สัปดาห์ที่ 21 - 27 ตุลาคม 2568

สำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น (FSA) เตรียมอนุญาตให้ธนาคารสามารถถือครองและลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงกำลังพิจารณาเปิดโอกาสให้ธนาคารสามารถจดทะเบียนเป็นผู้ให้บริการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยตรง
    
ธนาคารกลางจีน (PBoC) และหน่วยงานกำกับทางไซเบอร์แห่งชาติ (CAC) แสดงความกังวลกับภาคบริษัทเอกชนในฮ่องกงที่จะออกสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) หลังทางการฮ่องกงเปิดให้ขอใบอนุญาตในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่มีแผนออก Stablecoin คือ Ant Group และ JD.com สองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน จนมีรายงานว่า 2 บริษัทนี้ได้ระงับแผนการชั่วคราว
    
Paul Atkins ประธาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า สหรัฐฯ ล้าหลังในเรื่องเทคโนโลยีคริปโตไปกว่า 10 ปีแล้ว โดยเป็นหน้าที่ของ SEC ในการสร้างกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนและเปิดกว้างต่อการสร้างนวัตกรรมเพื่อดึงดูดนักพัฒนาและบริษัทที่เคยย้ายออกจากประเทศให้กลับมาอีกครั้ง โดยเป้าหมายสูงสุดของ SEC คือการทำให้สหรัฐฯ กลับมาเป็นแหล่งกำเนิดของนวัตกรรม
    
JPMorgan เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า การชำระราคา (Liquidation) ครั้งใหญ่ในตลาดคริปโตมูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์น่าจะมาจากกลุ่มนักลงทุนคริปโตรุ่นดั้งเดิมมากกว่านักลงทุนสถาบันหรือผู้ถือ ETF โดยสัญญาณมาจากสัญญาฟิวเจอร์สของ CME ที่ใช้วัดพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบันแทบไม่พบการเทขาย
    
Troy Downing สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ได้ยื่นร่างกฎหมายต่อคณะกรรมาธิการการเงิน (House Financial Services Committee) เพื่อผลักดันคำสั่งฝ่ายบริหาร (Executive Order) ของประธานาธิบดี Donald Trump ที่ระบุให้กองทุนเกษียณ 401(k) สามารถลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้กลายเป็นกฎหมายถาวร
    
JPMorgan อยู่ระหว่างการพัฒนาแผนงานให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าของธนาคาร แต่ยังไม่ได้เปิดให้ลูกค้าเก็บสินทรัพย์ไว้กับธนาคารโดยตรง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่านี่คือหนึ่งในพัฒนาการสำคัญของตลาดคริปโต
    
Bitwise Invest เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนทั่วโลกเข้าสะสม Ethereum (ETH) สัดส่วนถึง 95% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ทำให้มีมูลค่ารวมกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือครองรวมกันกว่า 4.63 ล้าน ETH คิดเป็น 4% ของปริมาณ Ethereum ทั้งหมด เป็นจุดเริ่มต้นของการเกิด Ethereum Supercycle

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง โมเมนตัมมีโอกาสที่จะไปต่อหลังราคาเริ่มมีการยกตัวขึ้น หาจังหวะเข้าซื้อที่แนวรับไม่ต่ำกว่า 102,800 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเป้าหมายอยู่ที่แนวต้านที่ 117,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถผ่านไปได้ จะมีโอกาสกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมได้ 

• แนวรับ: 3,480,000 บาท / 102,800 USD
• แนวต้าน: 3,840,000 บาท / 117,000 USD

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) มีโอกาสกลับเข้าสู่รอบการฟื้นตัว โดยมีเป้าหมายแนวต้านที่ 4,250 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านไปได้ แนวโน้มจะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้องระวังความเสี่ยงที่ราคาจะลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 3,650 ดอลลาร์สหรัฐ แต่สามารถใช้เป็นจุดในการเข้าซื้อได้

• แนวรับ: 120,000 บาท / 3,650 USD
• แนวต้าน: 140,000 บาท / 4,250 USD

Ethena (ENA)

Ethena (ENA) ทำผลตอบแทน 15.67% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังราคาลงไปทดสอบจุดต่ำสุดและฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ เป้าหมายแนวต้านแรกอยู่ที่ 0.5320 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านได้มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นต่อ ตัดขาดทุนหากราคาหลุดต่ำกว่า 0.3460 ดอลลาร์สหรัฐ เพราะแนวโน้มจะกลายเป็นขาลง

• แนวรับ: 12 บาท / 0.3460 USD
• แนวต้าน: 18 บาท / 0.5320 USD

Bittensor (TAO)

Bittensor (TAO) ทำผลตอบแทน 9.27% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาฟื้นตัวกลับได้อย่างรวดเร็ว หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว แนวรับสำคัญอยู่ที่ 370 ดอลลาร์สหรัฐ แนวต้านในการขายทำกำไรระยะสั้นอยู่ที่ 478 ดอลลาร์สหรัฐ

• แนวรับ: 1,200 บาท / 370 USD
• แนวต้าน: 1,600 บาท / 478 USD

จับกระแสการลงทุน

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีฟื้นตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์หลังจากที่ Donald Trump ประกาศว่า จะเข้าพบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนในการประชุม APEC ในวันที่ 29 ตุลาคม 2568 นี้ทำให้ตลาดมีความหวังกับการเจรจาสงครามการค้าในเชิงบวก
    
ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาให้ความเห็นถึงการยุตินโยบายการเงินตึงตัวหรือ QT และมีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เป็นปัจจัยที่จะช่วยหนุนราคา Bitcoin หากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนจบลง
    
สัปดาห์นี้จับตาศุกร์ที่ 24 ตุลาคม จะมีการประกาศตัวเลข CPI ตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 3.1% เพิ่มขึ้นจาก 2.9% เมื่อเดือนที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่หยุด Shut Down การประกาศตัวเลขอาจเลื่อนออกไปอีก
    
คาดว่าแรงขาย Bitcoin จะชะลอตัวลงหลังการ Sell Off ครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะที่เหรียญทางเลือก (Altcoin) มีความหวังกับการอนุมัติ ETF หากสหรัฐฯ หยุดการ Shut Down มองช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อทั้ง Bitcoin และ Ethereum รวมถึง Altcoin ที่มีโอกาสจะได้รับอนุมัติ ETF สามารถทยอยเข้าซื้อสะสมได้ แต่หาก Bitcoin ลงมาต่ำกว่าระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ให้ชะลอการลงทุนไปก่อนเพราะโมเมนตัมขาขึ้นจะเสียไป

 

แหล่งอ้างอิง

• https://cointelegraph.com/news/japan-fsa-may-let-banks-hold-bitcoin-crypto-assets 
• https://cointelegraph.com/news/china-tech-giants-halt-hong-kong-stablecoin-plans 
• https://cointelegraph.com/news/sec-chair-us-is-10-years-behind-on-crypto-fixing-this-is-job-one 
• https://www.theblock.co/post/375014/jpmorgan-says-crypto-native-investors-likely-behind-recent-market-correction 
• https://cointelegraph.com/news/us-representative-trump-401k-crypto-executive-order-law 
• https://cointelegraph.com/news/jp-morgan-offer-crypto-trading-for-clients
• https://cointelegraph.com/news/ethereum-corporate-adoption-surged-eth-price-predictions 

คำเตือน

• คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
• ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน