สัปดาห์ที่ 18 - 24 พฤศจิกายน 2568
Zhuo Rongtai นายกรัฐมนตรีของไต้หวันระบุว่า รัฐบาลกำลังทำรายงานประเมินการถือครอง Bitcoin (BTC) ทั้งหมดที่ถูกยึดโดยหน่วยงานภายในประเทศเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ คาดว่ารายงานจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้
Matt Hougan ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน Bitwise Asset Management มองว่า ปี 2569 จะเป็นปีตลาดกระทิงที่แท้จริงของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยปัจจัยหนุนสำคัญจากการลงทุนจากสถาบัน ความคืบหน้าในกฎระเบียบ และเทรนด์การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน (Tokenization) ที่เริ่มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) Tokenization และ DeFi รุ่นใหม่ จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
Strategy ได้เข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มเติมครั้งใหม่กว่า 8,178 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 835 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การซื้อครั้งนี้ถือว่าใหญ่กว่าการซื้อช่วงเดือนตุลาคมและช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 400–500 BTC ต่อสัปดาห์เท่านั้น จนตอนนี้มียอดถือครองรวม 649,870 BTC มากที่สุดในโลกในบรรดาบริษัทจดทะเบียน
Glassnode วิเคราะห์ว่าผู้ถือ Bitcoin ระยะยาว (Long-term Holders) มีการเทขายเพิ่มขึ้นจาก 12,000 BTC ต่อวันในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาเป็น 26,000 BTC ต่อวัน ในปัจจุบัน สะท้อนว่าเป็นการทำกำไรตามปกติของวัฏจักรไม่ใช่การเทขายกะทันหัน
Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่าย Ethereum กล่าวว่า DeFi กำลังจะเป็นเครื่องมือการออมเงินรูปแบบใหม่ที่ใช้งานได้จริง หลังจากหลายปีของการพัฒนาเทคโนโลยีและปรับปรุงความปลอดภัย โดยผู้ใช้เริ่มมองเห็น DeFi เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้หลีกเลี่ยงระบบเงินตราแบบดั้งเดิม
Spot XRP ETF เริ่มเปิดตัวครั้งแรกในชื่อ Canary Capital XRP (XRPC) และกลายเป็นหนึ่งใน ETF ด้านคริปโตที่มาแรงที่สุดของปีนี้ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าความคาดหวังของตลาด โดย JPMorgan ประเมินว่า XRP ETF อาจดึงดูดเม็ดเงินได้สูงถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และราคาอาจขึ้นไปถึง 5 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นปีนี้
Bitcoin (BTC) ปรับตัวลงแรงหลุดระดับแนวรับสำคัญที่ 94,000 ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มระยะกลางเป็นขาลงอย่างชัดเจน แม้ว่าดัชนี RSI จะเข้าเขต Oversold แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะลงไปทดสอบแนวรับ 85,000 ดอลลาร์สหรัฐ ราคายังไม่มีจุดกลับตัวจนกว่าจะผ่านแนวต้านที่ 99,000 ดอลลาร์สหรัฐ แนะชะลอลงทุนไปก่อน
Ethereum (ETH) ปรับตัวลงแรง มีเป้าหมายแนวรับสำคัญที่ 2,860 ดอลลาร์สหรัฐ หากยืนระดับดังกล่าวได้ ราคาอาจฟื้นตัว แต่หากยังไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 3,900 ดอลลาร์สหรัฐไปได้ แนวโน้มระยะกลางยังเป็นขาลง ราคายังมีความผันผวน ให้จับตาแนวรับสำคัญ หากยืนได้ค่อยเข้าลงทุน
Aster (ASTER) ทำผลตอบแทน 11.71% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคากำลัง Breakout แนวต้านแรกหลังจากเคลื่อนไหวออกข้างสะสมพลังมาได้ระยะหนึ่ง แนวต้านอยู่ที่ระดับ 1.54 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากราคาปรับตัวลงมาก่อน จะมีแนวรับอยู่ที่ 0.97 ดอลลาร์สหรัฐ
Uniswap (UNI) ทำผลตอบแทน 3.23% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคากำลังพักตัวหลังพุ่งแรงก่อนหน้านี้ จับตาแนวรับที่ 6.82 ดอลลาร์สหรัฐ หากยืนไม่ได้ให้ตัดขาดทุนไปก่อน หากยืนได้ เป็นจังหวะเข้าซื้อมีเป้าหมายแนวต้านขายทำกำไรที่ 8.56 ดอลลาร์สหรัฐ
ราคา Bitcoin (BTC) ร่วงแรงจากความกังวลที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจไม่ลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ ตลอดจนแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีส่งผลทางตรงมาสู่ตลาดคริปโทเคอร์เรนซี จนเกิดแรงขายของนักลงทุนกลุ่ม ETF รวมถึงกลุ่มผู้ถือระยะยาว
ตั้งแต่ Bitcoin เป็นขาขึ้นในปี 2566 ได้เกิดการปรับฐานแรงในระดับ 33% มาแล้ว 2 ครั้ง หากรอบนี้ปรับฐานลงมาในระดับเดียวกัน จะมีแนวรับอยู่ที่ระดับ 85,000 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถใช้เป็นจุดในการเข้าซื้อระยะยาวได้
ปัจจัยที่ต้องจับตาในสัปดาห์นี้ คือ การเปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ครั้งที่แล้วซึ่งจะมีความเห็นของกรรมการบางรายที่ชี้นำไปสู่การตัดสินใจในการประชุมครั้งถัดไป รวมถึงการประกาศงบของบริษัท Nvidia ในคืนวันพุธ จับตาการตอบรับของตลาดท่ามกลางประเด็นเรื่องของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกมองว่าเกินมูลค่า หากเกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะส่งผลมาถึง Bitcoin ไปด้วย
กลยุทธ์การลงทุน: ให้ชะลอการลงทุนไปก่อนเนื่องจากตลาดยังมีความผันผวนในขาลง หากราคา Bitcoin ปรับตัวลงมาถึงระดับ 85,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถึงจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน ส่วนเหรียญทางเลือก (Altcoin) กลุ่มที่แข็งกว่าตลาด คือ กลุ่ม DEX ซึ่งพอที่จะเก็งกำไรระยะสั้นได้
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน