Bitazza Thailand Blog

รัสเซียผ่านกฎหมายหนุนขุด Bitcoin หวังลดพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ

เขียนโดย Bitazza Team - 13 ส.ค. 2024, 14:09:33

 

 

Vladimir Putin ประธานาธิบดีรัสเซีย อนุมัติกฎหมายเพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนการขุด Bitcoin ในประเทศสำหรับรายย่อย โดยกฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤศจิกายน 2567

Morgan Stanley บริษัทจัดการลงทุนรายใหญ่สหรัฐฯ เปิดทางให้ที่ปรึกษาทางการเงินในสังกัด 15,000 ราย สามารถแนะนำ Spot Bitcoin ETF ให้กับลูกค้าได้แล้ว โดยจะแนะนำ iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock และ Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC) ของ Fidelity โดย Morgan Stanley มีเครือข่ายที่ปรึกษาของบริษัทในการบริหารจัดการลงทุนกว่า 3.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งบัญชีลูกค้าที่บริหารการลงทุนเอง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ก.ล.ต. สหรัฐฯ เลื่อนอนมุติ Hashdex Nasdaq Crypto Index ETF ยื่นขอลิสต์โดย Nasdaq ซึ่งคาดว่าจะเป็น spot ETF กองแรกในสหรัฐฯ ที่กระจายลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีหลากหลาย 10 เหรียญที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ รวมถึง Bitcoin และ Ethereum

การสำรวจล่าสุดจากบริษัทกฎหมาย Barnes & Thornburg รายงานว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่อยู่ในสหรัฐฯ 84% เชื่อว่า เอกชนจะลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีมากขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีความมั่นใจในคริปโทเคอร์เรนซีมากขึ้น จากการเห็นสถาบันการเงินและบริษัทต่าง ๆ เริ่มเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้

ปริมาณธุรกรรมในเชน Ethereum ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน มีค่าเฉลี่ยรอบ 7 วันอยู่ที่ 1.12 ล้านธุรกรรมต่อวัน ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ รวมถึงจำนวนวอลเล็ตที่ใช้งานจริงลดลงเหลือ 400,000 บัญชี ขณะที่ธุรกรรมบน Layer 2 ปรับตัวพุ่งขึ้นสวนทาง

จำนวนซัปพลายของ Ethereum ที่ถูกนำมาสเตกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 27.95% โดยตั้งแต่มีการซื้อขาย Spot Ethereum ETF จำนวนเหรียญที่นำมาสเตกมีการเติบโต ขณะที่การสเตก ผ่าน liquid staking (โซลูชันที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงโทเคนที่ได้วางสเตกแล้ว เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์อื่นได้) เพิ่มขึ่้นกว่า 60% ในปีนี้

Coin98 Analytics ระบุผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียว่า 30 โทเคนใหม่ที่ลิสต์ใน Binance ในช่วงครึ่งปีแรก เกือบทั้งหมดให้ผลตอบแทนติดลบเฉลี่ยตั้งแต่ 50-90% สาเหตุหลักมาจากการแจกโทเคนเหล่านี้ผ่านการแอร์ดรอป ทำให้มีมูลค่าลดลงตั้งแต่วันแรกที่ซื้อขาย

Sentiment เปิดเผยการทำธุรกรรม Bitcoin ของนักลงทุนรายใหญ่ ที่เรียกว่า whale หรือ วาฬ พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน โดยวอลเล็ตที่มีการถือครอง Bitcoin ตั้งแต่ 10 ถึง 1,000 BTC มีการเข้าสะสม Bitcoin อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ราคาลงมาแตะ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ 

วิเคราะห์กราฟเทคนิค

 

 

Bitcoin (BTC)

Bitcoin (BTC) ปรับตัวขึ้นแรงจากจุดต่ำสุด 49,000 ดอลลาร์สหรัฐ แรงซื้อเข้ามาหนาแน่น คาดว่าแนวรับ 54,000 ดอลลาร์สหรัฐ จะสามารถรับแรงขายได้ มองสัปดาห์นี้ราคามีโอกาสฟื้นตัวจากความคลายกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย แนวต้านแรกที่ 62,000 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ

  • แนวรับ 1,900,000 บาท / 54,000 USD
  • แนวต้าน 2,600,000 บาท / 70,000 USD

 

 

Ethereum (ETH)

Ethereum (ETH) ฟื้นตัว แต่ยังไม่สามารถกลับตัวเป็นขาขึ้นได้จนกว่าจะผ่านแนวต้านแรก 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านไปได้ถึงมองเป้าหมายระยะกลางที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังต้องจับตาแนวรับที่จุดต่ำสุดเดิมที่ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้ายังรักษาระดับนี้ได้แนวโน้มยังมีโอกาสฟื้นตัว

  • แนวรับ 72,000 บาท / 2,100 USD
  • แนวต้าน 108,000 บาท / 3,000 USD

 

 

Sui (SUI)

Sui (SUI) ทำผลตอบแทนขาขึ้น 72.59% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มกลับตัวเป็นขาขึ้นได้แล้วในช่วงสั้น สัปดาห์นี้จับตาที่แนวรับ 0.60 ดอลลาร์สหรัฐ สามารถใช้เป็นจุดซื้อได้ เป้าหมายในสัปดาห์หน้าที่แนวต้าน 1.40 ดอลลาร์สหรัฐ กลยุทธ์เข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว

  • แนวรับ 22 บาท / 0.60 USD 
  • แนวต้าน 48 บาท / 1.40 USD

 

 

1000Sats (SATS)

1000Sats (SATS) ทำผลตอบแทนเป็นบวก 38.34% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาค่อนข้างมีความผันผวน ให้รอซื้อเมื่อราคาย่อตัวเท่านั้น ไม่แนะนำให้เข้าลงทุนเพื่อไล่ราคา ระยะสั้นใช้แนวรับเพื่อเข้าซื้อที่ 0.00023 ดอลลาร์สหรัฐ ถ้าหลุดจากระดับนี้ให้ชะลอการลงทุนไปก่อน แต่ถ้ารับอยู่จะมีเป้าหมายแนวต้านสัปดาห์นี้ที่ 0.00040

  • แนวรับ 0.010 บาท / 0.00023 USD 
  • แนวต้าน 0.140 บาท / 0.00040 USD

 

จับกระแสการลงทุน 

ตลาดการลงทุนคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยและการเกิด unwind yen carry trade (ลดสถานะเงินเยนที่กู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อไปซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า) ทำให้ราคา Bitcoin ฟื้นตัวกลับตามตลาดหุ้น คาดความเสี่ยงขาลง (downside risk) มีจำกัดจากการที่นักลงทุนระดับวาฬเข้าซื้อ Bitcoin ในช่วงที่ราคาลงมาแตะระดับ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ค่อนข้างหนาแน่น

ดัชนี Fear & Greet Index กลับมาอยู่ระดับ 20 บ่งบอกว่านักลงทุนยังมีความกังวล ขณะที่ปัจจัยลบระยะสั้นผลคะแนนโพลเลือกตั้งสหรัฐฯ Kamala Harris เริ่มมีคะแนนนำ Donald Trump อาจกดดันตลาดคริปโทเคอร์เรนซีจากความคาดหวังว่าหาก Trump ชนะการเลือกตั้งจะส่งผลบวกต่อตลาดมากกว่า

ไฮไลต์สำคัญสัปดาห์นี้ วันพุธจะมีประกาศตัวเลข CPI (consumer price index) ของเดือนกรกฎาคม โดยคาดการณ์ว่า ออกมา 3% เท่ากับเดือนก่อนหน้า ถ้าหากออกมาต่ำกว่านี้จะเป็นบวกต่อตลาดการลงทุน เพราะจะเพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า

โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อลดดอกเบี้ยมีน้อยลง ตลาดน่าจะโฟกัสที่การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ Jackson Hole อาจมีการประกาศทิศทางนโยบายการเงินภายในงานนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางของตลาดการเงินการลงทุนรวมถึงคริปโทเคอร์เรนซี

กลยุทธ์การลงทุน มองสัปดาห์นี้ตลาดฟื้นตัวหลังราคา Bitcoin ลงมาแตะจุดต่ำสุด สถิติ 2 ครั้งก่อนหน้าราคาจะกลับไปทดสอบแนวต้าน 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังไม่สามารถกลับไปยังจุดสูงสุดเดิมได้ เน้นสะสมเหรียญขนาดใหญ่อย่าง Bitcoin และ Ethereum ส่วนเหรียญมาร์เก็ตแคปรอง เน้นที่ Solana (SOL) และ Binance (BNB)

 

แหล่งอ้างอิง

คำเตือน

  • คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีตหรือผลการดําเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทน ของสินทรัพย์ดิจิทัลหรือผลการดําเนินงานในอนาคต


หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน