สัปดาห์ที่ 11-17 กุมภาพันธ์ 2568
หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของญี่ปุ่น (FSA) ได้ขอให้ Apple และ Google ระงับการเข้าถึงแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ไม่ได้จดทะเบียนสำหรับผู้ใช้ในประเทศ อย่างไรก็ตาม FSA กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่การปราบปรามหรือเกี่ยวกับ “การปิดกั้นการลงทุนในคริปโต” แต่เป็นการ “กำหนดขอบเขต” สำหรับการแพลตฟอร์มซื้อขายที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ
Donald Trump ลงนามคำสั่งให้ Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและ Howard Lutnick รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เริ่มต้นกระบวนการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา โดยอาจนำมาใช้ทั้งลงทุนใน Bitcoin และแอปพลิเคชัน TikTok
อินเดียกำลังทบทวนจุดยืนที่เข้มงวดเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี หลังจากก่อนหน้านี้มีแนวทางคล้ายกับสหรัฐอเมริกา แม้ว่าจะมีภาษีและกฎระเบียบที่เข้มงวด อินเดียกลับเป็นผู้นำในการยอมรับคริปโตเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในปี 2557 คณะกรรมการกำกับดูแลตลาดของอินเดียยังได้แนะนำให้หน่วยงานหลายแห่งเข้ามาตรวจสอบการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งท่าทีนี้ขัดแย้งกับธนาคารกลางของประเทศที่ยืนยันว่าเงินดิจิทัลส่วนบุคคลเป็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมหภาค
ก.ล.ต. สหรัฐฯ กำลังพิจารณาสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบชุดใหม่สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงอาจยกเลิกคำสั่งของคณะกรรมการชุดก่อนหน้าที่ส่งผลลบต่อคริปโทเคอร์เรนซี โดยประเด็นที่คณะกรรมการชุดใหม่ให้ความสำคัญที่สุด คือ การตีความว่าสินทรัพย์ด้านคริปโทเคอร์เรนซีนับว่าเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ นอกจากนี้ Bill Hagerty วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกา เสนอร่างกฎหมายเพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) อย่าง USDT และ USDC ว่าจะต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยมุ่งเน้นการกำกับดูแลภายใต้การสนับสนุนให้เติบโต
MicroStrategy เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Strategy เพื่อตอกย้ำภาพการเป็นธนาคาร Bitcoin อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้หยุดซื้อ Bitcoin ตลอดช่วงวันที่ 27 มกราคมถึง 2 กุมภาพันธ์ 2568 หลังซื้อต่อเนื่องกัน 12 สัปดาห์ ล่าสุดถือครองรวม 471,107 BTC
Bitcoin (BTC) แนวโน้มระยะกลางยังคงเคลื่อนไหวออกข้าง จับตาแนวรับสำคัญที่ 89,000 ดอลลาร์สหรัฐ หากยังยืนได้ มองโอกาสที่จะสะสมพลังเพื่อกลับตัวเป็นขาขึ้นต่อ หากหลุดระดับนี้ให้ชะลอลงทุน แนวต้านแรกอยู่ที่ 106,000 ดอลลาร์สหรัฐ ผ่านระดับนี้ไปได้ถึงมองเรื่องการทำจุดสูงสุดใหม่
Ethereum (ETH) ปรับตัวลงแรงทดสอบจุดต่ำสุดที่ 2,125 ดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของรอบนี้แล้ว แต่หากรับไม่อยู่ ต้องชะลอการลงทุนไปก่อน หาจังหวะเข้าซื้อที่แนวรับดังกล่าวและขายทำกำไรระยะกลางที่แนวต้าน 2,940 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากผ่านแนวต้านนี้ จะกลับตัวเป็นขาขึ้น
PancakeSwap (CAKE) ทำผลตอบแทน 20.49% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอบรับกระแสเชน BNB เข้าสู่กระแสเหรียญมีม แต่แนวโน้มหลักยังเป็นขาลง จับตาแนวรับ 1.10 ดอลลาร์สหรัฐ หากรับไม่อยู่ให้ตัดขาดทุน แต่หากยืนได้ต่อเนื่อง จะมีเป้าทำกำไรระยะสั้นที่ 2.40 ดอลลาร์สหรัฐ
Velo (VELO) ทำผลตอบแทน 9.03% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา แนวโน้มหลักยังเป็นขาลง ระวังหากหลุดจุดต่ำสุดเดิมที่ 0.013 ดอลลาร์สหรัฐ ให้ชะลอการลงทุน เป้าหมายขายทำกำไรอยู่แนวต้านแรกที่ 0.023 ดอลลาร์สหรัฐ และหากผ่านแนวต้านนี้ได้ แนวโน้มหลักจึงกลับตัวเป็นขาขึ้น
การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Non Farm Payroll) ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้มีแรงซื้อ Bitcoin (BTC) ก่อนจะถูกเทขายจากการที่ Donald Trump ประกาศนโยบายจัดเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม แต่ราคายังทรงตัวอยู่เหนือแนวรับสำคัญได้
คาดว่า ตลาดรับรู้ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายจัดเก็บภาษีนำเข้าของ Donald Trump ไปแล้ว กำลังรอปัจจัยบวกในประเด็นความคืบหน้าของการเข้าซื้อ Bitcoin เป็น Strategic Reserve รวมถึงกฎระเบียบใหม่ด้านคริปโทเคอร์เรนซีที่จะเป็นปัจจัยบวกดันราคาต่อไป
สำหรับเหตุการณ์สำคัญในสัปดาห์นี้ วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มีกำหนดขึ้นพูดรายงานภาวะเศรษฐกิจต่อรัฐสภาสหรัฐอเมริกา และวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ มีการประกาศตัวเลข CPI หรือภาวะเงินเฟ้อประจำเดือน ตลาดคาดว่าจะออกมาเท่ากับเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% หากออกมาน้อยกว่า คาดจะส่งผลบวกต่อตลาด
กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้เหมาะสมที่จะทยอยสะสมเหรียญขนาดใหญ่อย่าง Bitcoin และ Ethereum (ETH) โดยเข้าซื้อที่แนวรับสำคัญและชะลอลงทุนหากหลุดแนวรับ รวมถึงเหรียญทางเลือก (Altcoin) ที่มีมาร์เกตแคปขนาดใหญ่อย่าง มีแนวโน้มขาขึ้นและรอความชัดเจนจากกฎระเบียบด้านคริปโทอย่าง BNB (BNB), Solana (SOL), Ripple (XRP) และ Sui (SUI)
แหล่งอ้างอิง
คำเตือน
หมายเหตุ มุมมอง ข้อมูลความรู้ และความคิดเห็นถือมาเป็นเนื้อหาที่มาจากปัจเจกบุคคลที่เกี่ยวข้อง และไม่ได้ถือเป็นการแสดงออกจากบิทาซซ่าและพนักงาน ทั้งอีเมลและเนื้อหาที่นำเสนอไม่ถือเป็นคำแนะนำด้านการลงทุน