สัปดาห์ที่ 2 - 8 ธันวาคม 2568
Spot Bitcoin ETF และ Spot Ethereum ETF มียอดเงินไหลเข้ารวมเป็นบวกรายสัปดาห์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม โดย Bitcoin ETF มีเงินไหลเข้าสุทธิ 70.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ Ethereum ETF มีเงินไหลเข้าสุทธิรวมประมาณ 312.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณชัดเจนว่า คริปโทเคอร์เรนซียังคงผิดกฎหมายในจีนแผ่นดินใหญ่ ระบุว่าสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทสกุลเงินเสมือนไม่มีสถานะเทียบเท่าเงินตราตามกฎหมาย ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และไม่สามารถใช้เป็นเงินสำหรับการชำระค่าสินค้าและบริการรวมถึงประกาศปราบกิจกรรมผิดกฎหมายและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
รัฐเท็กซัสเดินหน้าลงทุน Bitcoin เป็นทรัพย์สินของรัฐ ด้วยการซื้อกองทุน IBIT มูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกันงบประมาณเพิ่มอีก 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อ Bitcoin แบบ Self-Custody โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผู้ว่าการรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมายให้รัฐจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve
รัฐบาลราชอาณาจักรภูฏานได้สเตก Etherereum จำนวน 320 ETH ผ่านผู้ให้บริการสเตกกิง Figment คิดเป็นมูลค่าประมาณ 970,000 ดอลลาร์สหรัฐ จากก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ภูฏานประกาศ ย้ายระบบ Self-Sovereign Digital ID จากเครือข่าย Polygon มาสู่ Ethereum
Kevin Hassett ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติของทำเนียบขาว (National Economic Council) มีชื่อขึ้นมาเป็นตัวเก็งในตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คนใหม่ Hassett มีบทบาทสำคัญในการร่างแนวทางกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลฉบับใหม่ของรัฐบาลในปีที่ผ่านมาและยังถือหุ้น Coinbase มูลค่าอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Phong Le ซีอีโอของ Strategy เปิดเผยว่า บริษัทจะพิจารณาขาย Bitcoin ก็ต่อเมื่อ mNAV ของหุ้นหลุดต่ำกว่า 1 เท่าและบริษัทไม่สามารถระดมทุนเพิ่มเติมได้ การขาย Bitcoin จะเป็นการทำเพื่อรักษาผลตอบแทน Bitcoin ต่อหุ้น แต่เขาก็ย้ำว่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
Bitcoin (BTC) ขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 90,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ การปรับตัวลงมารอบนี้ หากหลุดระดับจุดต่ำสุดเดิมที่ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต้องตัดขาดทุนไปก่อนเพราะแนวโน้มมีโอกาสปรับตัวลงต่อ แต่หากยืนได้ มองเป็นการเก็งกำไรระยะสั้นจนกว่าจะผ่าน 90,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อยืนยันการกลับตัวขาขึ้นเสียก่อน
Ethereum (ETH) ยังไม่สามารถกลับตัวเป็นขาขึ้นได้หลังไม่ผ่านแนวต้านที่ 3,050 ดอลลาร์สหรัฐและมีการปรับตัวลงมา จับตาแนวรับที่จุดต่ำสุดเดิมที่ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ หากรับไม่อยู่จะยังคงเป็นขาลงต่อ แต่หากยืนได้ใช้เป็นจุดในการเข้าซื้อได้
Velo (VELO) ทำผลตอบแทน 28.76% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา การที่ยังไม่ผ่านแนวต้านที่ 0.0076 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้แนวโน้มยังไม่สามารถกลับตัวเป็นขาขึ้นได้ จับตาแนวรับที่จุดต่ำสุด 0.0046 ดอลลาร์สหรัฐ หากหลุดระดับนี้ ใช้เป็นจุดตัดขาดทุน เป้าหมายผ่านแนวต้านที่ 0.0076 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อกลับตัวขาขึ้น
Sky (SKY) ทำผลตอบแทน 28.62% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นแรงหลังลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 0.045 ดอลลาร์สหรัฐ หาจังหวะเข้าซื้อหากราคาไม่หลุดต่ำกว่าระดับดังกล่าว หากสามารถยืนได้ จะมีเป้าหมายขายทำกำไรที่จุดสูงสุดเดิมที่ 0.056 ดอลลาร์สหรัฐ
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีฟื้นตัวขึ้นหลังตลาดมองความน่าจะเป็นถึง 80% ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า จากเดิมที่ตัวเลขนี้อยู่ที่ระดับ 40% ก่อนที่ต้นสัปดาห์จะได้รับข่าวลบจากการแฮ็กโปรเจกต์ DeFi อย่าง Yearn
ประกอบกับการออกมาให้สัมภาษณ์ของ Phong Le ซีอีโอของ Strategy ที่บอกว่าอาจต้องขาย Bitcoin (BTC) หากจำเป็นเพื่อปลดล๊อกการลงทุนเพิ่มทำให้ราคา Bitcoin ปรับตัวลง โดยการออกมาประกาศของ Michael Saylor ที่จะตั้งเงินสำรองสำหรับการจ่ายปันผลของหุ้น Strategy ทำให้บรรยากาศของตลาดดีขึ้น
สัปดาห์นี้จะไม่มีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญจนกว่าจะถึงสัปดาห์หน้าที่จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ ปัจจัยบวกที่เริ่มเห็น คือ ยอดการไหลเข้าใน Bitcoin ETF และ Ethereum ETF ที่กลายเป็นบวกครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์
ภาพรวมตลาดยังไม่เกิดจุดกลับตัวของราคาชัดเจนแต่ราคาเหรียญที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ปรับตัวลงมาในระดับที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว สามารถทยอยเข้าลงทุนได้ในสัดส่วนไม่เกิน 15% ของพอร์ต
กลยุทธ์การลงทุน: ตลาดยังมีความผันผวนแม้ราคาจะปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก การทยอยเข้าลงทุนยังต้องใช้เงินลงทุนจำนวนไม่มาก นอกจาก BTC และ ETH ยังสามารถลงทุนในเหรียญที่มีพื้นฐานรองรับอย่าง Solana (SOL) และ BNB ได้
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน