็งกำไรระยะสั้นเมื่อราคาย่อตัว
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog