Bitazza Thailand Blog

อินโดนีเซียจ่อออก Stablecoin แห่งชาติ ใช้พันธบัตรรัฐบาลหนุน

เขียนโดย Bitazza Team - 5 พ.ย. 2025, 9:05:11

 

สัปดาห์ที่ 4 - 10 พฤศจิกายน 2568

ธนาคารกลางของมาเลเซียประกาศแผนพัฒนาระยะ 3 ปีเพื่อทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยีการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน (Asset Tokenization) ในระบบการเงินของประเทศ โดยจะมีทั้งการศึกษา Tokenized Deposits และสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ที่อิงสกุลเงินริงกิตและการนำสินทรัพย์ทางการเงินมาอยู่บนบล็อกเชน

ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซียกล่าวว่า ได้เตรียมออกหลักทรัพย์ดิจิทัลของธนาคารกลางซึ่งอ้างอิงจากรูเปียห์ดิจิทัล และมีพันธบัตรรัฐบาล (SBN) เป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งทางธนาคารกลางระบุว่าเป็นเสมือน “สเตเบิลคอยน์แห่งชาติ” ของอินโดนีเซีย

Visa มีแผนที่จะรองรับการใช้งาน Stablecoin จำนวน 4 เครือข่ายบล็อกเชนซึ่งจะสามารถแปลงเป็นสกุลเงินเฟียตได้ 25 สกุลทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่าในไตรมาสล่าสุดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่เชื่อมโยงกับ Stablecoin เพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยตั้งแต่ปี 2563 Visa มีการทำธุรกรรมคริปโทเคอร์เรนซีและ Stablecoin รวมกว่า 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

JPMorgan รายงานว่า ยอดการใช้งานเหรียญ USDC ของ Circle เติบโตเร็วกว่า USDT ของ Tether ทั้งในแง่มูลค่าตลาดและการใช้งานบนเชน มาจากปัจจัยเรื่องกฎหมาย GENIUS Act โดยมูลค่าตลาดของ USDC เพิ่มขึ้นจากราว 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมกราคม สู่ระดับ 74,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน หรือเติบโตมากถึง 72% ในขณะที่ USDT เติบโตเพียง 32% ในช่วงเวลาเดียวกัน

Standard Chartered คาดการณ์ว่า ตลาดสินทรัพย์ในโลกจริง (Real World Assets) จะเติบโตจากมูลค่าปัจจุบันราว 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2571 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 5,600% ภายใน 3 ปี และส่วนใหญ่เกิดการทำธุรกรรมผ่านเชน Ethereum 

Standard Chartered ให้มุมมองว่าถ้าหากสหรัฐฯ และจีนสามารถตกลงกันได้เรื่องสงครามการค้า ราคา Bitcoin มีโอกาสที่จะยืนเหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐไป นอกจากนี้ ยังย้ำว่าเม็ดเงินไหลเข้าผ่าน Bitcoin ETF มีความสำคัญต่อราคามากกว่าสถิติในอดีตของการเกิด Halving Cycle

 

 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) เปลี่ยนแนวโน้มเป็น Sideway หลังยังไม่ผ่านแนวต้าน 117,000 ดอลลาร์สหรัฐ หาจังหวะเข้าซื้อหากราคาไม่ต่ำกว่า 128,000 ดอลลาร์สหรัฐ คาดแนวโน้มสะสมพลังเพื่อขึ้นต่อ โดยหากผ่านแนวต้านแรกไปได้ถึงจะมองโอกาสกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม

  • แนวรับ: 3,400,000 บาท / 102,800 USD
  • แนวต้าน: 3,800,000 บาท / 117,000 USD



 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) เคลื่อนไหวแบบ Sideway มีแนวรับที่ 3,650 ดอลลาร์สหรัฐ หาจังหวะเข้าซื้อที่ราคาดังกล่าว ถ้ารับไม่อยู่ให้ชะลอลงทุนไปก่อน แต่หากยืนได้ เป้าหมายขายทำกำไรที่แนวต้าน 4,250 ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านแนวนี้ไปได้มองถึงการกลับไปจุดสูงสุดเดิม

  • แนวรับ: 118,500 บาท / 3,650 USD
  • แนวต้าน: 140,000 บาท / 4,250 USD



 

Virtuals Protocol (VIRTUAL)

Virtuals Protocol (VIRTUAL) ทำผลตอบแทน 39.36% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหาจังหวะซื้อเมื่อราคาย่อตัวหรือ Buy On Dip ที่แนวรับไม่ต่ำกว่า 1.40 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรอขายทำกำไรระยะสั้นที่แนวต้าน 1.98 ดอลลาร์สหรัฐ หรือถือต่อจากแนวโน้มที่กำลังกลับตัวขาขึ้น

  • แนวรับ: 44 บาท / 1.40 USD
  • แนวต้าน: 65  บาท / 1.98 USD

 

 

Official Trump (TRUMP)

Official Trump (TRUMP) ทำผลตอบแทน 27.74% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นแต่ยังไม่สามารถรับรองได้ว่าจะกลับตัวขาขึ้นในภาพใหญ่จนกว่าจะผ่านแนวต้าน 8.77 ดอลลาร์สหรัฐ หากราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับ 6.68 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถใช้เป็นจุดซื้อได้

  • แนวรับ: 220 บาท / 6.68 USD
  • แนวต้าน: 240 บาท / 8.77 USD

 

จับกระแสการลงทุน

ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ออกมาลดดอกเบี้ย 0.25% ตามที่คาด รวมถึงการยุติการทำ QT หรือนโยบายการเงินเคร่งครัด แต่ตลาดผิดหวังที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ได้แสดงความมั่นใจว่าการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้จะลดดอกเบี้ย
    
อย่างไรก็ตาม ยังมีข่าวดีที่สหรัฐฯ และจีนสามารถตกลงกันเรื่องของสงครามการค้าได้ทำให้บรรยากาศภาพรวมตลาดการเงินออกมาในเชิงบวก เช่นเดียวกับการประกาศงบของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ออกมาน่าพอใจทำให้ตลาดคริปโตสามารถฟื้นตัวได้ในช่วงสุดสัปดาห์
    
แม้ว่าเดือนตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ผลตอบแทนของ Bitcoin (BTC) จะออกมาติดลบ 3% ทั้งที่สถิติเดิมถือเป็นเดือนที่ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก แต่สถิติของ Bitcoin ในเดือนพฤศจิกายนมักจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดโดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 42.51% ถ้าหากผลตอบแทนออกมาในระดับดังกล่าว Bitcoin จะขึ้นไปแตะระดับ 160,000 ดอลลาร์สหรัฐ
    
ETF ของเหรียญทางเลือก (Altcoin) เริ่มที่จะเข้าซื้อขายในตลาดนำโดย SOL HBAR และ LTC โดยมีเพียงแค่ SOL ที่มีเม็ดเงินไหลเข้าอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินไหลเข้า ETF ของ BTC และ ETF ยังคงติดลบ
    
กลยุทธ์การลงทุน: มอง Downside ของ Bitcoin มีจำกัดจากปัจจัยบวกที่มากกว่าเชิงลบ สามารถทยอยเข้าซื้อรับตลาดขาขึ้นในเดือนนี้ รวมถึงสะสม Altcoin ที่มีมาร์เกตแคปใหญ่รอรับการเปิดตัว ETF 

 

แหล่งอ้างอิง

 

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน