สัปดาห์ที่ 29 ตุลาคม - 4 พฤศจิกายน 2567
ผู้ถือหุ้น Microsoft เสนอวาระการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 10 ธันวาคม 2567 นี้ ให้บริษัทพิจารณาลงทุนใน Bitcoin (BTC) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคอื่น ๆ โดยสำนักงานการวิจัยของสหรัฐอเมริกา (NCPPR) ผลักดันข้อเสนอนี้พร้อมยกตัวอย่างความสำเร็จของ MicroStrategy ขณะที่คณะกรรมการของบริษัทแนะนำให้ผู้ถือหุ้นลงคะแนนคัดค้านข้อเสนอดังกล่าว
Paul Tudor Jones นักลงทุนระดับตำนานเผยว่า ได้ลงทุนในทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นเทคโนโลยีและ Bitcoin เพื่อที่จะเอาชนะเงินเฟ้อซึ่งคาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
Bernstein Research ระบุว่า ราคา Bitcoin มีโอกาสแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปี 2568 โดยมีแรงผลักดันมาจากการลงทุนของนักลงทุนสถาบันที่จะกระจายความเสี่ยงเข้ามาลงทุนใน Bitcoin ผ่าน ETF
ธนาคาร Standard Chartered คาดว่า ราคา Bitcoin จะแตะระดับ 125,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงสิ้นปีนี้หากพรรครีพับลิกันครองเสียงในรัฐสภาสหรัฐอเมริกาหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดย Bitcoin จะแตะระดับ 73,000 ดอลลาร์สหรัฐหลังรู้ผลการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม หาก Kamala Harris ชนะการเลือกตั้ง ราคา Bitcoin อาจย่อตัวลงแต่ก็ยังสามารถแตะระดับ 75,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ในช่วงสิ้นปีนี้
นักวิเคราะห์จาก Hashkey Capital มองว่า หาก Bitcoin แตะระดับ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐอาจทำให้เกิด Altcoin Season ได้ นอกจากนี้ ดัชนี Bitcoin Dominance อาจจะต้องแตะระดับ 62% ถึง 70% จากในปัจจุบันอยู่ที่ราว 59% ขณะที่ขาลงของเหรียญทางเลือก (Altcoin) ในเวลานี้นับว่านานที่สุดในประวัติศาสตร์
Binance Research เผยว่า 80% ของผู้ลงทุนใน Spot Bitcoin ETF เป็นนักลงทุนรายย่อยซึ่งเป็นกลุ่มที่ย้ายเงินจากกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัวและเว็บเทรดมาอยู่ใน ETF ที่มีกฎหมายคุ้มครองมากกว่า อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ปรึกษาการลงทุนและกองทุนเฮดจ์ฟันด์เป็นกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่เติบโตเร็วที่สุด
CryptoQuant ระบุว่า ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา แรงซื้อใน Spot Bitcoin ETF แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยมีกระแสสุทธิไหลเข้าทั้งหมด 65,962 BTC นอกจากนี้ Spot Bitcoin ETF มีกระแสเงินไหลเข้าสะสมทั้งหมดสูงถึง 21,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมกราคม 2567
Bitcoin (BTC) ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ แต่การย่อตัวลงมายังไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่และ RSI ยังยกตัวสูงขึ้น บ่งบอกถึงโมเมนตัมเชิงบวกของราคา คาดว่าจะสามารถผ่านแนวต้านแรกขึ้นไปยังเป้าหมายที่ 74,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ก่อนจะถูกขายทำกำไร ให้ใช้กลยุทธ์ซื้อเมื่อราคาย่อตัว
Ethereum (ETH) แนวโน้มยัง Sideway แต่ยังคงมีโอกาสผ่านแนวต้านที่ 2,850 ดอลลาร์สหรัฐไปได้จากการที่จุดต่ำสุดมีการยกตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังมองเป็นโอกาสในการเข้าทยอยสะสมในระยะยาวโดยตั้งแนวรับที่ 2,520 ดอลลาร์สหรัฐ การจะกลับตัวเป็นขาขึ้นเต็มตัวยังต้องผ่านแนวต้านไปให้ได้ก่อน
Radium (RAY) ทำผลตอบแทน 43.25% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาสามารถผ่านแนวต้านแรกที่ 2.80 ดอลลาร์สหรัฐมาได้และราคานี้จะทำหน้าที่เป็นแนวรับต่อ ในระยะสั้น ราคาติดแนวต้านที่จุดสูงสุดเดิมที่ 3.60 ดอลลาร์สหรัฐ อาจมีการย่อตัวลงแต่หากผ่านไปได้จะมีเป้าหมายแนวต้านที่ 4 ดอลลาร์สหรัฐ
Smooth Love Potion (SLP) ทำผลตอบแทน 9.30% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการปรับตัวขึ้นชนแนวต้านที่ 0.0036 ดอลลาร์สหรัฐและมีการย่อตัว จับตาแนวรับที่จุดต่ำสุดเดิมที่ 0.0022 ดอลลาร์สหรัฐ หากไม่หลุดจากระดับนี้ยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยต้องผ่านแนวต้านที่ 0.0036 ดอลลาร์สหรัฐถึงจะกลับตัวขาขึ้น
คะแนนโพลการเลือกตั้งในหลายสำนักเริ่มแสดงให้เห็นคะแนนของ Donald Trump ที่ออกนำ Kamala Harris ทำให้ Bitcoin (BTC) มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สัปดาห์นี้มีปัจจัยสำคัญอยู่ที่การประกาศงบไตรมาส 3 ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Apple, Alphabet และ Microsoft ซึ่งจะมีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริการวมถึงราคา Bitcoin
วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 นี้ สหรัฐอเมริกาจะประกาศคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 คาดว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 3% เท่ากับการคาดการณ์ครั้งก่อน ส่วนในวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายนนี้ จะประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) คาดว่าจะอยู่ที่ 111,000 ตำแหน่ง ลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 254,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงาน คาดว่าจะอยู่ที่ 4.1% เท่ากับเดือนก่อน แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะมีผลต่อราคา Bitcoin น้อยลง แต่หากตัวเลขที่ประกาศออกมาผิดไปจากที่คาดการณ์มากก็สามารถสร้างความผันผวนให้ตลาดได้
จากสถิติที่ผ่านมา ในเดือนตุลาคม Bitcoin มีโอกาสสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้มากที่สุด แต่เดือนพฤศจิกายนจะเป็นเดือนที่ Bitcoin สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงสุดที่ 46.81% ด้านกลยุทธ์ ยังเน้นสะสม Bitcoin ต่อเนื่อง มองว่าตลาดสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้แม้ว่า Donald Trump จะแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่อาจปรับขึ้นในอัตราต่ำกว่าที่คาดไว้
เหรียญทางเลือก (Altcoin) หลายเหรียญเริ่มกลับตัวเป็นขาขึ้น ในภาพรวม สามารถเริ่มต้นทยอยสะสมได้ อย่างไรก็ตาม มองว่า Altcoin Season จะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้จนกว่า Bitcoin จะขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่แล้วระยะหนึ่ง ดังนั้น ยังให้น้ำหนักการลงทุนไม่เกิน 10%
แหล่งอ้างอิง
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน