Bitazza Thailand Blog

Bitwise คาด Bitcoin อาจมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2578

เขียนโดย Bitazza Team - 3 ก.ย. 2025, 8:00:31

 

สัปดาห์ที่ 2 - 8 กันยายน 2568

Bitwise คาดการณ์ว่า Bitcoin (BTC) อาจมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2578 อ้างอิงจากแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันและข้อจำกัดของซัพพลาย และคาดว่า Bitcoin จะสร้างผลตอบแทนเติบโตทบต้นต่อปี (CAGR) ถึง 28.3% ในทศวรรษหน้า ซึ่งสูงกว่าสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างหุ้น (6.2%) พันธบัตร (4.0%) และทองคำ (3.8%)

นักวิเคราะห์จาก JPMorgan คาดว่า ราคา Bitcoin ในปัจจุบันยังมีมูลค่าต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับทองคำจากการที่ความผันผวนของ Bitcoin ร่วงลงสู่ในระดับต่ำสุดตลอดกาลจากเดิมที่ความผันผวนของ Bitcoin เคยอยู่ที่ราว 60% เมื่อต้นปี ปัจจุบันได้ลดลงเหลือเพียง 30% เท่านั้น โดยราคาที่เหมาะสมของ Bitcoin ควรอยู่ที่ 126,000 ดอลลาร์สหรัฐในสิ้นปีนี้จึงจะมีสถานะเทียบเท่าทองคำในตลาดการลงทุนภาคเอกชน

BlackRock’s iShares ETF ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ถือ Bitcoin และ Ethereum (ETH) รายใหญ่ที่สุด ใกล้เคียงแพลตฟอร์มซื้อขายยักษ์ใหญ่อย่าง Coinbase และ Binance โดยถือครอง ETH แล้วกว่า 3.6 ล้าน ETH หากแนวโน้มยังมีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิคาดว่าจะสามารถแซง Coinbase ได้ภายในปี 2568 นี้

Standard Chartered ประเมินว่า Ethereum และบริษัทที่ถือครอง ETH ในรูปแบบ Ethereum Digital Asset Treasury (DAT) ยังคงมีมูลค่าที่ต่ำเมื่อเทียบกับศักยภาพในการเติบโตโดยบริษัทเอกชนที่ถือครอง ETH ได้ซื้อสะสมไปแล้วราว 2.6% ของซัพพลายในระบบ ขณะที่ Spot ETH ETF ซื้อไปอีก 2.3% รวมเป็นกว่า 4.9% ของซัพพลาย ETH ทั้งหมด ที่หายไปจากตลาดในเวลาไม่ถึง 3 คาดว่าบริษัทเหล่านี้อาจถือครองรวมกันได้ถึง 10% ของซัพพลาย ETH ทั้งหมด

CryptoQuant รายงานว่า มีการฝากเหรียญสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) กว่า 1.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเข้ามายังแพลตฟอร์ม Binance เป็นการส่งสัญญาณเตรียมพร้อมสำหรับการซื้อคริปโตรอบใหม่ ขณะเดียวกันยังมีการถอนเหรียญ Ethereum มูลค่าเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐออกจาก Binance

Bitfinex ระบุว่า ตลาดคริปโตปัจจุบันยังคงมีความระมัดระวังมากกว่าความกล้าเสี่ยงแม้ยังมีเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาด แต่แรงซื้อไม่ได้รุนแรงเหมือนรอบก่อนที่ราคา Bitcoin ทำจุดสูงสุด ส่งผลให้สภาวะตลาดเหรียญทางเลือก (Altcoin) ยังคงซบเซา โดยปัจจัยที่จะหนุนตลาดคริปโตคือการอนุมัติ ETF สำหรับ Altcoin

Zhou Xiaochuan อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางจีนออกมาแสดงความคิดเห็นว่า Stablecoin อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรและก่อให้เกิดความไม่มั่นคงต่อระบบการเงินหากไม่มีการกำกับดูแลที่รัดกุม และความจำเป็นในการใช้ Stablecoin อาจถูกประเมินสูงเกินจริง

 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) แนวโน้มระยะสั้นยังคงเป็นขาลง โดยมีเป้าหมายแนวรับถัดไปที่ 105,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากไม่สามารถยืนอยู่ได้ จะลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเป็นการเสียภาพขาขึ้น หากสามารถยืนอยู่ได้ยังมีโอกาสกลับไปทดสอบแนวต้านจุดสูงสุดเดิมที่ 124,000 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 3,400,000 บาท / 105,000 USD
  • แนวต้าน: 4,000,000 บาท / 124,000 USD

 

 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) แนวโน้มระยะสั้นเป็น Sideway Up ยังไม่มีการลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ มีแนวรับสำคัญที่ 4,260 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถใช้เป็นจุดซื้อได้ โดยมีเป้าหมายที่จุดสูงสุดเดิม 4,900 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากยืนไม่อยู่ แนวโน้มจะเสียภาพขาขึ้น

  • แนวรับ: 132,000 บาท / 4,260 USD
  • แนวต้าน: 160,000 บาท / 4,900 USD

 

 

Zentry (ZENT)

Zentry (ZENT) ทำผลตอบแทน 21.83% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาดีดตัวขึ้นหลังลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 0.0070 ดอลลาร์สหรัฐ ให้ตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับนี้เพราะแนวโน้มจะเป็นขาลงต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายขายทำกำไรระยะสั้นที่ 0.0100 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 0.22 บาท / 0.0070 USD
  • แนวต้าน: 0.34 บาท / 0.0100 USD

 

 

POL (POL)

POL (POL) ทำผลตอบแทน 17.83% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเริ่มมีการยกตัวสูงขึ้นจากจุดต่ำสุด จับตาแนวรับที่ 0.23 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถใช้เป็นจุดซื้อได้ เป้าหมายขายทำกำไรอยู่ที่แนวต้าน 0.31 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถผ่านไปได้แนวโน้มจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

  • แนวรับ: 6.00 บาท / 0.23 USD
  • แนวต้าน: 10.50 บาท / 0.31 USD

 

จับกระแสการลงทุน

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซียังอยู่ในระยะพักตัว แต่ภาพรวมยังคงเป็นขาขึ้นโดย Ethereum (ETH) ยังคงเป็นผู้นำตลาด นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) ที่จะตัดสินเรื่องอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้
    
ปัจจัยที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้อยู่ในวันศุกร์ที่ 5 กันยายน 2568 จะมีการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) ตลาดคาดออกมาที่ 84,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า หากตัวเลขยังชะลอตัวอาจเพิ่มโอกาสในการลดดอกเบี้ย
    
ผลประกอบการของ Nvidia ออกมาเติบโตกว่าคาด แต่ตลาดให้น้ำหนักกับการที่รายได้จากธุรกิจ Data Center ออกมาเติบโตน้อยกว่าคาดเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้เป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรวมถึงตลาดคริปโต
    
สถิติย้อนหลังเดือนกันยายนมักจะเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริการวมถึงราคา Bitcoin ทำผลงานได้ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์อาจไม่เหมือนเดิมหาก Fed ลดดอกเบี้ยอาจส่งผลบวกต่อตลาด
    
กลยุทธ์การลงทุนเน้นสะสมเหรียญที่มีพื้นฐานรองรับและอยู่ในกระแสของสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) เพื่อลงทุนระยะกลางถึงยาว เลี่ยงการเก็งกำไรระยะสั้นจนกว่าตลาดจะมีข่าวดีที่ชัดเจน 

 

แหล่งอ้างอิง

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน

 

เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog