สัปดาห์ที่ 13 - 19 พฤษภาคม 2568
รายงานของ MacroScope ที่อ้างอิงเอกสารที่ยื่นต่อ ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกาพบว่า Goldman Sachs เป็นผู้ถือครอง IBIT ซึ่งเป็น Bitcoin ETF ของ BlackRock รายใหญ่ที่สุดในระดับโลก โดยถือครองอยู่ 30.8 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2568
BlackRock ได้เข้าพบกับทีม Crypto Task Force ของสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกาเพื่อหารือเรื่องสำคัญ 2 ประเด็น คือ การนำการสเตกมาใช้กับผลิตภัณฑ์ซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต (ETPs) และการแปลงหลักทรัพย์ให้เป็นโทเคน (Tokenization) ภายใต้กฎเกณฑ์ของรัฐบาลกลาง
Paul Atkins ประธาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ประกาศนโยบายด้านคริปโทเคอร์เรนซี โดยเน้นวางกรอบกฎระเบียบที่ชัดเจนสำหรับการออก การเก็บรักษา และการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงเปิดทางให้โบรกเกอร์สามารถให้บริการซื้อขายได้และเตรียมที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน (Tokenization)
CryptoQuant รายงานว่า บริษัท Strategy เข้าซื้อ Bitcoin ด้วยอัตราเร่งที่สูงกว่าจำนวนเหรียญใหม่ที่นักขุดผลิตได้ในแต่ละวัน ส่งผลให้ Bitcoin เกิดสภาวะเงินฝืดทางเทคนิคที่ระดับ -2.33% ต่อปี และอาจสูงกว่านี้เมื่อรวมกับนักลงทุนสถาบันอื่นที่ถือครองอย่างต่อเนื่อง
USDT ทำลายสถิติในเชิงของมูลค่าตลาด (Market Cap) แตะระดับ 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก โดยช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ปริมาณ USDT ที่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 36% การเติบโตยิ่งเร่งตัวขึ้นนับตั้งแต่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้ง ปัจจุบัน USDT ครองส่วนแบ่งกว่า 61% ของตลาดสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ทั่วโลก ตามมาด้วย USDC ของ Circle ที่มีส่วนแบ่ง 25%
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ร่างกฎหมาย GENIUS Act ที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoin ไม่สามารถผ่านขั้นตอนการปิดอภิปรายในวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ ทำให้กฎหมายดังกล่าวต้องถูกชะลอออกไปก่อน โดยกฎหมายดังกล่าวสนับสนุนให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำในการออก Stablecoin เพื่อการชำระเงินและสนับสนุนบทบาทของดอลลาร์สหรัฐในเวทีโลก
Bitcoin (BTC) เดินหน้าปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ดัชนี RSI เริ่มที่จะเข้าเขต การซื้อมากเกินไป (Overbought) ทำให้ระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวลง โดยมีแนวรับที่ระดับ 96,000 ดอลลาร์สหรัฐ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ คาดว่าภายในเดือนนี้ราคาจะสามารถกลับไปจุดสูงสุดเดิมที่ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐได้
Ethereum (ETH) ปรับตัวขึ้นแรงกว่า Bitcoin มีเป้าหมายแนวต้านที่ระดับ 2,900 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ในช่วงสั้นราคามีโอกาสปรับย่อตัวลง หาจังหวะซื้อแบบ Buy On Dip ที่ระดับ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มยังมีโอกาสปรับตัวเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง
Moo Deng (MOODENG) ทำผลตอบแทน 573.65% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง แนะนำอย่าเพิ่งไล่ราคา ให้รอซื้อเมื่อราคามีการพักตัว มองจุดซื้อที่ระดับราคา 0.1644 ดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายแนวต้านอยู่จุดสูงสุดเดิมที่ 0.3215 ดอลลาร์สหรัฐ
Peanut The Squirrel Price (PNUT) ทำผลตอบแทน 164.22% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กลยุทธ์การลงทุนรอให้ราคาย่อตัวลงมาโดยไม่รีบไล่ราคา แนวรับที่เหมาะสมอยู่ที่ 0.3032 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเป้าหมายแนวต้านอยู่ที่จุดสูงสุดเดิมที่ 0.4934 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาขึ้นแรงต้องใช้ความระมัดระวังสูง
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5% ตามคาดและส่งสัญญาณว่ายังไม่มีการลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนจาก 2 รัฐ คือ นิวแฮมป์เชียร์และแอริโซน่าที่ผ่านกฎหมายอนุญาตให้จัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin เชิงยุทธศาสตร์ได้
สหรัฐอเมริกาและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงด้านภาษีการค้าระหว่างกันได้ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงกลับมามีแรงซื้ออีกครั้ง ผลักดันให้ราคา Bitcoin สามารถกลับมายืนเหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้อีกครั้ง
จับตาการฟื้นตัวของเหรียญทางเลือก (Altcoin) โดยเฉพาะ Ethereum ที่ปรับตัวขึ้นแรงกว่า Bitcoin โดยดัชนี Bitcoin Dominance มีการปรับตัวลง บ่งบอกว่าในรอบนี้ เหรียญทางเลือกมีการเก็งกำไรกลับเข้ามาด้วยเช่นกัน โดยกลุ่มที่มาแรงที่สุด คือ เหรียญมีม
สัปดาห์นี้จับตาการประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นี้ ตลาดคาดว่าจะออกมาที่ 2.4% เท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่หากตัวเลขนี้ลดลง ตลาดการลงทุนจะปรับตัวขึ้นโดยมีความคาดหวังว่าการประชุม FOMC ครั้งต่อไปจะปรับลดดอกเบี้ยลง
กลยุทธ์การลงทุนทยอยสะสมเหรียญทางเลือกต่อ โดยเฉพาะกลุ่มมูลค่าตลาด (Market Cap) ขนาดใหญ่ที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามนโยบายส่งเสริมคริปโทเคอร์เรนซีของ ก.ล.ต.สหรัฐฯ ส่วนกลุ่มเหรียญมีมรอให้ราคาย่อตัวลงค่อยทยอยซื้อเก็งกำไร นอกจากนี้ ยังมองราคา Bitcoin สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในเดือนนี้
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog