Bitazza Thailand Blog

สรุปประเด็นจาก CEO ในงาน Thailand Blockchain Week 2024

เขียนโดย Bitazza Team - 8 เม.ย. 2025, 11:10:18

 

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 คุณปลั๊ก - ธนวัต สุตันติวรคุณ CEO ของ Bitazza Thailand ได้ร่วมเสวนาในงาน Thailand Blockchain Week 2024 ภายใต้หัวข้อ “Bull Market ของจริงจะมาได้ไหม ในวันที่ FED หยุดขึ้นดอกเบี้ย” เราได้สรุปประเด็นต่าง ๆ ที่น่าสนใจมาให้ชาวบิทาซซ่าได้อ่านกัน

เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในสมัย Donald Trump

เริ่มต้นด้วยการสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัญอเมริกาหลัง Donald Trump ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปี 2567 ในมุมเศรษฐกิจมหภาค มีปัจจัยที่จะเป็นแรงผลักดันคริปโทเคอร์เรนซีโดยเฉพาะ Bitcoin จากหลายนโยบายของ Trump เช่น การนำ Bitcoin มาเป็นกองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Reserve) ที่จะทำให้เกิดความต้องการซื้อที่มากขึ้นสวนทางกับปริมาณในตลาดที่มีจำกัด กลายเป็นแรงผลักดันราคานอกเหนือจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น Bitcoin Halving และการลดอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายอื่นอย่าง ESG เทรนด์ของตลาดโลกที่ผลักดันพลังงานทางเลือก ผ่านการให้เงินอุดหนุนบริษัทผลิตพลังงานทางเลือกท้องถิ่น ผลที่ตามมา คือ การลดค่าใช้จ่ายของทางพลังงาน และผลักดันเพิ่มเติมให้นักขุดเข้าสู่สหรัฐอเมริกา สนับสนุนให้มีผู้ขุด Bitcoin เพิ่ม

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะมาไหม

ส่วนแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ต้องพิจารณาเพดานหนี้สหรัฐฯ ร่วมด้วยซึ่งยังไม่นับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับ GDP แต่เห็นอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตามอง 

ภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังเกี่ยวข้องกับนโยบายของ Trump เรื่องกำแพงภาษีเองด้วย เพราะสินค้าหลายชนิด โดยเฉพาะวัตถุดิบต่าง ๆ (Raw Materials) ยังต้องนำเข้าจากประเทศเอเชียโดยเฉพาะจีน ทั้งนี้ ยังต้องติดตามตัวเลขต่อไปแต่มีความเสี่ยงเหมือนกัน

จะเป็นตลาดกระทิงเหมือนช่วงโควิด-19 ไหม

เมื่อได้รับการถามถึงว่า ตลาดกระทิงในช่วงปี 2567-2568 จะเป็นเหมือนตลาดกระทิงในช่วงโควิด-19 ไหม คุณปลั๊กได้ให้ความเห็นไว้ว่า ยังมีปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์และสงครามที่ต้องพิจารณานอกเหลือจากการที่ FED ลดดอกเบี้ย

ยิ่งมอง Bitcoin (BTC) เปรียบเหมือน Digital Gold ที่เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนและเงินเฟ้อ หากในอนาคตมีความรุนแรงและความไม่แน่นอน ความต้องการซื้อ Bitcoin ก็อาจเพิ่มมากขึ้นเพราะการอยู่บนบล็อกเชน ทำให้เราสามารถตรวจสอบและมั่นใจในข้อมูลได้ จะเป็น Safe Haven ที่มีความผันผวนอยู่บ้าง

สิ่งถัดมา คือ ผู้ดูแลเรื่องกฎระเบียบด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มเปิดรับมากขึ้น เห็นได้ง่าย ๆ จากการที่ ETF ไม่ว่าจะเป็น Spot Bitcoin ETF หรือ Spot Ethereum ETF ได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐในหลายประเทศ ทำให้เกิดความสนใจเปิดกว้างพยายามออกแนวทางให้ทันตามตลาด 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป คือ เมื่อมีการเปิดกว้าง นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ที่เดิมทีไม่มีความเชื่อมั่นในหลายประเทศก็จะหันมาลงทุน เช่น ยุโรปมี MiCa ตลาดจะกว้างมากขึ้นและผลักดันให้ผู้ที่ลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิมหันมาลงทุนใน Bitcoin หรือคริปโทเคอร์เรนซีมากขึ้น

ทั้งนี้ ยังต้องจับตามองว่าในไตรมาส 1 ของปี 2568 นโยบายของ Trump สามารถทำได้จริงมากน้อยแค่ไหน และดอกเบี้ยจะมีการลดลงเร็วตามคาดและช้ากว่าคาดอย่างไรบ้าง

คำแนะนำถึงนักลงทุนมือใหม่

คุณปลั๊กทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มซื้อขายว่า ควรพยายามกระจายการลงทุนในพอร์ต อย่างคำพูดที่ว่า “Don’t put all your fruit in one basket” แม้เราจะมีความมั่นใจและเชื่อมั่นก็ควรกระจายการลงทุน เพราะหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เราจะได้ไม่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

*เนื้อหานี้จัดทำโดยบริษัท บิทาซซ่า จำกัด
**บุคคลในภาพเป็นบุคลากรของบริษัท บิทาซซ่า จำกัด
***คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้