สัปดาห์ที่ 5 - 11 สิงหาคม 2568
วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis เสนอร่างกฎหมายใหม่ชื่อ 21st Century Mortgage Act ที่อนุญาติให้ผู้ให้บริการสินเชื่อรายใหญ่ของประเทศอย่าง Fannie Mae และ Freddie Mac พิจารณาคริปโทเคอร์เรนซีเป็นสินทรัพย์ในการอนุมัติสินเชื่อบ้านสำหรับบุคคลทั่วไปโดยไม่ต้องแปลงเป็นเงินสด กลุ่มเป้าหมายสำคัญของร่างกฎหมายนี้ คือ คนรุ่นใหม่ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเป็นเจ้าของบ้าน
ประธาน ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา Paul Atkins กล่าวระหว่างการประชุมที่ America First Policy Institute ว่า ถึงเวลาที่บริษัทคริปโตที่ “หนี” ออกจากสหรัฐอเมริกาในช่วงก่อนหน้านี้ให้กลับมาได้แล้ว ขณะที่รัฐมนตรีคลัง Scott Bessent ประกาศว่าสหรัฐอเมริกากำลังก้าวเข้าสู่ “ยุคทองของคริปโต”
Tether เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 มีกำไรสูงถึง 4.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 277% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย USDt มีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 61.7% ของสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ทั้งหมด และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 164.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Tether เป็นผู้ถือตราสารหนี้สหรัฐอเมริกาอันดับที่ 18 ของโลก
บริษัท Strategy รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ทำกำไรสุทธิสูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังประกาศเตรียมออกหุ้นแบบ Preferred Stock (Series A STRC) มูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำเงินไปซื้อ Bitcoin เพิ่ม โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผน “42/42” ที่วางเป้าหมายถือครอง Bitcoin มูลค่า 84 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะยาว
Spot Bitcoin ETF เริ่มต้นเดือนสิงหาคม 2568 ด้วยเม็ดเงินลงทุนสุทธิไหลออก 812.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นวันที่มีเงินไหลออกมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ ขณะที่ Spot Ethereum ETF เกิดแรงเทขายเข้ามาทำให้สิ้นสุดการไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 20 วันติดด้วยการถอนเงินกว่า 152.26 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
JPMorgan ประกาศความร่วมมือกับ Coinbase เปิดทางให้ลูกค้าสามารถใช้บัตรเครดิตของธนาคารซื้อคริปโตได้เริ่มต้นตั้งแต่ในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยปีหน้าจะพัฒนาให้ลูกค้าธนาคารแลกคะแนน Chase Ultimate Rewards เป็นเหรียญ USDC นอกจากนี้ JPMorgan ยังมีแผนให้บริการสินเชื่อที่ใช้ Bitcoin และ Ethereum เป็นหลักประกัน
Bitcoin (BTC) ปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 112,000 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วมีแรงซื้อกลับทำให้แนวโน้มระยะสั้นถึงกลางยังเป็นขาขึ้นต่อ มีเป้าหมายที่ 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังต้องระวังแนวรับที่ระดับ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ คาดสัปดาห์นี้ราคาเคลื่อนไหว Sideway Up ต่อเนื่อง
Ethereum (ETH) ย่อตัวลงมาเล็กน้อยและฟื้นตัวต่อ ยังถือว่าแข็งกว่าตลาดในภาพรวม จับตาแนวรับที่ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐ หาจังหวะทยอยเข้าสะสมได้ ภาพทางเทคนิคยังสามารถปรับตัวขึ้นทดสอบเป้าหมายที่ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐได้ หาจังหวะซื้อเมื่อราคาย่อตัว
Toncoin (TON) ทำผลตอบแทน 9.24% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพรวมถือว่าแข็งกว่าตลาด เป้าหมายแนวต้านแรกอยู่ที่ระดับ 3.869 ดอลลาร์สหรัฐ แนวรับที่ใช้เป็นจุดเข้าซื้อได้อยู่ที่ 3.400 ดอลลาร์สหรัฐ คาดแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideway Up
TRON (TRX) ทำผลตอบแทน -0.16% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ Sideway Up หาจังหวะเข้าซื้อที่ราคาไม่ต่ำกว่า 0.2969 ดอลลาร์สหรัฐ และรอขายทำกำไรระยะสั้นที่แนวต้าน 0.3564 ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นทางเลือกลงทุนสำหรับผู้ไม่ต้องการความผันผวน
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีปรับฐานลงหลังจากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติคงดอกเบี้ยที่ 4.5% แต่ถ้อยแถลงหลังประชุมไม่ได้ให้คำมั่นว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนกันยายน 2568 นี้ตามที่เคยกล่าวไว้ โดยจะขอดูตัวเลขเศรษฐกิจก่อน
ขณะเดียวกันการประกาศตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) ที่ต่ำกว่าคาดค่อนข้างมากทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาถูกเทขายจากความกังวลด้านเศรษฐกิจและส่งผลมาถึงตลาดคริปโต อย่างไรก็ตาม ราคา Bitcoin (BTC) ยังยืนเหนือแนวรับสำคัญได้และฟื้นตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์
มอง Downside ของตลาดมีจำกัดและการปรับฐานมีโอกาสสิ้นสุดลงเร็ว ๆ นี้ คาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับการที่คณะกรรมการนโยบายการเงินจะลดดอกเบี้ยลง 0.25% ตามแผนเดิมโดยใช้ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดคริปโต
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน 2568 นี้ คือ ในช่วง 2 เดือนดังกล่าวผลตอบแทนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกามักไม่สู้ดีนัก ประกอบกับเริ่มมีแรงเทขายผ่าน ETF ออกมาหลังมีเม็ดเงินไหลเข้าตลอดทั้งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ผลกระทบต่อตลาดคริปโตน่าจะทำให้แนวโน้มยังคงเป็น Sideway Up ต่อ
Ethereum (ETH) ยังคงให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า Bitcoin ต่อเนื่อง ขณะที่ดัชนี Total3 ปรับฐานลงมาแต่ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ มองยังเป็นโอกาสทยอยสะสมเหรียญทางเลือก (Altcoin) ที่มีศักยภาพเติบโต
สัปดาห์นี้ยังมีการประกาศงบการเงินไตรมาส 2 ของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Apple, Microsoft, Meta และ Amazon ซึ่งมีสัดส่วนในดัชนี S&P500 ถึง 20% หากตลาดมีมุมมองเชิงบวกจะผลักดันตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาสร้างจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องซึ่งจะส่งผลบวกต่อตลาดคริปโต
กลยุทธ์การลงทุน: จับตาเหรียญที่มีการลงทุนโดยบริษัทเอกชน อาจมีแรงเก็งกำไรเข้ามาจากกระแส Strategy Model หาจังหวะที่ราคาพักตัวเข้าไปซื้อสะสมได้ ยังให้น้ำหนักตลาดกำลังเข้าสู่ Altcoin Season ต่อเนื่อง
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog