Bitazza Thailand Blog

นักลงทุนสถาบันสนใจลงทุนใน Bitcoin มากกว่ารายย่อย

เขียนโดย Bitazza Team - 5 พ.ย. 2024, 10:56:20

 

สัปดาห์ที่ 5-11 พฤศจิกายน 2567

ดัชนีความผันผวนของ Bitcoin (BTC) หรือ Bitcoin Implied Volatility Index (DVOL) ที่จัดทำโดย Deribit พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้นแตะระดับ 63.24% ต่อปี สาเหตุหลักมาจากการที่ตลาดผันผวนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 

10X Research ระบุว่า ราคา Bitcoin จะพุ่งแตะ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในเดือนมกราคม 2568 จากสัญญาณซื้อที่มาจากการวิเคราะห์ของบริษัท รวมถึงดัชนี Bitcoin Dominance ที่แตะระดับ 60% มีส่วนในการผลักดันราคา อย่างไรก็ตาม  มองว่า Ethereum (ETH) ยังสร้างผลตอบแทนเป็นขาลงจากการที่ยังไม่มีพัฒนาการใหม่ ๆ

CryptoQuant เปิดเผยว่า ในปี 2567 นี้ นักลงทุนรายใหญ่ให้ความสนใจใน Bitcoin มากกว่านักลงทุนรายย่อย สอดคล้องกับจำนวนครั้งในการค้นหาคำว่า “Bitcoin” บน Google ที่ในปัจจุบันอยู่ที่ 23 ครั้งจากการค้นหา 100 ครั้งเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนการค้นหาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2564  ซึ่งนับว่าเป็นระดับสูงสุดที่เคยเกิดขึ้น ต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก

Bitwise มองว่า Bitcoin จะมีมูลค่าแตะ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ในฐานะการเป็นเครื่องเก็บรักษามูลค่า (Store of Value) จากปัจจุบันมีมูลค่าตลาดเพียง 7% เมื่อเทียบกับตลาดทองคำที่มีมูลค่า 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หากตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 25% ราคา Bitcoin น่าจะแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ โดยปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐอเมริกาจะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ

21Shares ได้ยื่นขออนุมัติจัดตั้ง Spot XRP ETF ต่อ ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา โดยจะจดทะเบียนและซื้อขายบน Cboe BZX Exchange และบริษัท Coinbase Custody Trust จะทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ นอกจากนี้ ทั้ง VanEck, 21Shares และ Canary Capital ต่างยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้ง Spot Solana ETF 

MicroStrategy เปิดเผยแผน 21/21 มีเป้าหมายระดมเงินทุน 42,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายใน 3 ปี โดยแบ่งเป็นหุ้น 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐและตราสารหนี้ 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสนับสนุนการซื้อ Bitcoin เพิ่มขึ้นจากตัวเลขปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมาที่ถือครองอยู่ประมาณ 252,220 BTC รวมมูลค่าตลาด 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) ย่อตัวลงตลอดทั้งสัปดาห์แต่แนวโน้มระยะสั้นยังคงโมเมนตัมขาขึ้นไว้ได้ จับตาแนวรับที่ 66,500 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถยืนได้ต่อเนื่อง จะยังสามารถปรับตัวขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 74,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ แต่หากหลุดระดับดังกล่าว โมเมนตัมขาขึ้นระยะสั้นจะเสียไป

  • แนวรับ: 2,160,000 บาท / 66,500 USD
  • แนวต้าน: 2,560,000 บาท / 74,000 USD

 

 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) ปรับตัวลงมาที่แนวรับระยะสั้นที่ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ หากราคานี้ไม่สามารถรับอยู่ อาจปรับตัวลงมาทดสอบระดับจุดต่ำสุดเดิมที่ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากสามารถยืนอยู่ได้ จะสามารถฟื้นตัวกลับไปที่เป้าหมายแนวต้าน 2,850 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อจบการเคลื่อนไหวแบบ Sideways และกลับตัวเป็นขาขึ้น

  • แนวรับ: 74,000 บาท / 2,100 USD
  • แนวต้าน: 96,000 บาท / 2,850 USD

 

 

Sui (SUI)

Sui (SUI) ทำผลตอบแทน 13.09% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มหลักเป็นขาขึ้นเต็มตัว กลยุทธ์การซื้อขายที่ใช้ คือ ซื้อเมื่อย่อตัว จุดซื้อแรกอยู่ที่ระดับ 1.60 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าสามารถรับอยู่ จะฟื้นตัวกลับไปทดสอบเป้าหมายแนวต้านที่เป็นจุดสูงสุดเดิมที่ 2.37 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 55 บาท / 1.60 USD
  • แนวต้าน: 80 บาท / 2.37 USD

 

 

Maker (MKR)

Maker (MKR) ทำผลตอบแทน 6.76% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มหลักยังเป็นขาลง ต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น หากราคาหลุดระดับต่ำสุดเดิมที่ 500 ดอลลาร์สหรัฐจะต้องตัดขาดทุนไปก่อน แต่หากสามารถยืนอยู่ได้ ราคาจะมีโอกาสกลับตัวทดสอบแนวต้านแรกที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 35,000 บาท / 500 USD
  • แนวต้าน: 48,000 บาท / 1,800 USD

 

จับกระแสการลงทุน

Bitcoin (BTC) สร้างผลตอบแทน 14% ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แม้ยังไม่สามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้แต่แนวโน้มยังมีแรงซื้อผ่าน Spot Bitcoin ETF เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในสัปดาห์นี้ อาจมีความผันผวนจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่คะแนนยังสูสีกัน ประกอบกับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ย 0.25% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้

การประกาศงบการเงินของบริษัทเทคโนโลยีผ่านไปเกือบครบทุกแห่งแล้ว เริ่มมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทขนาดใหญ่คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตว่าจะชะลอตัวลงในไตรมาสถัดไป อาจมีความเสี่ยงต่อการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและจะส่งผลถึงตลาดคริปโทเคอร์เรนซี

ดัชนี Bitcoin Dominance ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กดดันราคาเหรียญทางเลือก (Altcoin) แต่ยังมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมเหรียญที่มีโอกาสเติบโต เน้นไปที่กลุ่มบล็อกเชนเลเยอร์ 1 (Blockchain Layer 1) เป็นหลักรวมถึง Ethereum (ETH)

แม้ตลาดจะผันผวนหนัก แต่มองว่าหลังจากผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาไปสักระยะ ตลาดจะเริ่มผันผวนน้อยลงและปรับตัวขึ้นต่อได้ หาก Kamala Harris ชนะการเลือกตั้ง Bitcoin อาจย่อตัวลงก่อนเพราะตลาดผิดหวังกับผลการเลือกตั้ง แต่หาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง อาจมีการเทขายจาก Sell On Fact ก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อ กลยุทธ์การซื้อขาย คือ รอจังหวะราคาย่อตัวแล้วเข้าซื้อหรือ Buy On Dip 

 

แหล่งอ้างอิง

 

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน