สัปดาห์ที่ 26 สิงหาคม - 1 กันยายน 2568
Bernstein เชื่อตลาดกระทิงของคริปโทเคอร์เรนซีจะต่อเนื่องยาวนานขึ้นจนถึงปี 2570
เพราะแรงหนุนจากนโยบายส่งเสริมคริปโตของสหรัฐอเมริกา และสถาบันการเงินที่เข้ามาลงทุนมากขึ้น ประเมินราคาเป้าหมาย Bitcoin (BTC) อยู่ที่ระดับ 150,000–200,000 ดอลลาร์สหรัฐภายใน 1 ปี ขณะที่เหรียญทางเลือก (Altcoin) ที่จะเป็นผู้นำ คือ Ethereum (ETH), Solana (SOL) และโทเคนสาย DeFi
Spot Ethereum ETF ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาถือครอง Ethereum รวมกันกว่า 6.3 ล้าน ETH คิดเป็น 5.1% ของปริมาณทั้งหมด มูลค่ารวมกว่า 2.67 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงบริษัทประเภท Digital Asset Treasuries ที่ถือเหรียญ ETH กว่า 2% ของปริมาณรวม
Goldman Sachs คาดตลาดสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ทั่วโลกอาจพุ่งแตะหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจุบันมูลค่าตลาดทั่วโลกอยู่ที่ราว 2.71 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง USDT ของ Tether ยังคงครองส่วนแบ่งสูงสุด โดยมองว่าระบบการชำระเงินจะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการขยายตลาดในระยะยาวจากปัจจุบันที่ใช้เพื่อซื้อขายคริปโต
Reuters ระบุว่า คณะมนตรีรัฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีนกำลังพิจารณาอนุญาตการใช้ Stablecoin ที่หนุนหลังด้วยเงินหยวน โดยมีแผนกำหนดเป้าหมายการใช้งานเงินหยวนในตลาดโลกรวมถึงกำกับการใช้งานภายในประเทศ
เกาหลีใต้เตรียมออกกรอบกำกับดูแล Stablecoin ที่อิงกับเงินวอน คาดว่าหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินจะเสนอร่างกฎหมายของรัฐบาลต่อสภาแห่งชาติภายในเดือนตุลาคม 2568 นี้ โดยนโยบายของประธานาธิบดี Lee Jae-myung ให้การสนับสนุนคริปโตอย่างเต็มที่และใช้เป็นนโยบายหลักในการหาเสียง
สำนักงานบริการทางการเงินญี่ปุ่น (FSA) เตรียมยื่นข้อเสนอแก้ไขกฎหมายภาษีสำหรับคริปโต โดยเปลี่ยนการจัดเก็บภาษีอัตราเดียวที่ 20% จากตอนนี้ที่เสียภาษีสูงสุด 55% เพื่อเตรียมการเปิดตัว Crypto ETF นอกจากนี้ FSA ยังเตรียมเสนอร่างกฎหมายปี 2569 เพื่อนำสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ทางการเงินแทนที่จะเป็นเพียงวิธีการชำระเงิน
Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นแรงหลังได้ข่าว Fed เตรียมลดดอกเบี้ยก่อนถูกเทขายลงมาจนหลุดแนวรับเดิมแต่มีแรงซื้อกลับ มองแนวโน้มอาจเคลื่อนไหวออกข้างอีกระยะเพื่อสะสมกำลังในการปรับตัวขึ้นต่อ แนวรับที่ต้องจับตาคือ 111,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านแนวต้าน 118,000 ดอลลาร์สหรัฐไปได้จะกลับไปทดสอบแนวต้านเดิมที่ 124,000 ดอลลลาร์สหรัฐ
Ethereum (ETH) เจอแรงเทขายหลังสร้างจุดสูงสุดใหม่แต่ปรับตัวลงน้อยกว่า BTC แนวโน้มยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 5,200 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนแนวรับตั้งไว้ที่จุดต่ำสุดเดิมที่ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐ หาจังหวะซื้อได้เมื่อราคาย่อตัวลง
Memecoin (MEME) ทำผลตอบแทน 86.52%% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง รอจังหวะราคาย่อตัวค่อยหาโอกาสในการเข้าซื้อที่ระดับแนวรับไม่ต่ำกว่า 0.0032 ดอลลาร์สหรัฐ หลุดจากระดับนี้ให้ตัดขาดทุนไปก่อน เป้าหมายขายทำกำไรอยู่ที่แนวต้าน 0.0050 ดอลลาร์สหรัฐ
Band (BAND) ทำผลตอบแทน 42.57% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคามีการเก็งกำไรขึ้นมาทำให้มีความผันผวนสูง ใช้วิธีซื้อแบบ Buy On Dup เมื่อราคาย่อตัวลงมาไม่ต่ำกว่าแนวรับ 0.35 ดอลลาร์สหรัฐ และขายทำกำไรที่เป้าหมายจุดสูงสุดเดิมที่ 0.75 ดอลลาร์สหรัฐ
ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) กล่าวในการประชุมประจำปีที่ Jackson Hole อย่างมีนัยสำคัญว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีโอกาสลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของปีนี้ในการประชุมเดือนกันยายน โดยตลาดมองว่ามีโอกาสเกือบ 90% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนหน้า เพิ่มขึ้นจาก 75% จากช่วงก่อนการประชุม ทำให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้รับแรงบวกช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนจะมีการเทขายทำกำไร
อย่างไรก็ตาม ตลาดน่าจะคลายแรงกดดันในเชิงนโยบายเศรษฐกิจมหภาคลงและมีโอกาสที่ Bitcoin (BTC) จะสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่ Ethereum (ETH) สามารถที่จะปรับตัวขึ้นได้มากกว่า บ่งบอกว่าเม็ดเงินนักลงทุนกำลังไหลมาสู่เหรียญทางเลือก (Altcoin) มากขึ้น ตัวชี้วัดคือดัชนี Bitcoin Dominance มีการหลุดแนวโน้มขาขึ้นลงมาแล้ว
สัปดาห์นี้จับตาวันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2568 จะมีการประกาศตัวเลขคาดการณ์ GDP ไตรมาส 2 คาดออกมาที่โต 3% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่โตติดลบ หากออกมาตามคาดการณ์จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นรวมถึงตลาดคริปโตด้วยเช่นกัน
จับตาเดือนกันยายนเพราะตามสถิติเป็นเดือนที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและตลาดคริปโตติดลบก่อนจะปรับตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี หากราคา Bitcoin และ Ethereum ไม่สร้างจุดสูงสุดใหม่ อาจต้องพิจารณาขายทำกำไรก่อนสำหรับสายเก็งกำไร แต่ยังมองเป็นโอกาสเข้าลงทุนเพิ่มสำหรับนักลงทุนระยะยาว
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog