สัปดาห์ที่ 12 - 18 สิงหาคม 2568
ประธานาธิบดี Donald Trump เตรียมลงนามในคำสั่ง Executive Order เปิดทางให้กองทุนเพื่อการเกษียณต่าง ๆ หรือ 401(k) ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ารวมกว่า 12.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างคริปโทเคอร์เรนซี อสังหาริมทรัพย์และ Private Equity ได้
Donald Trump ลงนามในคำสั่ง Executive Order ป้องกันไม่ให้หน่วยงานกำกับดูแลของรัฐบาลกลางใช้เหตุผลด้านความเสี่ยงด้านชื่อเสียง (Reputational Risk) เป็นข้ออ้างในการกดดันหรือจำกัดสถาบันการเงินที่ให้บริการแก่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อสร้างความมั่นใจให้สถาบันการเงินสามารถให้บริการลูกค้าในอุตสาหกรรมคริปโตโดยสะดวกขึ้น
ก.ล.ต.สหรัฐอเมริกาประกาศว่า การทำธุรกรรมการสเตกและเหรียญ LST (Liquid Staking Token) ไม่ถือว่าเข้าข่ายเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ (Securities Offering) เปิดทางให้ผู้พัฒนาและนักลงทุนสามารถสร้างผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ LST ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ทั้งในฝั่ง DeFi และสถาบันการเงินดั้งเดิม
สำนักงานกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้าแห่งสหรัฐอเมริกา (CFTC) อนุญาตให้สามารถซื้อขายสัญญา Spot Crypto Asset บนตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ได้รับการจดทะเบียนกับ CFTC ถือเป็นการเปิดประตูให้ตลาดคริปโตเข้าสู่การกำกับดูแลแบบเป็นระบบ
ปริมาณธุรกรรมบนเชน Ethereum ในเดือนกรกฎาคม 2568 นี้ มีมูลค่ารวม 2.38 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70% เทียบกับเดือนก่อนหน้า ถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ธันวาคม 2564 จำนวนธุรกรรมมียอดรวมกว่า 46.67 ล้านรายการ สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และจำนวน Active Addresses ต่อเดือนอยู่ที่ 17.55 ล้าน เป็นระดับสูงสุดตั้งแต่พฤษภาคม 2564
JPMorgan ออกบทวิเคราะห์ว่า ทั้ง DeFi และ Asset Tokenization ยังได้รับการยอมรับจากสถาบันในวงจำกัด จากการที่ผู้ใช้งาน DeFi ส่วนใหญ่ยังเป็นรายย่อยและสถาบันการเงินยังเป็นส่วนน้อยโดยมีความกังวลเรื่องกฎระเบียบและความปลอดภัย ขณะที่ Asset Tokenization ยังเพิ่งจะเริ่มต้น
Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงต้นสัปดาห์ เตรียมทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่ 123,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากผ่านแนวต้านนี้ จะมีเป้าหมายต่อไปที่ 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนแนวรับยังคงใช้จุดต่ำสุดเดิมที่ 112,000 ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
Ethereum (ETH) ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ โมเมนตัมยังบวกได้ต่อเนื่องโดยมีเป้าหมายที่ระดับ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ระยะสั้นใช้แนวรับที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นจุดในการเข้าซื้อ มองว่ามีโอกาสสูงที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้
Lido DAO (LDO) ทำผลตอบแทน 47.10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถผ่านแนวต้านแรกที่ 0.70 ดอลลาร์สหรัฐมาได้ ทำให้ราคานี้จะเป็นแนวรับหลักแทนและใช้เป็นจุดในการเข้าซื้อได้ ส่วนเป้าหมายแนวต้านอยู่ที่ 0.90 ดอลลาร์สหรัฐ ราคาขึ้นมาค่อนข้างแรงให้หาจังหวะราคาย่อตัวเข้าซื้อ
Pendle (PENDLE) ทำผลตอบแทน 31.61% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่อง หาจังหวะเข้าซื้อที่แนวรับ 5.104 ดอลลาร์สหรัฐ เป้าหมายอยู่ที่จุดสูงสุดเดิมที่ 7.146 ดอลลาร์สหรัฐ แนวโน้มในภาพใหญ่ได้กลับตัวเป็นขาขึ้นแล้ว
ผลกระทบจากตัวเลขอัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) ที่ออกมาต่ำกว่าคาดอย่างมาก ทำให้เสียงในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) เริ่มแตกและตลาดคาดการณ์ว่า สหรัฐอเมริกามีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในช่วงที่เหลือในปีนี้ เพิ่มจากที่คาดไว้ว่าจะมี 2 ครั้งทำให้สินทรัพย์อย่างทองคำและ Bitcoin (BTC) มีแรงซื้อเข้ามา
สัปดาห์นี้วันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 จะมีการประกาศตัวเลข CPI ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจากเดือนที่แล้วที่ 2.7% เป็น 2.8% แต่หากออกมาน้อยกว่าคาดจะยิ่งเพิ่มโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงินจะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดัชนี Bitcoin Dominance ปรับตัวลงทดสอบแนวรับสำคัญทำให้เหรียญทางเลือก (Altcoin) มีการเก็งกำไรกลับขึ้นมา ขณะที่ผลตอบแทน Ethereum เทียบเคียง Bitcoin ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นสัปดาห์ ราคา Bitcoin กลับมาฟื้นตัวได้ทำให้ Altcoin ชะลอตัวลงเล็กน้อย
คาดว่า Bitcoin จะสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ในช่วงระยะสั้น อาจทำให้ Altcoin ชะลอตัวลงในสัปดาห์นี้ แต่ดัชนี Total3 ใกล้จะผ่านแนวต้านสำคัญเช่นกัน มองเป็นโอกาสทยอยสะสม Altcoin ขณะที่ Ethereum มีโอกาสที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้หลังจากนี้เช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไรช่วงสั้นใน Bitcoin และ Ethereum ที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่ ส่วน Altcoin สามารถทยอยสะสมได้ คาดจะมีแรงเก็งกำไรตามมาและจะเข้าสู่โหมด Altcoin Season เร็ว ๆ นี้
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน
เรียนรู้เพิ่มเติมบน Bitazza Thailand Blog