สัปดาห์ที่ 29 เมษายน - 5 พฤษภาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา (SEC) เตรียมพิจารณา ETF ที่เกี่ยวข้องกับเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีกว่า 70 รายการหลังจากนี้ โดยมีตั้งแต่เหรียญที่มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ไปจนถึงเหรียญมีม อย่างไรก็ตาม Katalin Tischhauser หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Sygnum Bank มองว่า ETF ของเหรียญทางเลือก (Altcoin) อาจมียอดเงินไหลเข้ารวมกันสูงสุด 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น
Paul Atkins สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ คนที่ 34 อย่างเป็นทางการ หลังถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากต้องตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี โดยสื่อคาดว่าเขาจะนำพา SEC ให้เป็นมิตรกับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น
Citi Group ระบุว่า บล็อกเชนอาจกำลังเข้าสู่ “ChatGPT Moment” หรือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สินทรัพย์ประเภทนี้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดย Base Case คาดว่า มูลค่าตลาด Stablecoin ทั่วโลกจะเพิ่มจากปัจจุบัน 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1,600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 หรือหากเติบโตได้ดี อาจแตะ 3,700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ข้อมูลจาก Farside ระบุว่า Spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าถึง 3,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะวันที่ 25 เมษายน 2568 มีเงินไหลเข้าทั้งหมด 380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากช่วงก่อนหน้านี้มีแต่เม็ดเงินไหลออก
สัปดาห์ที่ผ่านมา Spot Bitcoin ETF ของ BlackRock มีเม็ดเงินไหลเข้ากว่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมแล้วถือครอง Bitcoin กว่า 582,000 BTC มูลค่าประมาณ 56,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นกองทุนที่มีมูลค่าสินทรัพย์มากที่สุดในโลก
Jay Jacobs หัวหน้าฝ่าย ETF ของ BlackRock กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งทางด้านการเมืองระหว่างประเทศทำให้ธนาคารกลางและนักลงทุนสถาบันเริ่มกระจายการลงทุนจากการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเช่น ทองคำและ Bitcoin มากขึ้นตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้วจนต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน
Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สัปดาห์นี้อาจติดแนวต้านที่ระดับ 96,000 ดอลลาร์สหรัฐ อาจเข้าสู่ช่วงย่อตัวระยะสั้น แนวรับที่สามารถเข้าซื้อได้อยู่ที่ระดับ 88,500 ดอลลาร์สหรัฐ มองโอกาสไปต่อโดยมีเป้าหมายแรกที่ระดับ 98,000 ดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ในเดือนพฤษภาคมนี้
Ethereum (ETH) พักตัวหลังจากเบรคเส้นขากดออกมาได้ แนวโน้มกำลังเคลื่อนที่ออกข้าง เข้าซื้อได้ที่แนวรับ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ตัดขาดทุนหากแนวรับนี้ไม่สามารถรับอยู่ เป้าหมายแนวต้านอยู่ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจุดขายทำกำไรแรกหรือรอให้ผ่านแนวต้านนี้แล้ว ซื้อตามแนวโน้มที่กลับตัวเป็นขาขึ้น
Official Trump (TRUMP) ทำผลตอบแทน 80.28% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการเปิดให้ผู้ถือเหรียญสามารถเข้าพบประธานาธิบดีได้ ระยะสั้นราคาอาจมีการพักตัวลง จับตาที่แนวรับไม่ต่ำกว่า 13 ดอลลาร์สหรัฐ ใช้เป็นจุดในการเข้าซื้อได้ โดยมีเป้าหมายขายทำกำไรระยะสั้นที่แนวต้าน 24 ดอลลาร์สหรัฐ
SUI ทำผลตอบแทน 64.24% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มภาพใหญ่กลับตัวเป็นขาขึ้นแล้ว แต่ระยะสั้นแนวโน้มอาจมีการพักตัวลง ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อในช่วงที่ราคาลดลงที่แนวรับ 3.08 ดอลลาร์สหรัฐ และใช้แนวต้านที่ 3.95 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นจุดขายทำกำไรระยะสั้น
ราคา Bitcoin (BTC) ฟื้นตัวขึ้นจากการที่ตลาดมีความหวังที่ Paul Atkins นั่งตำแหน่งประธาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ คนใหม่อย่างเป็นทางการ ประกอบกับความตึงเครียดจากนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย ทองคำถูกเทขายทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้ามาลงทุนใน Bitcoin ETF
คาดว่าแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันจะหนุนราคา Bitcoin ตลอดทั้งเดือนพฤษภาคม 2568 นี้ หลังจากที่เดือนเมษายนมีเม็ดเงินไหลออกตลอดทั้งเดือน โดยปัจจัยบวกหลัก ๆ คือ การเข้าสู่ช่วงเวลาการเจรจาเรื่องนโยบายภาษี รวมถึงความคาดหวังถึงนโยบายการเงินผ่อนคลายที่จะเกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในเดือนพฤษภาคมนี้
ปัจจัยที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้จะมีการประกาศงบการเงินไตรมาสแรกของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ซึ่งมีสัดส่วนมาร์เกตแคปเกือบ 40% ของดัชนี S&P500 ถ้างบการเงินออกมาในเชิงบวกหรือลบจะส่งผลต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงราคา Bitcoin
เริ่มมีการเก็งกำไรกลับเข้ามาในเหรียญทางเลือก (Altcoin) โดยเฉพาะเหรียญที่มีกระแสข่าวหนุนอย่างเช่น Sui (SUI) และ Official Trump (TRUMP) กลยุทธ์เริ่มมองหาเหรียญมาร์เกตแคปใหญ่หรือเหรียญที่มีการเสนอให้จัดตั้งกองทุน ETF เพื่อเริ่มทยอยลงทุนสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงขึ้น มองว่าตลาด Altcoin จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากนี้
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog