Bitazza Thailand Blog

ญี่ปุ่นหนุนออก Stablecoin เงินเยนดิจิทัลผ่าน 3 ธนาคารยักษ์ใหญ่

เขียนโดย Bitazza Team - 13 พ.ย. 2025, 11:35:12

 

สัปดาห์ที่ 11 - 17 พฤศจิกายน 2568

สำนักงานบริการทางการเงินญี่ปุ่น (FSA) ประกาศสนับสนุนโครงการนำร่อง Stablecoin ครั้งแรกของประเทศ โดยให้ 3 ธนาคารใหญ่ร่วมออกเหรียญเยนดิจิทัลภายใต้กฎหมายการชำระเงิน เตรียมเริ่มทดสอบระบบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2568 ประกอบไปด้วย Mizuho Bank, MUFG และ SMBC

นักวิเคราะห์อาวุโสด้าน ETF จาก Bloomberg เปิดเผยว่า เหตุการณ์ตลาดร่วงแรงในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Spot Bitcoin ETF มีเงินไหลออกสุทธิรวมเพียง 722 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ข้อมูลจาก CryptoQuant พบว่า แรงเทขายหลักในรอบนี้มาจากกลุ่มนักลงทุนระยะยาว ซึ่งขายรวมกว่า 405,000 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 41,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Cathie Wood ซีอีโอของ ARK Invest ปรับลดประมาณการณ์ราคาสูงสุดของ Bitcoin ภายในปี 2573 ลงจากเดิม 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการที่สเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) เข้ามาแย่งบทบาทของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่ใช้เก็บมูลค่าในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงหรือถูกจำกัดการเข้าถึงเงินดอลลาร์สหรัฐ เช่น เวเนซุเอลาและอาร์เจนตินา

Mastercard ร่วมมือกับ Ripple และ Gemini ทดลองใช้สเตเบิลคอยน์ RLUSD บน XRP หรือ Ledger ซึ่งเป็นบล็อกเชนแบบ Open Source ที่พัฒนาโดย Ripple ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำธุรกรรมทางการเงินที่รวดเร็วและต้นทุนต่ำ ในการชำระธุรกรรมบัตรเครดิตระหว่างคริปโตและเงินเฟียต

Spot Bitcoin ETF มียอดเงินไหลออกสุทธิกว่า 558.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขสูงสุดตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 และเป็นการไหลออกเกือบทั้งสัปดาห์ ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดของ IBIT ซึ่งดำเนินงานโดย BlackRock ลดลงเหลือประมาณ 73.2% จากระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนที่ 82.3%

หน่วยงาน Internal Revenue Service ของสหรัฐฯ ออแนวทางใหม่ให้ Exchange-Traded Products (ETP) และกองทุนคริปโตสามารถเข้าถึงการทำธุรกรรมการสเตกบนบล็อกเชนแบบ Proof-of-Stake (PoS) ได้อย่างถูกต้องและมีความชัดเจนด้านภาษี

 

 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) พักตัวลงมาตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ จับตาที่แนวรับ 101,500 ดอลลาร์สหรัฐที่เป็นจุดต่ำสุดเดิม หากรับไม่อยู่ อาจทำให้การฟื้นตัวหลังจากนี้ทำได้ยากขึ้น แต่หากสามารถยืนได้ จะกลับขึ้นไปที่แนวต้าน 107,500 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านไปได้ แนวโน้มถึงจะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิม

  • แนวรับ: 3,200,000 บาท / 101,500 USD
  • แนวต้าน: 3,600,000 บาท / 107,500 USD



 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ใช้ราคานี้เป็นจุดเข้าซื้อรวมถึงจุดตัดขาดทุนหากราคามีการปรับตัวลงมา ขณะที่เป้าหมายแนวต้านอยู่ที่ 3,900 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านไปได้แนวโน้มจะเป็นขาขึ้นได้ต่อเนื่อง

  • แนวรับ: 100,000 บาท / 3,000 USD
  • แนวต้าน: 128,000 บาท / 3,900 USD



 

Filecoin (FIL)

Filecoin (FIL) ทำผลตอบแทน 75.06% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวแรงสามารถหาจังหวะเข้าซื้อได้ที่แนวรับ 1.95 ดอลลาร์สหรัฐ หากสามารถยืนได้ แนวโน้มสามารถฟื้นตัวกลับได้ โดยมีเป้าหมายแนวต้านที่ 3.30 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากยืนไม่อยู่ให้ตัดขาดทุนไปก่อน

  • แนวรับ: 68 บาท / 1.95 USD
  • แนวต้าน: 96  บาท / 3.30 USD

 

 

Artificial Superintelligence Alliance (FET)

Artificial Superintelligence Alliance (FET) ทำผลตอบแทน 60.84% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาฟื้นตัวมาจากจุดต่ำสุด หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไม่ต่ำกว่าระดับ 0.2837 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เป้าหมายแนวต้านอยู่ที่ระดับ 0.4624 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ: 9 บาท / 0.2837 USD
  • แนวต้าน: 14 บาท / 0.4624 USD


จับกระแสการลงทุน

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีฟื้นตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากวุฒิสภาสหรัฐฯ สามารถที่จะตกลงกันได้ในการโหวตเพื่อให้สหรัฐฯ สามารถยุติการ Shutdown ลงได้ ประกอบกับ Donald Trump มีแผนที่จะแจกเงินให้พลเมืองสหรัฐฯ คนละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดได้ทางหนึ่ง

แรงขายจากกลุ่มผู้ถือระยะยาว (Long Term Holder) ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสัปดาห์ก่อนหน้ายังมีแรงขายจาก ETF ประเมิน Down Side ของ Bitcoin (BTC) อาจลงได้อีก 10% จากช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลงมาแล้ว 20% จากจุดสูงสุด โดยการปรับฐาน 30% หรือลงมาที่ระดับ 88,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นค่าเฉลี่ยของการปรับฐานลง 2 รอบก่อนหน้านี้

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน จะมีการประกาศตัวเลข CPI ของเดือนตุลาคม 2568 คาดออกมาที่ 3% หากออกมาในระดับดังกล่าวหรือน้อยกว่า คาดจะส่งผลบวกต่อตลาด เนื่องจากจะสนับสนุนให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ตัดสินใจลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง

เริ่มมีแรงซื้อในเหรียญทางเลือก (Altcoin) บางกลุ่มเข้ามาแต่ตลาดยังมีความผันผวนจากสภาพคล่องที่หายไปในช่วงที่เกิดการ Shutdown ตลอดจนความกังวลในหุ้น AI ที่ถูกเทขาย แต่หากมีความชัดเจนว่าการประชุม FOMC ครั้งสุดท้ายของปีนี้จะมีการลดดอกเบี้ย รวมถึงนโยบายแจกเงิน 2,000 ดอลลาร์สหรัฐเกิดขึ้นจริง น่าจะมีแรงซื้อเข้ามาเพิ่มเติมโดยเฉพาะใน Altcoin กลยุทธ์ในช่วงนี้เน้นสะสมระยะยาวมากกว่าเก็งกำไรระยะสั้นจนกว่าตลาดจะเริ่มมีปัจจัยบวกเข้ามา

 

แหล่งอ้างอิง

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต

หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน