สัปดาห์ที่ 14 - 20 ตุลาคม 2568
วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาเกิดการ Liquidation ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 19,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากนักเทรดกว่า 1.6 ล้านราย โดยมูลค่าการล้างพอร์ต 87% มาจากฝั่งที่เปิดสถานะ Long ถือเป็นการล้างพอร์ตที่มีมูลค่าความเสียหายสูงกว่าในช่วงวิกฤติ Luna และ FTX อย่างมาก
Deutsche Bank คาดการณ์ว่า Bitcoin และทองคำมีแนวโน้มจะถูกนำขึ้นบัญชีเป็น สินทรัพย์สำรองของธนาคารกลางทั่วโลกภายในปี 2573 จากความน่าเชื่อถือของ Bitcoin ในระดับสถาบันเพิ่มขึ้นและมีคุณสมบัติใกล้เคียงทองคำมากขึ้น
Standard Chartered คาดว่า เงินมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐอาจไหลออกจากธนาคารในตลาดเกิดใหม่และไหลเข้าสู่สเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ภายในปี 2571 เพื่อหนีปัญหาเงินเฟ้อสูง ขณะที่มูลค่าการใช้ Stablecoin เพื่อเก็บออมมีแนวโน้มพุ่งจากระดับปัจจุบันที่ 1.73 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แตะ 1.22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2571
Square บริษัทผู้ให้บริการชำระเงินในเครือ Block ของ Jack Dorsey เปิดตัวฟีเจอร์ที่เปิดทางให้ร้านค้าในสหรัฐอเมริกาสามารถรับชำระเงินด้วย Bitcoin ได้โดยตรง พร้อมเก็บไว้ในกระเป๋าดิจิทัลที่เชื่อมต่อในระบบของ Square โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะร้านค้าในสหรัฐอเมริกายกเว้นรัฐนิวยอร์กเท่านั้น
Morgan Stanley อนุญาตให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถลงทุนในกองทุนคริปโตได้อย่างเป็นทางการ จากเดิมที่จำกัดสิทธิเฉพาะลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงเท่านั้น นอกจากนี้ ยังอนุญาตให้ผู้ถือบัญชีเกษียณสามารถเข้าถึงกองทุนคริปโตได้โดยตรง โดยในสหรัฐฯ มีสินทรัพย์เพื่อการเกษียณรวมมูลค่ากว่า 45.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
JPMorgan ออกรายงานกองทุนว่า ETF ของ Solana มีโอกาสสูงที่จะได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. สหรัฐฯ ในเดือนตุลาคมนี้ แต่คาดว่ากระแสเงินไหลเข้ากองทุนอาจมีเพียงแค่ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรก ต่ำกว่าที่เคยเกิดขึ้นกับ ETF ของ Bitcoin และ Ethereum จากปัจจัยที่อ่อนแอกว่า เช่น ภาพลักษณ์ที่เป็นรอง Ethereum และมุ่งเน้นไปที่การเป็นศูนย์กลางเหรียญมีมมากกว่าการนำไปใช้งานจริง
Changpeng Zhao (CZ) ผู้ร่วมก่อตั้ง Binance เปิดตัวกองทุนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่าน YZi Labs สนับสนุนโปรเจกต์บล็อกเชนบน BNB Chain ไม่ว่าจะเป็น DeFi RWA AI DeSci รวมถึง Wallet & Payments
Bitcoin (BTC) ปรับฐานลงมาที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 ที่ 108,000 ดอลลาร์สหรัฐ และยังเป็นจุดต่ำสุดเดิม ใช้ราคาดังกล่าวเป็นแนวรับสำคัญ หากยืนไม่ได้ นักเทรดเก็งกำไรให้ตัดขาดทุนไปก่อน เป้าหมายแนวต้านแรกอยู่ที่ 116,500 ดอลลาร์สหรัฐ ต้องผ่านระดับดังกล่าวถึงมองโอกาสกลับไปจุดสูงสุดเดิม
Ethereum (ETH) ปรับฐานลงมาหลุดจุดต่ำสุดเดิมก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วจนกลับมายืนเหนือ 3,600 ดอลลาร์สหรัฐ ใช้ราคาดังกล่าวเป็นแนวรับสำคัญ เป้าหมายอยู่ที่การฟื้นตัวกลับไปที่แนวต้าน 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ หาจังหวะเข้าซื้อหากราคาไม่หลุดแนวรับ
Synthetix (SNX) ทำผลตอบแทน 105.14% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นแรงให้รอจังหวะราคาปรับตัวลงมาค่อยหาจังหวะซื้อแบบ Buy On Dip ที่แนวรับ 1.860 ดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายขายทำกำไรระยะสั้นที่จุดสูงสุดเดิมที่ 2.580 ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้นในภาพใหญ่
Bittensor (TAO) ทำผลตอบแทน 22.70% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มกำลังกลับตัวเป็นขาขึ้นในภาพใหญ่ หาจังหวะซื้อที่แนวรับ 400 ดอลลาร์สหรัฐ และขายทำกำไรระยะสั้นที่ 460 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านแนวต้านนี้ แนวโน้มถึงจะกลับตัวเป็นขาขึ้นเต็มตัว
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากเกิดการ Sell Off ครั้งใหญ่เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน หลังจากสหรัฐอเมริกาและจีนมีท่าที่ผ่อนคลายลงหลังขัดแย้งกันเรื่องมาตราการภาษีและคริปโตไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง อย่างไรก็ตาม ตลาดจะยังมีความผันผวนจนกว่าทั้งสองประเทศจะมีข้อตกลงร่วมกันอย่างเป็นทางการ
ไฮไลท์สำคัญในสัปดาห์นี้ วันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2568 นี้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) มีกำหนดขึ้นพูดเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ขณะที่วันพุธ 15 ตุลาคมมีการประกาศตัวเลข CPI และวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคมประกาศตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) และอัตราการว่างงาน
อย่างไรก็ตาม หากการ Shut Down หน่วยงานราชการสหรัฐอเมริกายังไม่สิ้นสุดลง การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้น
ปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาคทั้งความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนรวมถึงการ Shut Down ไม่ได้กระทบกับตลาดคริปโตโดยตรง ตลาดยังสามารถที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้แต่ยังมีความผันผวนต่อเนื่อง รวมถึงมีความเสี่ยงที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เลื่อนการประกาศออกไปจะออกมาไม่เป็นผลดีต่อตลาด กลยุทธ์การซื้อขายหลังจากนี้อาจต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นแม้ภาพรวมตลาดจะยังคงเป็นขาขึ้น
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน