สัปดาห์ที่ 1 - 7 กรกฎาคม 2568
ญี่ปุ่นเสนอกฎหมายปรับสถานะของคริปโทเคอร์เรนซีเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อให้สามารถจัดตั้ง ETF ได้อย่างถูกกฎหมาย พร้อมเสนอให้ลดภาษีเหลือ 20% จากสูงสุด 55% เพื่อปรับตัวให้ทันกับกระแสโลก โดยในเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา จำนวนบัญชีคริปโตในประเทศพุ่งทะลุ 12 ล้านบัญชี คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 5 ล้านล้านเยน
ฮ่องกงประกาศนโยบายส่งเสริมการเป็นฮับนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกด้วยการมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์การเงินอย่างพันธบัตรรับบาลตลอดจนสินทรัพย์อย่างทองคำและพลังงานให้เป็นโทเคน (Tokenization) รวมถึงเตรียมออกใบอนุญาตผู้ออกสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) วันที่ 1 สิงหาคม 2568 นี้ และเร่งสร้างบุคลากรใหม่ในสายบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล
ราชอาณาจักรภูฏานเปิดเผยว่า ได้สะสม Bitcoin ผ่านการขุดโดยใช้พลังงานภายในประเทศมานานกว่า 5 ปีจนสามารถถือครอง Bitcoin จำนวนกว่า 12,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่ากับเกือบ 40% ของ GDP ของประเทศ โดยเงินที่ได้จากการขุดถูกนำไปใช้จ่ายในประเทศ เช่น เพิ่มเงินเดือนข้าราชการ
Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) กล่าวว่า Bitcoin และเหรียญคริปโตต่าง ๆกำลังเข้าสู่กระแสหลักมากขึ้นและมองว่าธนาคารควรมีสิทธิในการให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลกับลูกค้าภายใต้กรอบการดูแลและกำลังทบทวนแนวทางนโยบายที่เคยออกไว้ในยุคของประธานาธิบดี Joe Biden
รายงานจาก Avenir Group และ Glassnode พบว่า เงินที่ไหลเข้า Spot Bitcoin ETF ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะยาวโดยไม่มีการป้องกันความเสี่ยง บ่งบอกว่านักลงทุนสถาบันกำลังลงทุนด้วยความเชื่อมั่นระยะยาวมากกว่าทดลองตลาด
จำนวนผู้ใช้ Stablecoin บนเชน Ethereum พุ่งสู่ระดับสูงสุดตลอดกาล โดยมีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 750,000 รายในหนึ่งสัปดาห์ ครอบคลุมเหรียญหลักอย่าง Tether USdt (USDT), USDC, BUSD และ Dai (DAI) แนวโน้มดังกล่าวกำลังเข้าสู่ Stablecoin Season
บริษัทลงทุนสัญชาติญี่ปุ่น Metaplanet ประกาศเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 1,234 BTC ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 107,557 ดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญ คิดเป็นมูลค่า 132.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ยอดถือครอง Bitcoin ของบริษัทแตะ 12,345 BTC มากกว่า Tesla ที่ถืออยู่ 11,509 BTC
Grayscale Research เพิ่มเติมเหรียญ Avalanche (AVAX) และ Morpho (MORPHO) ลงในรายชื่อเหรียญโดดเด่น 20 อันดับประจำไตรมาส 3 และถอดชื่อ Lido DAO (LDO) และ Optimism (OP) ออก โดยมองว่าทั้งสองเหรียญที่เพิ่มเข้ามามีการใช้งานบนเชนที่เติบโตต่อเนื่อง
Bitcoin (BTC) เริ่มฟื้นตัวขึ้นใกล้ถึงจุดที่จะแตะจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง หากสามารถผ่านแนวต้านที่ 112,000 ดอลลาร์สหรัฐได้ มีโอกาสไปต่อที่เป้าหมาย 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากยังไม่ผ่าน อาจลงมาทดสอบได้ถึงจุดต่ำสุดเดิมที่ 98,000 ดอลลาร์สหรัฐ กลยุทธ์ยังเน้นเก็งกำไรแบบ Buy On Dip
Ethereum (ETH) ฟื้นตัวกลับค่อนข้างเร็วหลังลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ ใช้ราคานี้เป็นจุดตัดขาดทุนหากรับไม่อยู่หรือเป็นจุดซื้ออีกครั้ง เป้าหมายแนวต้านรอบนี้ยังอยู่ที่ 2,850 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถผ่านไปได้ จะผ่านแนวโน้ม เคลื่อนไหวออกข้างเป็นขาขึ้น มีเป้าหมายระยะกลางที่ระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Arbitrum (ARB) ทำผลตอบแทน 22% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากกระแสข่าวความร่วมมือกับ Robinhood ราคาที่พุ่งแรงอาจเข้ารอบย่อตัว จับตาแนวรับสำหรับเข้าซื้อที่ระดับ 0.2460 ดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายแนวต้านแรกสำหรับการขายทำกำไรอยู่ที่ 0.4080 ดอลลาร์สหรัฐ
Aptos (APT) ทำผลตอบแทน 21.86% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคามีการฟื้นตัวกลับจากจุดต่ำสุดเพื่อกลับตัวเป็นขาขึ้น หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวที่ระดับ 4.245 ดอลลาร์สหรัฐ หลุดจากระดับนี้ให้ตัดขาดทุนไปก่อน เป้าหมายสำหรับการขายทำกำไรอยู่ที่ 5.300 ดอลลาร์สหรัฐ
ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาขึ้นให้การต่อสภาล่างและสภาบนสหรัฐอเมริกาไม่มีนัยสำคัญใหม่ โดยยังคงเป้าหมายนโยบายการเงินไว้ตามเดิม อย่างไรก็ตาม วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคมนี้ จะมีการประกาศตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) คาดว่าจะออกมาที่ 120,000 ตำแหน่ง ลดลงจากรอบก่อนที่ 139,000 ตำแหน่ง หากออกมาตามคาดจะเป็นผลดีต่อตลาด
ดัชนี Bitcoin Dominance ยังคงสร้างจุดสูงสุดต่อเนื่อง ขณะที่ Altcoin Season Index ปรับตัวลงต่อเนื่องจนลงมาระดับที่มีนัยสำคัญที่ 22 ทำให้ภาพรวมเหรียญทางเลือก (Altcoin) ยังถูกกดดัน แต่จากสถิติ หาก Altcoin Season ลงมาอยู่ในระดับดังกล่าวอาจเป็นจุดต่ำสุดของรอบ สามารถมองหาเหรียญที่แข็งกว่าตลาดในการลงทุนได้ โดยเฉพาะกลุ่ม DeFi Lending และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin)
จับตาเดือนกรกฎาคมนี้จะมีปรากฎการณ์ July Effect หรือ Summer Rally ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี จากการที่ผ่านไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดมักจะพักตัวไปแล้ว ประกอบกับดัชนี S&P500 และ Nasdaq ที่เพิ่งมีการทำจุดสูงสุดใหม่ไป น่าจะส่งผลบวกต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีไปด้วย
กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นซื้อขายเก็งกำไร Bitcoin ที่มีโอกาสจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในไตรมาสนี้และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน Ethereum (ETH) รวมถึงเหรียญ Altcoin ที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) ขนาดใหญ่ที่จะได้แรงหนุนจากการอนุมัติ ETF ของเหรียญ Altcoin อื่น ๆ
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog